ในเดือนเมษายนก็จะเข้าสู่วันหยุดยาวอีกครั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนต้องเดินทางกันมากมาย และมีการเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก และสุรา หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็นับเป็นส่วนหนึ่งที่หลายคนจะนำมาเป็นองค์ประกอบในการเฉลิมฉลอง อันนำไปสู่การเพิ่มภาวะความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุให้กับตนเองและคนรอบข้าง ที่กล่าวว่าสุรา..นำพาอุบัติเหตุนั้นเนื่องมาจากรายงานสถิติของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 ได้สรุปว่า การเกิดอุบัติเหตุทางการจราจร โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเมาสุรา ร้อยละ 37.28 รองลงมา ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 20.63 เห็นได้ชัดว่าการเมาสุราเป็นสาเหตุใหญ่ในการเกิดอุบัติเหตุที่หลายคนปฏิเสธไม่ได้
นักดื่มทั้งหลายเมื่อดื่มสุรามักจะคิดว่าตนเองไม่เมา สามารถควบคุมตนเองได้แต่ ในความเป็นจริงแล้ว การที่ร่างกายได้รับปริมาณแอลกออล์ในเลือดมากเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ เพียงการดื่มเบียร์เพียงหนึ่งแก้วสำหรับคนบางคนก็ส่งผลให้ร่างกายขาดการควบคุมการเคลื่อนไหวจึงส่งผลให้เกิดอุบัติจารจรในกลุ่มผู้ขับขี่ที่มีการดื่มสุรา
จากการศึกษาเบื้องต้นของคณะทำงานแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีประเมินภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย ในปี 2552 พบว่าการเกิดอุบัติเหตุจราจรจัดเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เราต้องสูญเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรถึงร้อยละ 9.2 และจัดเป็นอันดับสี่ของสาเหตุการตายทั้งหมด ถึงร้อยละ 5.7 หากผู้ที่ประสบอุบัติเหตุทางการจราจรที่ไม่สูญเสียชีวิต ก็จะได้รับผลกระทบในระยาวต่อการสูญเสียสุขภาวะและเกิดความพิการ ต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟู ทำให้สูญเสียโอกาสที่จะดำรงชีวิตตามปกติไปถึงร้อยละ 1.2 ของการสูญเสียทั้งหมด และสถิติของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัตเหตุยังกล่าวอีกว่าผู้ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงานถึงร้อยละ 54.56 จากที่วัยแรงงานต้องสูญเสียไปทำให้ส่งผลกระทบต่อการสูญเสียทางเศรษฐกิจตามมาเนื่องจากเป็นวัยที่ต้องแบกรับภาระในการเลี้ยงดูวัยเด็กและวัยชราต่อไป สำหรับนโยบายของรัฐต่อการป้องกันและลดอุบัติเหตุการจราจร ก็คงจะขาดไม่ได้ในเรื่องของการรณรงค์ให้ลดปริมาณการดื่ม หรือ เมาไม่ขับ นั่นเอง
ที่มา : ข้อมูลการศึกษาเบื้องต้น ของ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีประเมินภาระโรคและสุขภาพของประชากรไทย
ไม่มีความเห็น