ฝึกใจให้สงบ...


 

            ให้ทุกท่านทุกคนฝึกใจให้สงบ ให้ใจอยู่กับกาย ฝึกปล่อยวางเรื่องที่เป็นอดีต ปล่อยวางที่วิตกกังวล ในเรื่องอนาคต พยายามให้ใจสงบอยู่กับปัจจุบัน ความสงบนี้มีความจำเป็นมาก เพราะว่าความสงบ เป็นที่อยู่ที่อาศัยของใจ ถ้าใจเราไม่สงบมันเสียศูนย์ไปหมด สมดั่งพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า “ความสุขความดับทุกข์อันไหนก็สู้ความสงบไม่ได้ไม่มี”



            เราฝึกหายใจเข้าสบายหายใจออกสบาย ทุก ๆ อิริยาบถ ใจของเราจะได้อยู่กับปัจจุบัน พระพุทธเจ้าท่านตรัสพุทธภาษิตในโอวาทพระปาฏิโมกข์ไว้ว่า “สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง” คือการไม่ทำบาปทั้งปวง

            คนเราต้องทำความดีตั้งแต่เช้าจนนอนหลับ ตื่นขึ้นก็ทำความดีต่อ เสียสละต่อ ปฏิบัติอย่างนี้ เขาเรียกว่าเป็นคนรักษาศีลเป็นผู้ปฏิบัติธรรม มีสมาธิอยู่กับการรักษาศีล สมาธิก็แปลว่าความสงบ ความสุข ความดับทุกข์ ความเย็นใจ ความสบายใจ ศีลกับสมาธิมันก็ต้องไปด้วยกัน

            ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ใจมีความสุข ใจเย็น ใจสบาย ปัญญาคือความฉลาดความเฉลียวรอบคอบ คิดได้ดี คิดได้เก่ง เป็นคนมีเหตุมีผล แต่ปัญญานี้ก็ยังใช้งานไม่ได้ ถ้าไม่มีศีล ถ้าไม่มีสมาธิ ปัญญาเราจะ ไม่ได้ผล ไม่สามารถที่จะละกิเลสละตัวละตนได้

            ต้องอาศัยศีลนะ คือความประพฤติดีปฏิบัติชอบ ต้องอาศัยสมาธินะ คือความตั้งมั่นหนักแน่น ไม่หวั่นไหว ไม่ง่อนแง่น ไม่โยกคลอน ทนต่อการท้าทาย ทนต่อการพิสูจน์

            จิตใจที่สงบเป็นจิตใจที่มีพลังเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระ เป็นจิตใจที่ความปรุงแต่ง เข้ามาก่อกวนไม่ได้

            เราถึงจำเป็นต้องฝึกสมาธิให้เป็นธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ให้ใจมันมีความสุข ให้ใจมันอยู่ กับเนื้อกับตัว ไม่ให้จิตใจมันหลงโลกหลงอารมณ์ หลงสิ่งแวดล้อม

            เป็นจิตใจที่ไม่ถูกอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่ารูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ ในชีวิตประจำวันมันมาครอบงำ ถ้าเรามีสมาธิแล้ว เราจะแยกกันไปคนละเรื่อง

            สิ่งภายนอกมันก็เป็นภายนอก กายมันก็เป็นกาย ใจมันก็เป็นใจ

            มันจะสงบอยู่ เป็นสุขอยู่ ดับทุกข์อยู่ เราต้องทำไปอย่างนี้ ทำไปเรื่อย ๆ ทำไปทุกวัน

            เราทำงานก็ให้ใจเรามีความสุขกับการทำงาน เราทำกิจวัตรก็ให้ใจเรามีความสุขกับการทำกิจวัตรประจำวัน เราอย่าไปแยกว่า การปฏิบัติธรรมก็อย่างหนึ่ง การทำงานก็อย่างหนึ่ง ที่แท้มันเป็นอันเดียวกัน มันจะแยกกันไม่ได้

            เหมือนกับเรามีลมหายใจ เราอยู่ทีไหนเราต้องหายใจ ถ้าเราปฏิบัติอยู่นี้อินทรีย์ของเราก็จะแก่กล้า เราก็จะได้รู้ว่าเขาทำอย่างนี้เอง เขาปฏิบัติอย่างนี้เองคือการปฏิบัติธรรม

            การปฏิบัติธรรมคือการเสียสละละตัวละตน การทำงานก็คือการเสียสละละตัวละตน ละความขี้เกียจ ขี้คร้าน ละความติดสุขติดสบาย ผลที่ได้รับก็คือ เราจะเป็นผู้ที่มีความสุขร่ำรวยด้วยโภคทรัพย์ แล้วก็ร่ำรวย ด้วยคุณธรร

