เดิมเขียนเรื่องพาร์กินสัน โรคที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันไป 11 ตอน จบ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะหายจากพาร์กินสันแล้ว แต่ที่ต้องเขียนให้จบก่อนเพราะรู้สึกว่า ผลลัพธ์ของกระบวนการคิดของในใช้ชีวิตกับอาการปวดเรื้อรังนั้นมันได้ตกผลึกแล้ว ส่วนเนื่องเพื่อไว้เป็นข้อคิดของใครบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองโชตร้าย ซึ่งยังมีฉันคนนี้ที่อาจโชคร้ายกว่า แต่ฉันไม่เคยท้อ และอีกอย่างเคยรับปากกับคุณหมอ รุจิรา มัลคละศิริ ไว้ ท่านอยากให้ถอดบทเรียนของการมีชีวิตอยู่กับพาร์กินสันในวัยนี้ต้องทำอย่างไร เพราะตัวท่านเองมีประสบการณ์การเป็นมะเร็งท่านก็จะเขียนแต่เรื่องมะเร็ง ไว้เผยแพร่ให้คนอื่น ท่านจึงอยากได้การปรับตัวในคนไข้โรคอื่นบ้าง ตอนนี้ได้ส่งไปให่านแล้ว และอนุญาตให้เผยแพร่เผื่อใครหลายคนจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป ได้รับกำลังใจจากหมอตุ๊ (รุจิรา มัลคละศิริ) แล้ว ท่านให้กำลังใจในการสู้ต่อ ท่านอ่านแล้ว บอกเหมือนอ่านเรื่องของตัวเอง รู้สึกดีใจ ที่แม้ความเจ็บป่วยของตัวเอง ก็ยังอุตสาห์ มีประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วย
แม้เจ็บป่วยเพียงใด ใจยังหวัง
เป็นพลังต่อเติมเพิ่มสิ่งฝัน
คงได้พบสิ่งหวัง คงสักวัน
ถึงแม้ฉันหกล้มบ้างยังฝืนทน
จะต่อเติมภาพฝัน อันบริสุทธิ์
จะไม่หยุด แม้หนทางยังสับสน
จะช่วยเหลือ ชาวประชาที่อับจน
อุทิศตนตอบแทนค่าแผ่นดินเอย....
บทกลอน ภาษาอาจไม่สวยงามเหมือนนักประพันธ์ แต่ฉันก็รู้สึก เช่นที่เขียน
ติดตามอ่านมาตลอดด้วยความชื่นชมในความเข้มแข็งและขอให้กำลังใจค่ะ
เยี่ยมมากค่ะ