ความสวยงามกับความเป็นจริง


ความสวยงามกับความเป็นจริง

ความสวยงามกับความเป็นจริง

          น้าทอน ป้าทอน พี่ทอน....ซอยมาเรียม หรือซอยเกษมสุข ใกล้กับร้านซ่อมรถ  ร้านขายของชำ มีร้านเสริมสวยเก่า ๆ เล็ก ๆ หน้าร้านมีตู้กระจกใส่น้ำยา เครื่องตกแต่งผม เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของร้านเสริมสวย ข้าวของข้างในร้านวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบสักเท่าไร ผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ น่าจะใช้เช็ดผมให้ลูกค้า พาดไว้บนเก้าอี้บ้าง หน้ากระจกบ้าง บนตู้บ้าง หน้าตู้กระจกข้าวของวางกระจัดกระจายไม่เห็นว่าส่วนไหนที่เป็นระเบียบเอาเสียเลย ฉันยังไม่เห็นเจ้าของ ฉันนึกในใจแล้วฉันจะเข้ามาทำไม กล้ารับบริการหรือเปล่า เพราะเจ้าของร้านกำลังอาบน้ำอยู่หลังบ้าน โดยไม่ได้สนใจว่าใครจะมาหน้าบ้าน ป้าอีกคนที่มานั่งคอยยเรียก พี่ทอน ...พร้อมเดินเข้าไปหลังบ้านเหมือคนคุ้นเคย แล้วออกมาบอกว่า พี่ทอนอาบน้ำอยู่...ฉันจึงรู้ว่าเจ้าของร้านชื่อทอน สักครู่แกเดินออกมานุ่งผ้ากระโจมอก หัวเปียกโชก ยิ้มแล้วบอกว่าคอยสักครู่นะแล้วเดินหายเข้าไปตรงซอกตู้ทึบที่กั้นเอาไว้เพื่อเป็นห้อง น่าจะใช้เป็นห้องนอนเพราะตัวบ้านไม่ได้กว้างขวางมากนัก สักพักก็แต่งตัวเสร็จจึงออกมา พร้อมทั้งหาเสื้อใส่ ยังใส่ไม่เสร็จ ยังเดินใส่กระดุมไปพลางพูดคุยไปพลาง ถามว่าทำอะไรกันบ้าง ใครมาก่อนมาหลัง ฉันบอกว่าให้น้าเขาทำก่อนเถอะ เพราะเขาจะย้อมผมแล้วกลับไปล้างเองที่บ้าน ส่วนฉันจะดัดผมเพราะมีคนแนะนำมาว่าที่นี่ดัดผมดี เพราะเป็นช่างโบราณ (ฉันไม่กล้าบอกได้แต่นึกในใจ ) ฉันสังเกตน้าทอนเป็นผู้หญิงร่างสูงใหญ่ผิวค่อนข้างดำ แกเดินไม่ค่อยถนัดนักเพราะน้ำหนักมาก น่าจะอายุประมาณ 60 ปี น่าจะได้ พอย้อมผมให้ลูกค้าเสร็จก็หันมาถามฉันว่าจะดัดทรงไหน ฉันถามว่ามีแบบให้เลือกหรือ แกบอกว่าเคยมีหนังสือแต่ไม่รู้ใครเอาไปไหนเสียแล้ว ฉันอมยิ้มแล้วบอกว่าดัดแค่ครึ่งหัว ให้หยิกเฉพาะส่วนปลาย เคยดัดมาสองครั้งแต่ผมหยิกยาก ก็เลยอยากจะมาลองที่นี่เพราะมีคนแนะนำมา ฉันเห็นแกยิ้มเหมือนจะภูมิอกภูมิใจว่าแกก็มีชื่อเสียงเหมือนกันนะ แกก็เรียกฉันไปสระผมหลังบ้าน สภาพที่ฉันเห็นสภาพแวดล้อมหลังบ้านเป็นครัว ที่ไม่เป็นระเบียบมากนักข้าวของวางเพ่นพ่านพอ ๆ กับหน้าร้าน เก้าอี้สระผมเก่า ๆ ที่ฉันต้องปีนขึ้นไปนอน หันขึ้นไปบนหลังคาหยากไย่เต็มไปหมด แล้วฉันก็หลับตาปล่อยให้แกขยำหัวจนเสร็จ แกบอกว่าอยากจะสระหน้าบ้านไม่มีช่างมาต่อก๊อกน้ำให้ เสร็จแล้วก็ออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าบ้าน แกจับผมฉันแล้วบอกว่าน้องดูแลผมดีมากเลย พอจับแล้วรู้ว่าผมสุขภาพดี เอาน้ำยาดี  ๆ หน่อยนะเดี๋ยวจะไปเอามาให้ แล้วแกก็หยิบกระเป๋าในเล็ก ๆ ออกมาหาลิปสติกมาทาสีแดงแปร๊ด ตัดกับผิวของแก  และก็ขับมอเตอร์ไซด์ออกไปประมาณ 10 นาทีก็กลับมาพร้อมด้วยน้ำยาดัดผม 1 ชุด หลอดละ 200 กว่าบาทนะ พี่ดัดอยู่หัวละ 300 บวกน้ำยาก็เพิ่มขึ้นไปหน่อยนะ ขอ 500 แล้วกัน ฉันพยักหน้ายิ้ม ต่อแล้วแกก็จัดการม้วนแกนให้ฉันจนเสร็จแนบอกว่าทำเล็บด้วยดีกว่าเพื่อฆ่าเวลาฉันเริ่มง่วงนอน แกก็จัดการทำเล็บให้ คว้ามือของฉันไป ฉันตกใจเพราะไม่ต้องการทำเล็บมือ ฉันไม่เคยทำ แกเห็นฉันชะงัก แล้วบอกว่าผู้หญิงต้องตกแต่งบ้างทำเถอะเดี๋ยวพี่จะทำให้นิ้วเรียวขึ้น เพราะนิ้วฉันทู่ไม่สวยเอาเสียเลย ฉันทำหน้าหวาดเสียวแล้วส่งเสียงร้องแบบเด็กขี้ขลาดจนครบ 10นิ้วฉันบอกว่าไม่ทาสีเล็บนะแล้วแกก็ทำเล็บเท้าต่อ ถามว่าทำไมไม่ทาสี ฉันบอกไม่ชอบ ฉันเห็นแกวางกรรไกรตัดเล็บ กรรไกรตัดหนังลงบนพื้น น้ำที่แช่มือเสร็จก็เอาไปแช่เท้าต่อ แล้วก็ล้างมือต่อไปเลย ความมีคุณภาพเรื่องความสะอาดยังไม่ค่อยมี แต่ก็ยังดีที่มีแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดบ้าง สักพักก็มีลูกค้าเข้ามาเป็นแม่ค้าน้ำเต้าหู้ที่ตลาดมะกรูด อายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้าทอน และอีกคนคือป้าชม สองคนนี้ฉันเห็นบ่อยครั้ง เพราะไปร่วมงานพิธีบ่อย งานกาชาดบ้าง

        ป้าชม แม้ค้าน้ำเต้าหู้ พูดเรื่องผู้ว่าราชการ ข้าราชการ เรื่องเหตุการณ์ 3 จังหวัด เรื่องถวายพระพรในหลวง ฉันได้แต่นั่งฟังพร้อมทั้งศึกษาความรู้สึกของคนเหล่านั้นจากการพูดคุยของเขา ที่เขาพูดถึงพ่อเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่วนเวียนกันเข้ามารับตำแหน่งที่ปัตตานี แล้วก็จากไปอยู่ที่อื่น ป้าสองคนเขาให้ความเห็นว่า 3 จังหวัดเป็นแหล่งของผลประโยชน์ การเจริญเติบโตในยศตำแหน่งของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จนกระทั่งเขากลับไปเพราะรีบไปจุดเทียนชัยถวายพ่อหลวง น้าทอนเล่าเรื่องราวชีวิต เอาส้มเขียวหวานโชกุน เอาน้ำให้ฉันกิน แล้วแกก็นั่งกินข้าว ด้วยความหิว เพราะเวลา  4โมงเย็นแล้ว น้าทอนเพิ่งได้กินข้าวมื้อเที่ยง ฉันเห็นความเรียบง่ายของการใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่รกรุงรังแต่สร้างความสวยงามให้กับแขกผู้มาเยือน การสร้างสัมพันธภาพบนความเอื้ออาทร ไม่ได้แคร์กับรายได้ที่เป็นตัวเงินมากนัก วันนั้นฉันนับดูจากเงินที่แกได้รวมฉันด้วย  700 บาท หักค่าน้ำยา 200 กว่าบาทแกก็ได้ประมาณ 400 กว่าบาท วันนี้น่าจะเยอะสำหรับน้าทอน แกคงอยู่ได้เป็นอาทิตย์ รอบ ๆ ที่ฉันนั่งเห็นบทสวดมนต์ หนังสือธรรมะ หนังสือวารสารเกี่ยวกับความสวยงามของทรงผมเพียงไม่กี่เล่ม ถูกวางแบบระเกะระกะ ข้างฝามีหิ้งพระ และรูปในหลวงราชินี ที่แกน่าจะกราบไหว้ทุกวัน           3 ชั่วโมงที่ฉันนั่งอยู่ในร้านของแก ฉันกลับออกมากับทรงผมใหม่ พร้อมการเรียนรู้ชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ที่เคยมีครอบครัวแล้วสามีตาย ลูกตาย มีสามีใหม่แต่โดนเพื่อนแย่งไปพร้อมกับมีลูกมาให้รับผิดชอบ เป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ่อแม่รับราชการพี่น้องรับราชการเป็นใหญ่เป็นโต น้องชายเป็นผู้ว่าราชการสงขลาปัจจุบัน แต่ตัวน้าทอนเองไม่สนใจการเรียน ก็นึกเสียใจถึงทุกวันนี้ หากย้อนเวลาได้น้าทอนบอกว่าจะกลับไปเรียนหนังสือ จะได้เป็นราชการบ้าง ราชการสบาย ฉันอยากจะบอกว่าน้าทอนอยู่อย่างนี้นะดีแล้ว มีอิสระ ไม่ต้องฟังคำสั่งใคร ไม่ต้องมียศ ตำแหน่ง ไม่ติดกรอบ เพียงฉันเห็นน้าทอนเอาหัวใจใส่ลงไปในเส้นผมในเล็บของลูกค้า ฉันก็รู้สึกภูมิใจ และอิจฉาน้าทอนมากพอแล้ว จากใบหน้าที่ไม่ได้สวยงามอะไรมากนัก แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่หัวใจจริง ๆ  น้าทอนจงมีความสุขกับอาชีพที่น้าทอนรักดีกว่า เพราะน้าทอนบอกว่าทำอาชีพเสริมสวยตั้งแต่ อายุ 17 ปี ปัจจุบันก็น่าจะเกือบ 50 ปีแล้วซินะ    ก็ขอให้น้าทอนจงทำหน้าที่ของน้าทอนต่อไป แต่หากได้ปรับคุณภาพสักหน่อยก็น่าจะดี  

   ......  ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆ จากน้อง สุนิสา  สสจปัตตานี

หมายเลขบันทึก: 484824เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2012 19:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท