หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๒๙๒.งานวิจัย:การม...
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
พระครูโสภณปริยัติสุธี, รศ.ดร. ถิรธมฺโม
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
๒๙๒.งานวิจัย:การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุกฯ ตอน ๑
การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุกในชุมชนชายแดนไทย-ลาวในยุคโลกาภิวัตน์
Public Participation in the Globalization Perspectives to Active Buddhism Approach Strategy along Thai-Lao PDR Border Communities
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงประยุกต์ที่ผู้วิจัยใช้วิธีวิทยาการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เป็นการวิจัยที่ทำการศึกษาสภาพต่าง ๆ ตามที่เป็นอยู่ ด้วยเทคนิควิธีวิจัยแบบตัดขวาง (Cross-Sectional Design) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุกในชุมชนชายแดนไทย-ลาว ในยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อศึกษากิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุกในชุมชนชายแดนไทย-ลาวในยุคโลกาภิวัตน์ และเพื่อศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุกในชุมชนชายแดนไทย-ลาวในยุคโลกาภิวัตน์ โดยที่การวิจัยเชิงปริมาณได้สร้างแบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลตัวอย่างที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ แล้วเลือกตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายของประชากรที่ศึกษาคือ หัวหน้าครอบครัวที่เป็นพุทธศาสนิกชน(798) พระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา (39) บุคลากรในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเชิงรุก (39) ในพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา ประเทศไทยและแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 876 คน แล้วทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาและทดสอบสมมติฐานด้วยการใช้สถิติ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย t-test, F-test การทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพได้ทำการสัมภาษณ์จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ในชุมชนและเดินทางเข้าไปสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน และจดบันทึกอย่างละเอียดในสมุดบันทึกภาคสนาม แล้วทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการเขียนพรรณนา วิเคราะห์ และตีความเสริมข้อมูลเชิงปริมาณ
ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุก มี 3 ด้านคือ (1)ด้านการเผยแผ่ ภาพรวมประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในระดับมาก (2)ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ภาพรวมประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในระดับปานกลาง และ(3)ด้านการสาธารณสงเคราะห์ ภาพรวมประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในระดับปานกลาง
ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนานำไปเป็นแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกที่สำคัญ คือ พุทธศาสนิกชนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการเผยแผ่เชิงรุกทุกรูปแบบโดยมีพระนักพัฒนาเป็นผู้นำจิตวิญญาณในการเผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรุก 6 ด้านคือ ยุทธศาสตร์ด้านการเผยแผ่ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการสาธารณสงเคราะห์ ด้านการปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ด้านการพัฒนาองค์กร-การสร้างเครือข่าย และด้านการพัฒนางานวิจัยพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาสังคม
คำสำคัญ
:
การมีส่วนร่วม พุทธศาสนาเชิงรุก การเผยแผ่
การศึกษาสงเคราะห์
การสาธารณสงเคราะห์
ยุคโลกาภิวัตน์
บทนำ
ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย นับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติซึ่งการมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินี้เอง ทำให้เกิดกระบวนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาซึ่งดำเนินการโดยพระภิกษุสงฆ์ ผู้เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์เริ่มก่อตั้งพระพุทธศาสนามาจนถึงการทำสังคายนาพระธรรมพระวินัยครั้งที่ 3 โดยมีพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ของอินเดียเป็นผู้อุปถัมภ์และมีแนวคิดส่งพระสมณทูตเพื่อไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 9 สาย (กรุณา กุศลาสัย อ้างในปรีชา ช้างขวัญยืน.2542 : 134-135)
