นายไมเคิล อ๋อ (Michael Aw… ไม่ทราบว่าออกเสียงอย่างนี้ถูกหรือไม่) ช่างภาพใต้น้ำวัยห้าสิบเศษ ได้รณรงค์ให้ชาวสิงคโปร์เลิกกินหูฉลามและต่อต้านการเอาหูฉลามมาทำอาหารขายมาระยะหนึ่งแล้ว เขาตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ภัตตาคารจีนและโรงแรมรวมห้าสิบแห่งยกเลิกเมนูหูฉลาม การรณรงค์ทางอินเตอร์เนตของเขาประสบผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะมีผู้สนับสนุนเขาไม่น้อยกว่าแปดหมื่นคนแล้ว ขั้นต่อไปเขาจะให้การศึกษาแก่เด็กๆ หนึ่งพันคน เพื่อสร้างความรู้และทัศนคติใหม่ว่า หูฉลามไม่ใช่อาหาร และไม่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างที่เชื่อตามๆกันมาแต่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงตอบรับอย่างดีของคนทั่วไป นายอ๋อบอกว่างานนี้ยังมีปัญหาที่เอาชนะได้ยากยิ่งอยู่ คือบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลาย ดังนั้น เขาจึงไม่หวังผลสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินไป เขาหวังว่าหูฉลามจะกลายเป็นเมนูต้องห้ามในปลายปี 2013
ผมใช้คำว่าหูฉลามตามความเคยปากของคนไทย จริงๆแล้วมันคือครีบหรือกระโดงหางเสือที่ช่วยให้มันว่ายน้ำไปได้ตรงทิศทางที่มันต้องการ เหมือนแพนหางดิ่งของเครื่องบิน ดังนั้น ภาษาอังกฤษจึงเรียกว่า FIN ซึ่งไม่ใช่หูแน่นอน นายอ๋อระบุว่าแต่ละวันฉลามหลายร้อยตัวจะถูกจับมาตัดเอาครีบออกแล้วปล่อยตัวลงน้ำให้ว่ายสะเปะสะปะไปตามยถากรรม (เพราะเสียศูนย์ไปเสียแล้ว) ด้วยเหตุที่ครีบฉลามไม่ใช่อาหารที่มีคุณค่าจริง การล่าฉลามแบบนี้จึงถูกนายอ๋อเรียกว่า คือทารุณกรรมที่ไม่คุ้มค่าเลย
เมืองไทยเราจะมีคนนิยมกินหูฉลามกันมากน้อยเพียงใดผมไม่ทราบ เพราะการกินหูฉลามจะเป็นข่าวก็ต่อเมื่อมีนักการเมืองพากันไปกิน และต้องมีคนโตตัวเล็กแห่งสุพรรณบุรีเป็นเจ้ามือด้วยเท่านั้น ดังนั้น หากมีใครคิดจะเอาความคิดของนายอ๋อมาใช้ต่อในเมืองไทยแล้ว ไม่แน่นักว่าสมควรไปถามคนโตตัวเล็กคนนั้นก่อนหรือไม่
ที่ภูมิลำเนาผมในภาคเหนือตอนบน ดินแดนที่มีวัดวาอารามมากเป็นพิเศษ และผู้คนได้ชื่อว่ามีอัธยาศัยดีนั้น มีเมนูเด็ดของผู้ชายลูกข้าวหนึ้งอย่างหนึ่งคือ งัวหน้อยหนึ้ง (หรือลูกวัวนึ่ง) ที่มาของเมนูนี้ คือแม่วัวที่กำลังตั้งท้อง และลูกวัวก็คือตัวอ่อนในท้องแม่ ต้องฆ่าหนึ่งตายสองจึงจะได้เมนูนี้มากิน บางรายได้แถมมาอีกอย่างหนึ่งด้วยคือ ยำฮก (ยำรก) ซึ่งได้มาพร้อมกัน (แต่บางทีก็ให้เจ้าอื่นได้ไป) ถึงแม้จะมีร้านขายอาหารนี้ไม่มากและมีให้กินไม่บ่อย แต่มันก็ยังมีอยู่ บางร้านสามารถขึ้นป้ายบอกได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละสองครั้ง แถวๆ บ้านผมก็มีอยู่เจ้าหนึ่ง อยู่ห่างจากวัดไม่เกินสองร้อยเมตร
เท่าที่พบเห็นโดยตรง เมนูนี้เป็น ของมัก (favorite) ของคนระดับสูงในวงการศึกษาตลอดจนนักการเมืองท้องถิ่นบางรายด้วยหละ
สิงคโปร์เมืองเล็กนิดเดียว มีคนไม่กี่ล้าน ไม่น่าจะมีคนกินหูฉลามมากเหมือนประเทศที่ใหญ่กว่าหลายสิบเท่า แถมผู้คนยังชอบกินเกือบทุกอย่างที่คนชาติอื่นไม่ค่อยจะกินอีกด้วย แต่สิงคโปร์ก็มีคนเป็นห่วงฉลามโดยไม่ต้องอ้างว่าประเทศของตนเป็นเมืองของศาสนาสำคัญใดๆเลยก็ได้
ผมคงไม่ออกไปชวนใครรณรงค์ต่อต้านการกินงัวหน้อยหนึ้ง เพราะแค่รณรงค์ให้ตัวเองขยันเขียนบันทึกมาลงบล็อกให้ถี่กว่าเดิมอีกหน่อยยังยากเลยครับ แต่ผมเอาเรื่องนี้มาเขียนเพราะผมอยากลงท้ายอย่างจริงจังว่า แท้จริงแล้ว คำสอนทางพุทธศาสนานั้นได้ระบุอาชีพห้าอย่างว่าเป็น มิจฉาวณิชชา คือการค้าที่ไม่ควรทำไว้แล้ว ได้แก่
๑ สัตถวณิชชา ค้าอาวุธ
๒ สัตตวณิชชา ค้ามนุษย์
๓ มังสวณิชชา ค้าเนื้อสัตว์ (หมายถึงฆ่าสัตว์ขายเนื้อ)
๔ มัชชวณิชชา ค้าของมึนเมา
๕ วิสวณิชชา ค้ายาพิษ
(จาก พระราชวรมุนี (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๒๕๒๘)
การค้าทั้งห้านี้ มีกฎหมายรองรับหรือเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับกฎหมายนั้นมีอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เนื่องจากน้ำหนักของกฎหมาย กับความจริงจังและจริงใจในการบังคับใช้ ถ้าเราชาวไทยเอาจริงกับเรื่องใดเราก็จะเอาเรื่องนั้นอยู่ ไม่ต้องทำอย่างนายอ๋อก็ได้กระมัง
สวัสดีค่ะ
ถ้าคุณ Michael Aw ทำได้ จะมีฉลามตายน้อยลงแน่นอนค่ะ เพราะที่นี่งานแต่งงาน งานเลี้ยงโต๊ะจีน งานไหนงานนั้นต้องมีหูฉลาม ไม่อย่างนั้นงานกร่อย ประมาณนี้ค่ะ ร้านอาหารไทยยังมีเมนูหูฉลามน้ำแดง เป็นเมนูนำค่ะ
ไม่ต้องหยุดกินหูฉลามหรืองัวหน้อยหนึ้ง กันทันทีหรอกค่ะ แค่กินน้อยลง กินพอประมาณ พออิ่ม ไม่ใช่กินเพราะความโลภ กินเมนูผักให้มากขึ้น แค่นี้สัตว์ที่ต้องสังเวยชีวิตให้ความอยากของคนก็จะลดลงมากค่ะ
ขอบคุณบันทึกดีๆ นี้ค่ะ
ขอบคุณความเห็นดีๆเช่นกันครับ