            ทำไปเรื่อย ๆ อย่าไปใจร้อน คนเรามันใจร้อน ทำอะไรนิดหน่อยก็อยากได้มาก ปฏิบัตินิดหน่อย ก็อยากได้บรรลุ กิเลสมันเผาตัวเอง มันเผาทั้งที่ยังไม่ตายเรียกว่ามันต้องนรกทั้งเป็น ทั้งที่ยังไม่ตาย

            มันเผาตนเองยังไม่พอ มันเผาคนอื่น เผาพี่เผาน้อง สารพัดที่มันจะเผา เราไม่ต้องอยาก เราสร้างเหตุสร้างปัจจัยให้พร้อมให้เต็มที่ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ที่จริงเราก็ไม่อยากประมาท แต่บางทีธาตุขันธ์ของเราไม่อำนวย เลยกลายเป็นคนประมาท

            เราเป็นคนใจอ่อนจิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่ตั้งมั่น ใจไม่มีสมาธิ มันเลยไม่มีกำลัง เราก็ต้องเข้มแข็ง ต้องหนักแน่น ต้องกล้าหาญ ต้องกล้าตัด กล้าละ กล้าวาง เราต้องตาย คือตายจากความคิดอย่างนี้ อารมณ์อย่างนี้ ตายจากความยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ ถ้าเราไม่ตายเราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดี ส่วนมากมันติด มันอาลัยอาวรณ์ มันไม่อยากทิ้ง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันสร้างบารมีมาด้วยกันนานแล้ว มันไม่อยากพลัดพรากจากกัน

            เราจำเป็นต้องตัดต้องละต้องวาง เราต้องตัดสังโยชน์ ตัดสังสารวัฏ ด้วยความจำเป็น เพราะการเกิดทุกข์คราวเป็นทุกข์ร่ำไป การแก่ทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป การเจ็บทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป การตายทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ มันไม่มีอะไรนอกจากทุกข์เกิดขึ้นเท่านั้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป

            การที่เรามาสงบระงับสังขารทั้งหลาย จะเป็นสุขอย่างยิ่ง

            เรามีสมาธิมีความตั้งมั่น พระพุทธเจ้าท่านถึงหายใจเข้าก็สบาย หายใจออกก็สบาย มีปิติสุข เอกัคคตา ไม่วิ่งไปตามอารมณ์ ตามสังขาร ชื่อว่าความปรุงแต่งมันเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

            ให้เรากลับมาที่ใจเรา มันเป็นของง่าย ปัญหาต่าง ๆ ในโลกนี้มันมาจบที่ใจเรา เรื่องภายนอกมันไม่จบ เรามาทำปริญญาทำเรื่องดับทุกข์ภายในจิตใจให้กับตัวเอง นี้แหละเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องถูกตรง สมควรและเป็นบุคคลที่น่ากราบน่าไหว้ เป็นบุคคลที่เกิดมามีประโยชน์ไม่สูญเปล่า เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

            บุคคลเช่นนี้น่าจะมีมาก ๆ จะได้นำความสงบ ความสุข ความร่มเย็นแก่ชาวโลก

            ทุก ๆ คนที่เกิดโลกเดียวกันกับเรา การเห็นเราเป็นบุคคลเช่นนี้ เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการ มีศีล สมาธิ ปัญญา จะได้เป็นผู้มีความสุข ความดับทุกข์สู่ตนเองที่ถาวร

            นี้เป็นคำตรัสคำสอนของพระพุทธเจ้า เราฟังแล้วก็สบายใจ ฟังแล้วสบายใจยังไม่พอ เรายังต้องนำไปปฏิบัติให้เกิดความสบาย ไม่ว่าเราจะอยู่วัด อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน เราอยู่ที่ไหนเราก็ต้องประพฤติปฏิบัติ

            ส่วนใหญ่เราจะอยู่ที่บ้าน อยู่ที่ทำงาน อยู่ในสังคม สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเราก็ไม่ลืม การประพฤติปฏิบัติ

            เราเป็นคนใจอ่อน พระพุทธเจ้าให้เรารักษาศีลให้ดี ๆ ให้จิตใจของเรามีความสุขอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับการรักษาศีล เพราะศีลเป็นเรื่องของจิตของใจที่จะละชั่วบำเพ็ญดี ทำจิตทำใจของเราให้สะอาดผ่องใส ถ้าไม่มีสิ่งต่าง ๆ ไม่มีโอกาสต่าง ๆ เราก็ไม่ได้รักษาศีล เราก็ไม่ได้ทำสมาธิ เราก็ไม่ได้ทำจิตใจให้สบาย

            เราจะมาอยู่วัดเหมือนพระก็ไม่ได้ เรามาอยู่วัดได้เป็นบางครั้งบางคราว เราพยายามแก้ที่ตัวเรา ปัญหาต่าง ๆ มันอยู่ที่ตัวเราเอง ที่มันเกิดจากใจของเรา ถ้าอันไหนมันชอบก็ว่ามันดี ถ้าอันไหนมันไม่ชอบ ก็ว่ามันไม่ดี ใจเรานี้มันมีปัญหา มันเจ้าปัญหา มันพยายามที่จะแก้แต่สิ่งภายนอก ไปปรับปรุง แต่สิ่งภายนอก พระพุทธเจ้าท่านให้แก้ที่จิตที่ใจของเรา ไปแก้ที่กายของเรา ไปแก้ที่วาจาของเรา สิ่งต่าง ๆ มันเกิดจากความเห็นแก่ตัวของเรา เกิดจากความประมาทความไม่รอบคอบของเรา บางทีเราได้รับการกระทำต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมจากพ่อจากแม่จากเพื่อนจากฝูง จากสังคม สิ่งเหล่านั้นบางทีมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งผิดศีล ทั้งที่ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน เพื่อดำรงชีพดำรงชีวิต เพื่อเอาตัวรอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด

            พระพุทธเจ้าสอนเราไม่ให้ทำบาปทั้งปวง ทำกุศลให้ถึงพร้อม ทั้งความคิด ทั้งความคิดทั้งกาย ทั้งใจ

            สิ่งที่เก่า ๆ ที่ผ่านมาแล้วก็แล้วไป มันผิดมันก็ผิดไปแล้ว มันถูกมันก็ถูกไปแล้ว

            ทุก ๆ คนทำได้ปฏิบัติได้ ไม่มีปัญหา ที่ปฏิบัติไม่ได้เพราะยังไม่ได้ปฏิบัติ

Large_pic094


            ในชีวิตประจำวันพระพุทธเจ้าให้เราเอาธรรมนำไปปฏิบัติเพื่อเป็นหลักการ เพื่อเป็นบรรทัดฐาน จะได้ไม่มีความทุกข์ในจิตใจ แต่ก่อนมันทุกข์ทั้งทางกายทุกข์ทั้งทางใจ

            ทีนี้เราให้มันทุกข์ซะแต่ทางกาย ให้ใจมันไม่มีทุกข์ ธรรมคือความจริงเป็นสัจจะเป็นของที่มีอยู่ แต่ถ้าเราไม่นำไปประพฤติปฏิบัติ มันก็เท่ากับเป็นของไม่มีเป็นของว่างเปล่า สิ่งที่เป็นความรู้ ถ้าเราไม่นำไปประพฤติปฏิบัตินี้ ความรู้จะเจือจางเลือนลางไปในที่สุด

            เราจะต้องนำไปประพฤติปฏิบัติให้มันเห็น ให้มันเป็นให้มันเกิดประโยชน์ ตัวเองก็จะรับประโยชน์ คนอื่นก็จะได้รับประโยชน์


            ส่วนใหญ่เราคิดว่าธรรมะมันสะดวกในการประพฤติปฏิบัติเฉพาะอยู่ที่วัด อยู่ในที่เงียบสงบสงัด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเหมาะกับทุกหนทุกแห่งที่เราอยู่


            ที่มันไม่เหมาะอยู่ที่ตัวเราเองที่ไม่นำไปประพฤติปฏิบัติ เป็นเพราะความคิดความเห็นของเราเอง อาหารการรับประทาน เอาไปรับประทานอยู่ที่ไหนมันก็เกิดประโยชน์ทั้งนั้น การปฏิบัติของเรา พระพุทธเจ้าท่านให้เราปฏิบัติให้สม่ำเสมอ ไม่ว่าเราจะอยู่วัด เราจะอยู่บ้าน อยู่บ้านอยู่ที่ทำงานต้องปฏิบัติให้สม่ำเสมอ

            คนเรานั้นมันลืมตัวเอง เวลาไปเอาสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีอะไรเหลือเลย ตามไปหมด ไม่มีสติเลย ไม่มีสมาธิเลย หลงตัวเอง ลืมตัวเอง ที่มันเจอสิ่งแวดล้อม เราต้องปฏิบัติเราต้องทำใจ เราเกี่ยวข้องกับใครเราจะทำอย่างไร เราจะพูดอย่างไร เราจะคิดอย่างไร เราต้องมีสติดี ๆ นะ