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเริ่มมาจากการนำธรรมะซึ่งขยายโดยพระภิกษุสงฆ์เพียงรูปเดียวไปสู่สำนักสงฆ์และไปสู่วัดตามลำดับ ทั้งนี้ Lionel Obadia ได้ให้ทัศนะว่า กรอบแนวคิดของผู้เข้ามาเผยแผ่พุทธศาสนา ไม่ได้ทำให้ชุมชนเปลี่ยนหรือให้ยอมรับพุทธศาสนาทันที แต่เป็นเพราะว่าพุทธศาสนาเจริญเติบโตได้โดยการรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของประชากร (www.globa/buddhism.org.2554) ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพระภิกษุสงฆ์กับประชาชนทั้งในชนบท เมืองหรือนคร เป็นความสัมพันธ์แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน หรือเรียกอีกแบบว่าสมานชีวิน (symbosis) ซึ่งการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในครอบครัวและชุมชนต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนกระทั้งตายต้องอาศัยพระภิกษุสงฆ์ในการกระทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งการคงอยู่ของพระสงฆ์อย่างยั่งยืนในศาสนสถานต่าง ๆ ก็ล้วนต้องอาศัยประชาชนในการทำบุญตักบาตรและมีส่วนร่วมในพิธีกรรมทางศาสนา ทั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนและค้ำชูให้พุทธศาสนาคงอยู่อย่างถาวรตลอดไปในสังคมไทย
เมื่อสังคมไทย มีวิวัฒนาการด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1-10 สังคมไทยเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ในศตวรรษที่ 21 นี้ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, เอกสารอัดสำเนา : 2554)
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมเริ่มมีปัญหาหลายประการ ซึ่งสะท้อนออกในแง่ของวิกฤติการณ์ต่าง ๆ เช่น วิกฤติทางด้านการเมือง วิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดวิกฤตทางด้านสังคม มีการแข่งขันเพื่อเอาตัวรอดของคนอย่างรุนแรง ผู้คนทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ความวิตกกังวล มีความเครียดสูงจนเกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมและลุกลามสู่สถาบันครอบครัว
วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้ เดิมทีเป็นหน้าที่ของศาสนาที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ปัจจุบันตัวของสถาบันศาสนาหรือวัดเองก็เกิดวิกฤติและมีปัญหาเรียกว่า “วิกฤตศาสนา” วิกฤตการณ์เหล่านี้ทำให้สถาบันศาสนาก็ถูกกำหนดบทบาทให้อยู่จำกัดเฉพาะภายในบริเวณวัดเท่านั้น (เดือน คำดี, 2554 : 4) ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของศาสนา ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมยุคใหม่ได้
ปัญหาดังกล่าวยังลุกลามไปไกล ทำให้คนทั้งสองประเทศ อ่อนด้อยในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมจนเกิดปัญหามากมายในหลาย ๆ ด้าน Wibke Lobo ได้เขียนบทความเรื่อง The Middle Way Theravada Buddhism and its special nature in Laos พบว่าพุทธศาสนาเถรวาทในลาว มีการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและความเชื่อดั้งเดิมโดยเฉพาะลัทธิวิญญาณนิยม (www.hansgeorberger.com.2554) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของวัดในพระพุทธศาสนาในส่วนนี้ได้จางหายไปจากสังคมทีละน้อย ๆ จนแทบจะหาร่องรอยของความเป็นศูนย์กลาง ความเป็นผู้นำจิตวิญญาณไม่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับทรรศนะของพระไพศาล วิสาโล (2546 : 473-487) ที่มองว่ากระแสโลกาภิวัตน์ทำให้ประเทศต่าง ๆ นับวันจะไร้พรมแดนส่งผลกระทบต่อกันอย่างทั่วถึงรวดเร็ว จนเกิดการสร้างปัญหาท้าทายให้แก่พุทธศาสนา ใน 2 ด้านได้แก่ปัญหาที่เกิดจากภายในวงการพุทธศาสนา และปัญหาที่เกิดจากภายนอก
จากงานวิจัยเรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคมด้านการพัฒนาจริยธรรมของพระนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ส่วนกลาง ปีการศึกษา2547 (www.old2005.mbu.ac.th/ index.php?option.2551) ให้ความเห็นว่าด้วยสาเหตุหลายประการที่ส่งผลให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่มีปัญหาด้านศีลธรรม มีการทุจริตคอรัปชั่น การลักขโมย การเบียดเบียน แย่งชิงทรัพย์สินของกันและกันเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ จนความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกวันยากจะยับยั้งแก้ไขได้ ปัญหาที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นปัญหาที่เกิดจากการขาดกระบวนการพัฒนาทางด้านศีลธรรมอันดีงามทางพระพุทธศาสนา ซึ่งปัญหาการทำให้จิตวิญญาณมีความเจริญควบคู่ไปกับความเจริญทางวัตถุนั้นยังได้สอดรับกับปัญหาที่คณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาจิต สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย. (2528: 65-66) ที่ระบุไว้ในการเผยแผ่พุทธศาสนา ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า การเผยแผ่พุทธศาสนายังไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเหตุสำคัญคือบุคลากรทางศาสนายังขาดความรู้ และไม่มีเทคนิค (ทักษะ) ในการเผยแผ่ที่ดีพอ บุคลากรทางศาสนาจำนวนไม่น้อยมุ่งที่จะแข่งขันพัฒนาทางด้านวัตถุมากเกินไป ทำให้การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไม่เกิดประโยชน์ต่อการเผยแผ่ จึงทำให้บทบาทของวัดและพระสงฆ์ในด้านการพัฒนาจิตใจลดลงอย่างน่าวิตก แม้เมืองไทยจะมีการฟื้นฟูโดยอาศัยแบบเรียนวิชาพระพุทธศาสนาและส่งครูพระไปสอนศีลธรรมตามโรงเรียนแล้วก็ตาม (Osamu Lzmi. 2008:179) จากวิกฤตการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประชาชนชาวไทยเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงประชาชนชาวลาวด้วย แม้ว่า 2 ประเทศนี้มีผู้คนนับถือพระพุทธศาสนามากจนสามารถเรียกได้ว่ามีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีองค์กรของพระพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เป็นผู้เผยแผ่หลักธรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ได้ช่วยปลุกเร้าแนวทางโดยมีการชี้นำหลัก 4 ประการ ที่เรียกว่า the four “Ps” ของพระธรรมทูตคือ การชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ มีเป้าหมายในการเผยแผ่ การเผยแผ่คำสอน และความทรหดอดทน (Bhikkhu Buddharakkhita.2554 : 30-31) ตลอดจนมีกิจกรรมทางพุทธศาสนามากมาย แต่ดูเหมือนว่ายิ่งถ่ายทอดก็ยิ่งตีบตัน ทั้ง ๆ ที่พระสงฆ์ ได้ทำการเผยแผ่เชิงรุก อย่างเต็มศักยภาพแล้ว
สอดคล้องกับ อนุช อาภาภิรม (2545 : 33-34) ที่ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับคนในสังคมไว้ว่า การพัฒนาประเทศและการผลิตสินค้าที่เน้นด้านการควบคุมธรรมชาติโดยแสวงหากำไรสูงสุดทางการค้าและมุ่งสั่งสมความมั่งคั่งให้มากที่สุดตามแนวทางอย่างโลกตะวันตก ได้กัดกร่อนจริยธรรมและจิตวิญญาณของผู้คนอย่างลึกซึ้ง โดยมีสาเหตุและการแสดงออกของวิกฤติทางด้านจริยธรรมและจิตวิญญาณ ได้กลายเป็นปัญหาสุขภาพของคนยุคใหม่อย่างไม่เคยมีมาก่อน การหันเหไปสนใจด้านสิ่งเร้นลับแบบงมงาย นั้นก็สะท้อนให้เห็นว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่กระทำการโดยพระสงฆ์ยังไม่มีประสิทธิภาพพอ
จากข้อมูลระบุว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ มีวัดทางพุทธศาสนากว่า 30,000 วัด มีพระภิกษุกว่า 300,000 รูป สามเณรกว่า 100,000 รูป มีพุทธศาสนิกชนประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ที่ประกาศเป็นพุทธมามกะ ในรัฐธรรมนูญยังได้กำหนดให้พระมหากษัตริย์เป็นพุทธมามกะอีกด้วย (ประเวศ วะสี ในศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. 2542 : 7) แต่เมื่อทำสถิติสำรวจยอดผู้เข้าวัดจริง ๆ ปรากฏว่า มีคนไม่ได้เข้าวัด ร้อยละ 70 ไม่รู้จักวัด ร้อยละ 60 อันเนื่องมาจากอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์ และการวิจัยเรื่องการศึกษาสภาพเศรษฐกิจและวัฒนธรรมชุมชนในเขตเส้นทางสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ไทย-ลาว-จีนของ ประชัน รักพงษ์ อ้างในโครงการเครือข่ายการวิจัย สถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือ (2543 : ข-8-10) ได้พบว่าประชาชนชาวลาวเหนือ (รวมหลวงพระบาง) ได้รับข้อมูลข่าวสารภายนอกที่ส่งตรงมาจากประเทศไทยและเวียงจันทร์ ทำให้เกิดผลกระต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมและความเชื่อดั้งเดิมของประชาชน แสดงให้เห็นว่ากระแสโลกาภิวัตน์ ได้ส่งผลต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม จึงเกิดคำถามต่ออีกว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุก เป็นอย่างไร รูปแบบมีอะไรบ้าง กิจกรรมมีมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น การศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพุทธศาสนาเชิงรุกในชุมชนชายแดนไทย-ลาว ในยุคโลกาภิวัตน์นี้ ผู้ศึกษามีความสนใจในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยผ่านการได้รับข้อมูลข่าวสาร การรับฟังความคิดเห็น การเกี่ยวข้อง การร่วมมือ และการเสริมอำนาจแก่ประชาชน ว่ามีผลต่อพุทธศาสนาเชิงรุกในชุมชนชายแดนไทย-ลาว อย่างไรบ้าง
จึงทำให้เกิดความคิดการเผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรุก ขึ้นในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าของทั้ง 2 ประเทศฝั่งแม่น้ำโขงมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอันจะนำไปสู่ตัวธรรมะจนสามารถนำข้อมูลทางปริยัติ(การเรียนรู้)ไปสู่การปฏิบัติ(การลงมือทำ)ในการดำรงชีวิตประจำวันและสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของแต่และปัจเจกบุคคลให้ไปสู่ปฏิเวธ (การบรรลุสัจจะธรรม)ได้มากยิ่งขึ้น
สืบเนื่องมาจากปัญหาด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหลายประการดังกล่าวแล้ว ผู้วิจัยจึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษาวิจัยด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรุก อันจะเป็นองค์ความรู้ด้านการเผยแผ่ศาสนาพุทธต่อไป
เขียนใน
GotoKnow
โดย
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
ใน
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเมืองพะเยา : พุทธศาสนาเชิงรุก
คำสำคัญ (Tags):
#ปัญญาเพื่อพัฒนาสังคม
#พระพุทธศาสนาในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
#พระสงฆ์กับการเมือง
#พุทธศาสนากับการเมือง
#พุทธศาสนาเชิงรุก
#พุทธศาสนาในอาเซียน
#มหาจุฬาฯ
#มหาศรีบรรดร
หมายเลขบันทึก: 483990
เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2012 10:21 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:26 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๒๙๒.งานวิจัย:การม...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท