บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2555 ติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ http://archive.naewna.com/allnews.asp?ID=97
การเตรียมตัวเข้า AEC 2015 ทุนทางวัฒนธรรมเป็นจุดแข็งของคนไทย (บทเรียนจากความจริง กับดร.จีระ) |
พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติตามราชประเพณีโบราณ ไม่ใช่เฉพาะคนไทยและคนรุ่นใหม่ในไทยเท่านั้นที่จะต้องเรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรมประเพณีอันยิ่งใหญ่ของไทย แต่ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลกก็ต้องตะลึงกับขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทยที่สะสมเป็นรากเหง้าของประเทศมาเป็นเวลาเกินพันปี ซึ่งประเทศอื่นๆไม่สามารถจะลอกเลียนได้ นอกจากนั้นคนไทยยังระลึกถึงพระจริยาวัตรของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี ซึ่งได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการองค์หนึ่ง ทรงเป็นพระราชธิดาองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ของคนไทย สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี ทรงเป็นขัตติยะนารีที่ทรงทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดินอย่างแท้จริง เช่น * ทรงมีพระอัจฉริยะภาพทางการคำนวนและการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง * ทรงมีพระปรีชาทางด้านหัตถศิลป์ * ทรงโปรดศิลปะการดนตรีทั้งการขับร้องและทรงเปียโน * ทรงรักษาขนบทำเนียบประเพณีของไทยโดยทรงนิยมใช้ของไทยไม่ต้องหรูหรา * ทรงศึกษาธรรมะ ศึกษาพระอภิธรรมแตกฉาน * ทรงดำรงพระองค์สมถะ แต่ทรงใช้เงินเพื่อช่วยเหลือเพื่อสาธารณะชน ผมและคนไทยขอร่วมถวายอาลัยส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยมา ณ ที่นี้ สัปดาห์นี้มีบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งจากเราไปในวัยอันไม่สมควรคือ ท่านรองนายกฯไพบูลย์ วัฒนศิริธรรมเสียชีวิตอายุแค่ 71 ปี ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของท่านและเสียใจแทนคนไทยที่คนดีของชาติต้องจากเราไปอีกท่านหนึ่ง ในระดับชาติ คุณไพบูลย์ได้เสียสละเพื่อพัฒนาองค์กรเอกชนและชุมชนให้เข้มแข็ง ถึงแม้จะเรียนทางเศรษฐศาสตร์และทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมาก่อน แต่ก็พยายามจะสร้างชุมชนเข้มแข็งให้พึ่งตัวเองได้ เป็นบุคคลที่เน้นสันติวิธี พยายามให้คนไทยแก้ปัญหาความ ขัดแย้งด้วยการเจรจาต่อรอง โดยใช้เหตุและผล เน้นบทบาทของคนกลางที่ประสานความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย ตัวผมได้ทำงานใกล้ชิดบนเวทีกับท่านประมาณ 5 - 6 ครั้ง ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานสร้างผู้นำของ กฟผ. ได้ริเริ่มที่จะให้ผู้นำ กฟผ.หันมาดูแลชุนชนมากขึ้นเพราะได้รับการต่อต้านจากชุมชนและ NGO ท่านก็กรุณามาร่วมอภิปรายให้ผู้นำ กฟผ.ให้ปรับวิธีการคิดของผู้นำ กฟผ. ท่านเต็มใจอย่างมากที่จะสละชีวิตเพื่อส่วนรวม ผมขอสดุดีความดีของท่านมา ณ ที่นี้ และหวังว่า จะเป็นตัวอย่าง (Role Model) ที่ดีต่อคนในสังคมต่อไป สัปดาห์นี้ต้องพูดถึงแผ่นดินไหวล่าสุดในเกาะสุมาตรา ระดับ 8.6 ริกเตอร์ ซึ่งถือว่ารุนแรงมาก ถึงแม้ว่าจะไม่มีอันตรายเหมือนอย่างปี 2547 ก็ตาม แต่ก็มีข้อน่าสังเกตหลายเรื่อง * ทำไมเกิดซ้ำในบริเวณเดียวกัน ภายใน 8 ปี ตามปกติจะเกิดทุกๆ 100 กว่าปี * คราวนี้การเตรียมตัวอพยพคนทำได้ดีในทุกๆประเทศเพราะมีประสบการณ์มามาก * แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ วิชาการเกี่ยวกับแผ่นดินไหวเปลี่ยนไปมากเพราะอะไรที่เกิดช่วงนี้ก็จะไปกระทบโครงสร้างใหญ่ของเปลือกโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ภัยธรรมชาติและภัยพิบัติจะมีรุนแรงมากขึ้น มนุษย์จะเตรียมตัวอย่างไร? แต่ที่แน่ๆคือ โลกจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์มีความเข้าใจว่าได้ทำลายธรรมชาติมานานแล้ว ถึงเวลาที่จะดูแลธรรมชาติอย่างจริงจัง ทำให้สำเร็จแต่ที่น่ากลัวคือ มนุษย์ก็ยังปรับพฤติกรรมไม่ได้ ยกตัวอย่างบทบาทของสภาผู้แทนไทยในช่วงหลังๆทำอยู่คือ * ปรองดอง * แก้รัฐธรรมนูญ วิธีการทำก็ไม่เกรงกลัวว่าคนอีกจำนวนหนึ่งจะคิดอย่างไร? ไม่เน้นจริยธรรม เหตุและผล (ยกมือลูกเดียว) ดังนั้นคนไทยที่รักชาติ หวังดีต่อประเทศคงต้องช่วยดูแลประเทศต่อไป ขอชมเชยผู้นำฝ่ายค้าน คุณอภิสิทธิ์ในช่วงนี้ทำหน้าที่ของงานได้ดี ผมมีความเชื่อว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคฝ่ายค้านในช่วงนี้ก็คือทำให้ประชาชนอุ่นใจว่าเป็นทางเลือกที่ดีในอนาคตและเวลา 3 ปีไม่นานเกินไปก่อนการเลือกตั้งใหม่ ขอให้ใช้เวลาเพื่อสร้างฐานเสียงในภาคอีสานและภาคเหนือมากขึ้น ที่เคยถูกปรามาสว่าเลือกตั้งแพ้ทุกครั้งจะได้ไม่เกิดขึ้น ผมขอให้กำลังใจ ยิ่งไปกว่านั้นนโยบายที่พรรคดึงคนข้างนอกเลือดใหม่มาเข้าพรรค โดยเฉพาะจากภาคเหนือและภาคอีสานเข้ามาทำงานพรรคฯต้องมีอย่างต่อเนื่องและปรับวิธีการให้บทบาทของ คนเหล่านั้นสอดคล้องกับความคาดหวังของเขา อย่าให้เขารอจนกระทั่งทนไม่ไหวจนลาออกไปอยู่พรรคอื่นๆ มีคนบอกผมว่า มีนักการเมืองในพรรคอื่นๆที่เคยผิดหวังกับวิธีการของพรรคประชาธิปัตย์เพราะไม่ได้ใช้ศักยภาพของเขาได้เต็มที่ แต่ประสบความสำเร็จในพรรคอื่นๆ สุดท้ายเป็นข้อเขียนของ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ลงใน Facebook ส่งมาที่ผมเรื่องบทบาทของมหาวิทยาลัยของไทยที่ถูกใจผมมากๆก็คือ ท่านบอกว่าประวัติของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยตั้งแต่ University of Bologna มาถึง Oxford, Cambridge ก็เกือบ 1,000 ปีแล้ว มหาวิทยาลัย ต้องสร้างปัญญาไม่ใช่สร้างปริญญา ซึ่ง ดร.ภาวิชใช้คำว่า มหาวิทยาลัยต้องสร้างทุนมนุษย์ (Human Capital) และสร้างทุนทางปัญญา (Intellectual Capital) ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยซึ่งผมก็ช่วยและทำอยู่ ลูกศิษย์ผมทุกคนที่เรียนกับผมต้องคิด วิเคราะห์เป็น นำความรู้ไปสร้างมูลค่าเพิ่ม หวังว่าจะสร้างนวัตกรรมด้วย ข้อคิดเห็นของ ดร.ภาวิช ถูกต้อง 100% แต่ท่านที่อยู่พรรคเพื่อไทย ทำไมคุณทักษิณจึงตั้งคนอื่นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชุดนี้ 2 คนแล้ว ปัญหาก็คือข้อเขียนของ ดร.ภาวิช คุณทักษิณฟังหรือเปล่า? เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ [email protected] www.gotoknow.org/blog/chiraacademy แฟกซ์0-2273-0181 |
ไม่มีความเห็น