ถึงเวลาปฏิรูปครูไทย (ตอน ๑)


คือต้องอุทิศเวลากับเด็กให้มากขึ้น ให้ทั้งวิชาความรู้และสอดส่องดูแลพฤติกรรม อบรมบ่มนิสัยให้มากกว่าในสมัยก่อน (ที่พ่อแม่มีลูกหลายคน) เสียอีก

เด็กวัยรุ่นไทยในพศ. นี้เปลี่ยนไปมากอย่างรวดเร็วน่าตกใจ  เช่น เด็กวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีการเสพยาแพร่ระบาด พฤติกรรมไม่ชอบเรียนหนังสือ (อ่านแต่การ์ตูนญี่ปุ่น)  มั่วสุม ติดเกมส์  ความรุนแรง

 

ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าสาเหตุสำคัญของปัญหาดังกล่าวนี้มีรากมาจากครอบครัวที่ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหาเงินกันเต็มเวลาทั้งพ่อและแม่ จนไม่มีเวลาดูแลอบรมลูกเหมือนสมัยก่อน  ทั้งที่มีลูกน้อยกว่าสมัยก่อน (เช่นสมัยก่อนนิยมมีลูก 5-6 คน เดี๋ยวนี้นิยมมี 1-2 คน)

 

สาเหตุซ้ำเติมคือ เมื่อพ่อแม่มีลูกน้อยคน แต่มีรายได้มากขึ้นกว่าสมัยก่อน  ก็ให้เงินลูกมากขึ้น ลูกก็ยิ่งเลย “เสียคน” ได้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะสามารถเอาเงินนี้ไปซื้อความสนุกได้ง่ายๆในหลากหลายรูปแบบ จนพฤติกรรมการเรียนผิดเพี้ยนไปหมด

 

ซึ่งน่าเป็นห่วงอนาคตของชาติเป็นอย่างยิ่ง

 

ข้าพเจ้าได้สังเกตดูพวกลูกเจ้าของกิจการร้านค้าขนาดเล็กเช่น ร้านอาหาร ร้านโชว์ห่วย ร้านค้าขายทั่วไป มักมีพฤติกรรมดีกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า พ่อแม่ทำงานอยู่กับบ้านจึงได้มีโอกาสดูแลลูกพร้อมกับทำการค้าขาย อีกทั้งเด็กพวกนี้ช่วยงานกิจการร้านค้ามาแต่เด็ก ก็เลยมีจุดยึดโยงพฤติกรรมไม่ให้เตลิดเปิดเปิงเหมือนพวกลูกๆ นักมนุษย์เงินเดือน

 

เมื่อเป็นดังนี้แล้วข้าพเจ้าจึงเห็นว่า แนวทางการสอนของครูก็ต้องปรับใหญ่ตามพฤติกรรมสังคมด้วย คงต้องปรับระดับปฏิรูปเชียวแหละ เพราะครูจะทำหน้าที่เป็นพ่อแม่คนที่สองแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว ต้องทำหน้าที่เป็นพ่อแม่คนที่หนึ่งไปเลย

 

คือต้องอุทิศเวลากับเด็กให้มากขึ้น ให้ทั้งวิชาความรู้และสอดส่องดูแลพฤติกรรม อบรมบ่มนิสัยให้มากกว่าในสมัยก่อน (ที่พ่อแม่มีลูกหลายคน) เสียอีก

 

การจะทำเช่นนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะขณะนี้เรามีครูสอนน้อย นักเรียนมาก   (ปัญหาซ้อนปัญหาคือเรามีครูบริหาร ที่ไม่สอนเสียก็มากด้วย)  ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องทำคือเพิ่มจำนวนครูสอน (ด้วยการลดครูบริหาร?) ให้มีสัดส่วนต่อหัวนักเรียนสัก 10 ต่อหนึ่ง ในระดับป 5  6 และ ม 1 2 ซึ่งเป็นช่วงปีที่เด็กจะเสียกันมาก ส่วนปีอื่นๆ อาจมีจำนวนต่อหัวสูงขึ้นได้ เช่น  25 ต่อหนึ่ง ที่ม. 5-6

 

มาตรการที่สองคือ ครูจะต้องทำงานครูเต็มเวลา ไม่ไปทำงานอื่น (แม้จะเป็นงานนอกเวลาก็ตาม) ซึ่งก็น่าเห็นใจครูที่ก็เป็นพ่อแม่กะเขาด้วย ก็ต้องขวนขวายหาเงินมาให้พอให้ลูกเผาผลาญเหมือนพ่อแม่คนอื่น ลำพังเงินเดือนก็ไม่พอกิน  ดังนั้นวิธีนี้รัฐต้องเพิ่มเงินเดือนให้ครูให้พอกินอีกด้วย

 

วิธีหาเงินมาให้ครูใช้นั้น ผมเคยเสนอไว้แล้วว่าแนวทางหนึ่งคือ ให้ลดกำลังข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจลงมา 2 ในสาม แล้วเพิ่มเงินเดือนให้ 1.5 เท่า ส่วนเงินที่เหลือเอามาโปะให้ครู  (ลดอัตราได้สบายๆ ด้วยการเพิ่มปสภ.การทำงาน)

 

ผู้ชายไทยที่เป็นครูให้พ้นการเกณฑ์ทหารโดยอัตโนมัติ เพราะถือว่าทำหน้าที่รับใช้ชาติแล้ว

 

...คนถางทาง (๕ เมษายน ๒๕๕๕)

โปรดติตตามตอน ๒

 

หมายเลขบันทึก: 484323เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2012 12:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน 2012 12:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท