ต่อจาก เมื่อเป็นมะเร็งปอดระยะ๔ ตอนที่๔ เหตุที่เลือกรักษาแผนปัจจุบัน ในตอนที่๔นั้นผู้ป่วยได้เล่าถึงช่วงที่ได้มาพบรังสีแพทย์ครั้งแรก และเล่าถึงช่วงเวลาที่ตัดสินใจมารับการรักษาแผนปัจจุบันไปแล้ว ในตอนที่๕ นี้จะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ป่วยได้เริ่มมาฉายแสงจริงๆ ติดตามความรู้สึกก่อนและหลังรับการฉายแสงของผู้ป่วยว่าเป็นอย่างไรค่ะ หนึ่งในฐานะที่เป็นหนึ่งในทีมสุขภาพอ่านแล้วจึงได้รู้ว่า บางครั้งการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวนั้น เราควรให้เวลาในการอธิบายผู้ป่วยแต่ละรายให้มากกว่านี้ เพราะสิ่งที่เราแนะนำผู้ป่วยไปนั้น ผู้ป่วยจะถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนบางทีอาจไปเพิ่มความลำบากให้แก่ผู้ป่วยได้
ตอนที่๕ เริ่มฉายแสง
ตอนพบหมอรังสีเมื่อเดือน พ.ย.๕๔ หมอบอกว่า หมอคาดว่าจะฉายแสงให้ ๑๐ แสง ถ้าพอช่วยเหลือตัวเองได้จะให้มาฉายแสงแบบไปกลับเพราะฉายแสงแค่วันละครั้ง ครั้งละไม่นาน แต่พอมาพบหมอวันที่ ๒๘ ก.พ.๕๕ หมอบอกว่าจะฉาย ๕ แสง และให้นอนโรงพยาบาล หมอจะให้เลือดด้วยเพราะผลเลือดวันนี้ต่ำเล็กน้อย ซีด และอ่อนเพลีย เมื่อเข้ามาในตึกนอน มีผู้ป่วยที่เป็นพระภิกษุนอนอยู่ด้วย ๒ เตียง พอดีได้เอาเงินที่เตรียมมาเป็นค่าเช่าบ้าน(ทีแรกคิดว่าจะได้เช่าบ้านอยู่ใกล้ๆศูนย์มะเร็งฯแล้วค่อยมาฉายแสงแบบไป-กลับ) วันนี้ไม่ต้องเช่าบ้านจึงนำเงินส่วนนี้ถวายพระภิกษุทั้งสองรูปที่อยู่ตึกเดียวกันรูปละ ๕๐๐ บาท ได้ทำบุญเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อท่านทั้งสองรูป
การฉายแสง ทีแรกก็หวั่นเหมือนกันว่าจะเจ็บปวดแสบร้อนเหมือนยาเคมี แต่เมื่อฉายแล้ว "ไม่มีอะไร ผ่านฉลุย" เพราะเคยเห็นคนที่บ้านมาฉายแสงกลับไปนอนหมุนเหมือนลูกข่างอยู่กับพื้นบ้าน คิดว่าคงเป็นเพราะ "ปวด"เนื่องจากโรคมากกว่า
ก่อนฉายแสงมีการตีเส้นทำเครื่องหมายตำแหน่งที่จะฉายแสง บางคนก็ที่ใบหน้า ที่ลำคอ ที่หน้าอก แล้วแต่จุดที่เกิดโรค ส่วนตัวผมตีเส้นที่แผ่นหลังยาวลงมาถึงสะโพกและโคนขา
ปัญหาของผมช่วงนี้คือ ไม่กล้านอนหงายเพราะกลัวเส้นที่หมอขีดไว้จะลบ ต้องนอนตะแคง พลิกตัวบ่อยๆ แต่เป็นปัญหาเล็กน้อยไม่เท่าช่วงที่ปวดมากๆ
ปัญหาของผมอีกอย่างคือ "เบื่ออาหาร" บางวันได้กลิ่นอาหารร้อนๆ ถึงกับอาเจียน ผิดกับช่วงปกติ
สิ่งที่ผมทำก่อนนอนทุกคืน คือสวดมนต์ไหว้พระ กราบหมอน ๕ ครั้ง คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา และครูอาจารย์ ทำให้นอนหลับไม่ฝันร้าย
ขอขอบคุณ
เห็นด้วยที่สุดกับอาจารย์เจเจค่ะ ^^
มาเยี่ยมบันทึกนะครับ ;)...
สวัสดค่ะอาจารย์Wasawat Deemarn ขอบคุณค่ะ ^^