            ทุก ๆคนเขาก็ต้องการคนดีอยู่แล้ว เขาไม่ต้องการคนสวมหน้ากาก เขาไม่ต้องการคนหลอกลวง พระพุทธเจ้าท่านให้เราเอาศีลเอาธรรมเป็นใหญ่
เรารู้ธรรมะ เราปฏิบัติธรรมะ เราอย่าไปคนพูดมาก เพราะคนพูดมากเป็นคนเมาธรรมะ

            พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเราไม่ต้องพูดมาก ให้พูดในใจ ให้พูดกับตัวเอง ให้เป็นคนสุขุม มีความสงบ ไม่ทิ้งคำว่าอนิจจังในใจ ไม่ทิ้งคำว่าอนัตตาในใจ ไม่ทิ้งความว่าเป็นทุกข์ ถ้าเราไม่ทำ ไม่ดี ไม่ถูกนะ

            เวลาทำการทำงานคือการปฏิบัติธรรม

            พระพุทธเจ้าท่านให้เรามีความสุขในการทำงาน ให้ใจเรามีสติกับเพื่อนกับฝูงกับลูกน้อง ให้มีความสุขกับการทำงาน เราได้ความสุขกับการทำงานแล้ว ยังไม่พอนะ ยังได้เงินได้ทองได้คุณธรรมอีก เรากลับบ้านขับรถกลับบ้านเราก็มีความสุขอยู่กับการขับรถกลับบ้าน ให้ใจอยู่กับการขับรถ

            ขับรถบนถนนก็ไม่ใช่มีเราคนเดียวก็มีคนอื่น ขับแย่งกันไปกันมา คนอื่นเขาขับรถแซงหน้าแซงหลัง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ให้เราปรับที่จิตที่ใจของเรา อย่าไปขับรถไปด่าเขาไป มันไม่ดีมันไม่ถูก แทนที่จะได้ฝึกจิต ฝึกใจกับเป็นคนขาดสติ

            เวลารถติดไฟแดงให้เรารู้จักคิด ให้เรารู้จักปรับจิตปรับใจ ให้คิดในใจว่าดีเหมือนกันจะได้พักผ่อนสมอง พักผ่อนสายตาสักครึ่งนาทีก็ยังดี นักกีฬาเขายังมีการพักยก เราเป็นคนขับรถเราพักยกที่ไฟแดง ก็ไม่เห็นเป็นไร

            พยายามมีสติในการขับรถ เรามีสติอยู่แต่เพื่อนที่ขับรถบนถนนเขาอาจจะไม่มีสติ ต้องคิดเผื่อคนอื่นด้วย การขับรถหรือผิดพลาดในการใช้สติมันจะได้ไม่มีหรือมีน้อย

            เมื่อเรากลับถึงบ้านเราก็ปฏิบัติธรรมที่บ้านเรา เรามีพ่อมีแม่มีครอบมีครัว บ้านเราต้องเปรียบเสมือนเมืองสวรรค์ บ้านของเราต้องเปรียบเสมือนนิพพาน เรามีความสุขอยู่กับครอบครัว อยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ ต่างคนก็ต่างให้ความรักความเมตตาให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ดูแลบ้าน ดูแลพ่อ ดูแลแม่ ดูแลลูกหลาน ดูแลความสะอาด ทุก ๆ คนต้องการความรักความเมตตา

            ทุกท่านทุกคนต้องมอบความรักความเมตตาให้กับครอบครัวของเรา อย่าไปหาสวรรค์หานิพพาน ไกลเกิน สวรรค์นิพพานอยู่ในใจอยู่ในครอบครัวของเรานั่นแหละ ให้เรารู้จัก เราอย่ามองไปไกลตัวเราเกิน มันอยู่ที่ตัวเราเองแล้วก็อยู่ที่รอบตัวเราเอง

            ให้เราสงบ ให้เรามีความสุข ให้เรามีความพอใจ คนเรานะเมืองพอมันไม่มีนะ เราเผลอเมื่อไหร่ เปรตมันเข้าไปในหัวใจของเรานะ

Large_pic088

            คนเราถ้ารู้จักพอมันสงบ เราอยู่บ้านก็ได้หมกมุ่นอยู่กับโทรทัศน์ อินเทอร์เนท ทั้งการบ้านการเมือง ให้มีสติให้มีปัญญากัน มันชอบเหลือเกิน ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ให้เรารู้จักไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ ที่ห้องนอนเรา หรือว่าที่ห้องพระในบ้านเรา เวลากราบก็ตั้งใจกราบ ให้มันเกิดความสงบ เวลาสวดมนต์ก็ให้มันเกิดความสงบ เวลานั่งสมาธิก็ให้เราเกิดความสงบ

            เราไปทำการทำงานยุ่งเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มันก็คิดมาก พระพุทธเจ้าท่านให้เราปล่อย เราวางหมดไม่เหลือ ให้อยู่กับเราลมหายใจเข้า ให้อยู่กับลมหายใจออกให้สบาย หรือจะท่องพุทโธ ๆ ก็ได้ หรือจะเอาสติมาพักไว้ในท้องก็ได้ ท้องยุบก็พักผ่อนสบาย ท้องพองก็พักผ่อนสบาย

            ฝึกสติให้มันสงบ ให้มันนิ่ง ให้มันปล่อยมันวาง สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตก็ให้เราปล่อยมันไป ไม่มีอะไรจีรังยังยืน ไม่ว่าความดีความชั่ว ความไพเราะสวยงาม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ตระการใจ มันเป็นสิ่งที่ย้อมใจ มันเป็นนิมิตทางจิตทางใจให้เรา มันมาปิดมาบังจิตใจของเรา

            พระพุทธเจ้าให้เราเข้าถึงปัจจุบัน ให้ปล่อยให้วาง อย่าให้มันสะสม หมักหมมอยู่ในใจของเรา

            นิมิตในความคิดความจำ มันเป็นกระบวนการที่จะเป็นภพเป็นชาติให้เราก่อกรรมทำเวร ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว ให้ทุกท่านทุกคนรู้ว่าพวกเราและท่านนั้นกำลังประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อความเจริญความก้าวหน้าทางจิตใจ ไม่ใช่หลงอยู่ติดอยู่

            พระพุธเจ้าท่านตรัสว่า “สูทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันสวยสดงดงามดุจราชรถ ทำให้คนทั้งหลายหลงอยู่ หมกมุ่นอยู่ แต่ผู้รู้หาติดหาข้องอยู่ไม่...”

            ถ้าเรามาคิดดูดี ๆ สิ่งเหล่านี้เองทำให้เกิดสติเกิดปัญญาที่จะพัฒนาตนเอง ถ้าไม่มีรูปเสียง กลิ่น รส ถ้าไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ เราจะเอาอะไรมาปฏิบัติจิตใจของเรา สมมติว่าเราเป็นคนหูหนวก สมมติว่าเราเป็นคนตาบอดมันก็มันก็ไม่ดี ว่าเราเป็นคนพิกลพิการ มันก็ไม่ดี

            หูหนวกตาบอดนี้ก็หมายถึงอยู่ในที่วิเวกไม่เห็นอะไรเลยมีแต่ความสงบเราจะไปคิดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเรามันมีปากมีท้องมีพ่อแม่ลูกหลาน มันต้องทำมาหากินประกอบอาชีพ ส่วนที่มันบกพร่อง ที่มันขาดไปก็คือ พวกเราพากันทิ้งศีลทิ้งธรรม ไม่พากันประพฤติปฏิบัติเลย แทนที่จะเอาศีลเอาธรรม เอาสติ เอาสมาธิ เอาปัญญามาช่วย กลับทิ้งไปหมดทิ้งไปเลย

            เราจะไปโทษใคร โทษสิ่งแวดล้อมโทษสังคม อย่างนี้ถือว่าเราไม่ให้ความยุติธรรม เราไปโทษ แต่สิ่งภายนอก เรายังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองให้เป็นนักปฏิบัติ


            ทุกแห่งทุกสถานให้มีความสม่ำเสมอ... ในสถานที่เราอยู่ ที่เราไป ที่อาศัย ธรรมะนี้ช่วยเราได้ เราก็มีความสุข ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราก็มีความสุขหมด สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงเพราะตัวเรา มันเปลี่ยนแปลง

            พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราคิดว่า พูดว่า มันทำไม่ได้ มันพูดไม่ได้ มันก็จริงอยู่เพราะมันไม่ได้ทำ มันไม่ได้ทำจะทำได้อย่างไร ธรรมะมันเป็นสิ่งที่จะต้องปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราขอร้องได้

            หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้นำคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน อยู่วัด อยู่ที่ทำงาน อยู่ที่บ้าน ชีวิตและการงานจะได้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...

Large_pic085


 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

 

หมายเลขบันทึก: 484383เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2012 05:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 10:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท