อย่าลืม...รักษาด้วยสติ กำหนดสติไปที่จุดที่มันสั่น กำหนดรู้ ไม่ต้องคิด


การกำหนดรู้นั้น กำหนดแบบปล่อยนะ ถ้าไปกำหนดแบบยึด จะยิ่งไปกันใหญ่กว่าปกติเสียอีก กำหนดแบบปล่อยคือ กำหนดแบบมาโคร ที่เห็นภาพรวม ที่เชื่อมโยงกัน

เมื่อคืนนี้ก่อนนอน สนทนากับ  " คนถางทาง"  ว่าวันนี้มีนัดรับยาที่ รพ. มหาราช ท่านกรุณา่ห่วงใย  โดย

"เตือนให้รักษาด้วยสติ กำหนดสติไปที่จุดที่มันสั่น  กำหนดรู้ไม่ต้องคิด  การกำหนดรู้นั้นให้กำหนดแบบปล่อย  "

เป็นความห่วงใยของผู้ใหญ่ที่ รู้สึก ชอบมาก  เนื่องจากพอเวลาที่ตัวเองทุกข์จากโรคสติมักเตลิด  พลอยอารมฌ์ ไม่ดีหงุดหงิด ไม่อยากมีชีวิตไปซะงั้น รู้สึกว่า อยู่แล้วทรมาน ทุกวัน วันละหลายๆรอบ  ที่พยายามยอมรับก็ได้ระดับหนึ่ง  แต่เจ้าสติก็พลอยเตลิดไปใหญ่ บางทีไม่อยากกินยา  เบื่อแล้ว   

  ใช่จริงๆ แล้วเราต้องมีสติ  ต้องพยายามเจริญสติ วันนี้จึง ค้น การเจริญสติจาก internet  อ่านแล้วรู้สึกดี จึงนำมาแบ่งปัน 

"เจริญสติ เป็นการพูดย่อๆ มีคำเต็มว่า เจริญสติปัญญา(ที่ดับทุกข์ได้)

ส่วนเจริญสมาธิ หมายถึง การเจริญความสงบ

สติ เป็นเจตสิกที่ทำงานเป็นอัตโนมัติ มีหน้าที่ดึงความจำที่เก็บไว้ในสัญญาออกมารับกระทบสัมผัส ถ้าเราเก็บความจริงไว้มาก สติก็ดึงความจริงออกมาได้ง่ายกว่าความเห็น ถ้าเก็บความเห็นไว้มาก สติก็ดึงความเห็นออกมาได้ง่ายกว่าความจริง

การเจริญสติปัญญา จึงทำได้โดยการเอาความจริงสะสมไว้ในจิตใจมากๆ ความจริงที่ว่าคือ อนิจจะสัญญา ทุกขะสัญญา และอนันตะสัญญา สัญญาทั้ง ๓ จะเกิดได้ ก็ต่อเมื่อเราพิจารณาเห็นสิ่งที่เข้ามากระทบสัมผัสทาง ตา หู จมูก สิ้น กาย ใจ ตามความเป็นจริงที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากจะให้เป็น คือ มันมัลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ต้องดับไป เกิดจากเหตุปัจจัยมารวมกันชั่วคราว พร้อมด้วยเหตุปัจจัยให้อยู่ก็ต้องอยู่ พร้อมด้วยเหตุปัจจัยให้แตกสลายก็ต้องแตกสลาย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้

เมื่อสะสมความจริงอย่างนี้ไว้ในใจมากๆ เข้า ปัญญาจะเกิดอย่างกว้างขวางทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราจะเห็นสิ่งรอบข้างตามที่มันเป็น ไม่ปรุงแต่ง ไม่ยึดมัน ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นอัตโนมัติ ความสงบเกิดขึ้นทันทีตามธรรมชาติ

ส่วนการเจริญสมาธิ พระพุทธองค์ตรัสสอนพระอริยะทั้งหลาย เพื่อการอยู่อย่างสงบในธรรมวินัย สมาธิจึงไม่ใช่ธรรมเพื่อการขัดเกลา จะเอาสมาธิมากำจัดกิเลสไม่ได้ พระพุทธองค์เคยทำมาก่อนสมัยเป็นฤาษีพราหมณ์ฝึกวิชากับอาจารย์ทั้ง ๒ แล้วสรุปว่า ทางนี้ไม่มีปัญญาดับทุกข์

อีกนัยหนึ่ง พระพุทธองค์ให้ภิกษุที่มีฌานอภิญญาฝึกสมาธิต่อหลังจากสำเร็จเป็นพระอริยะแล้ว เพื่อใช้ศึกษาธรรมชาติให้ถ้วนทั่ว คือ เห็นจักรวาล เห็นนรก เห็นสวรรค์ ฯ

การเจริญสมาธิจึงไม่ใช่กิจของฆารวาส ในพระไตรปิฏก ไม่มีสูตรใหนที่พระพุทธองค์สอนให้ฆราวาสไปเจริญสมาธิก่อน แล้วค่อยมาสร้างปัญญาเพื่อดับทุกข์ภายหลัง เพียงแต่รู้จักสร้างความคิดเห็นให้ถูกต้อง เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงเกิดดับ เพียงเท่านี้ก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้"

ขอบคุณท่านอาจารย์..."คนถางทาง"....ที่ชี้แนะ 

คำสำคัญ (Tags): #เจริญสติ
หมายเลขบันทึก: 485647เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2012 16:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 16:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

การฝึกสมาธิจึงไม่ใช่กิจของฆราวาส....เอ...อันนี้ต้องตรองให้ดีนะครับ เท่าที่ผมร่ำเรียนมา อันว่าศีล(สติ) สมาธิ ปัญญา นั้น ปุถุชน(คนหนา)ซึ่งหมายถึงฆราวาสทั่วไป และ พระภิกษุที่ยังไม่เป็นอริยบุคคล ทำได้เสมอกันหมดครับ แต่ความรู้ ความเข้าใจ และจริตของแต่ละบุคคลมีระดับต่างกัน ดังนั้น จะเอาอะไรขึ้นก่อน หรือเป็นแกนนำ ก็สุดแล้วแต่ คนมีปัญญามากก็อาจใช้ปัญญานำ คนมีวิริยะมากก็อาจเอาสมาธิเป็นแกนนำ แต่สติ จะต้องเป็นฐานเสมอ

การฝึกสตินั้นส่วนใหญ่จะต้องมีหลักยึด เหมือนฝึกม้า ฝึกวัวให้เชื่องก็ต้องมีหลักผูก หลักของจิตก็มีได้หลากหลายแล้วแต่สำนักอาจารย์ สำหรับท่านพพจ. ท่านนิยมลมหายใจ ก็เรียกกันว่า อานาปานสติ ถ้าใช้อิริยาบททางกายเป็นหลักก็เรียกว่า กายคตาสติ ครับ ...ที่ผมเสนอให้คุณชลัญธร กำหนดสติที่การสั่นของอวัยวะอันเนื่องจากโรคพาร์กินสัน ก็น่าอนุโลมเป็น กายคตาสติได้ ซึ่งท่านพพจ.ท่านว่าทำให้มากแล้วจะเกิดอานิสงส์มาก ..ถึงขาดหลุดพ้น บรรลุธรรมได้นั่นเลยเทียว

พาร์กินสันพาบรรลุธรรม...คงได้ลงกินเนสบุคแน่ๆ ...ลองดูครับ เอาใจช่วย

สติมักใช้คูกับสัมปชัญญะ หรือ สติปัญญาก็ได้ คือเมื่อมีทุกข์ ก็ให้มีสติทีความทุกข์ และสติไปดึงเอาปัญญา (สัมปชัญยะ) มาดับทุกข์ได้ทันกาล (เหมือนไฟไหม้ เราต้องมีสติว่าเกิดไฟไหม้ แล้วมีความรู้ว่าน้ำดับไฟได้ ก็ไปเอาน้ำมาราด ไฟก็ดับ) ถ้ามีแต่สติแล้วไม่มีปัญญาก็ใช้การอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่ามีปัญญาแล้วไม่มีสตินะครับ ดังนั้นสติว่าไปแล้วสำคัญกว่าปัญญาเสียอีก เพราะส่วนใหญ่แล้ว สติมาปัญญามักจะเกิดตามโดยปกติวิสัยอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท