ตัวผมเองและชาวบ้านชาวผู้ไท ตำบลเหล่าใหญ่ กราบขอบพระคุณ อ.ธีรภาพ โลหิตกุลและทีมงานสห+ภาพ รวมทั้งทีม kalasin photo club ที่ช่วยให้พวกเราตระหนักรู้ในตน ผ่านงานศิลปะ/ผ่านเลนส์ ได้ช่วยสร้างสรรค์วิถีชีวิตปกติในหมู่บ้านชาวผู้ไทให้กลายเป็นความงาม กลายเป็นการสร้างสรรค์งานทางศิลปะ โดย ทีมงานมืออาชีพ กลายเป็นความงดงาม และความประทับใจร่วมกันครับ
ภาพโดย kalasin photo club
ที่สำคัญในบรรยากาศการร่วมกิจกรรมชุมชน ที่เป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของผมครั้งนี้ ทำให้ผมเกิดการตระหนักรู้ เกิดการสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการร่วมกิจกรรม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลจากผู้คนที่หลากหลาย ด้วยบรรยากาศ อย่างนี้ เอื้อต่อการ สืบค้นหารากเหง้า เผ่าพงศ์คนผู้ไท(ภูไท) การสืบค้นหาญาติแดนไกลในช่วงงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติครับ
ขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นและได้สัมผัสร่วมกันครับ
สถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ข่าวเช้าสุดสัปดาห์
ได้ไปทำข่าว ผู้ไทลงข่วงเข็นฝ้าย ที่เหล่าใหญ่ กุฉินารายณ์ กาฬสินธุ์
ที่หลายท่านพลาดชม ทางช่อง ไทยพีบีเอส ในวันเสาร์ที่ 17 มีนาคม ส่งมาให้ชมที่นี่
กันเต็มๆ เลยครับ
(วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม มีอีกตอนหนึ่ง เวลา08.00.08.30 น. เป้นตอนผู้ไทนานาชาติที่เขาวง)ดูได้ที่นี่
http://www.youtube.com/watch?v=wyGCP7tYIv8ขอบคุณครับ
บรรยากาศการลงข่วง
ภาพ โดย Kalasin Photo Club
ภาพ โดย Kalasin Photo Club
ประโยชน์ของการลงข่วง
อะไรที่ซ่อนอยู่ในวัฒนธรรม “ผู้ไทลงข่วงเข็นฝ้าย”
อ.ธีรภาพ ถามผมว่า จากงาน “ผู้ไทลงข่วงเข็นฝ้าย”ที่เหล่า ได้สะท้อนอัตตลักษณ์ความเป็นผู้ไทยตรงไหนบ้าง ผมตอบอาจารย์ธีรภาพ ไปว่า การฟื้นประเพณี "ผู้ไทลงข่วงเข็นฝ้าย" นี้เป็นการรื้อฟื้นตัวตนความเป็นคนผู้ไท รื้อฟื้นวิถีชีวิตที่เขาทำติดต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณี เป็นวัฒนธรรม รื้อฟื้นคุณค่าเดิมที่เขารักและหวงแหน รื้อฟื้นกิจกรรมที่สะท้อนความสุขความมีชีวิตชีวาของคนผู้ไทในอดีต ดังนั้น วัฒนธรรมการลงข่วงเข็นฝ้ายจึงสะท้อนอัตตลักษณ์คนผู้ไทในหลายๆเรื่องได้แก่
1. การสะท้อนวิถีวัฒนธรรมการทอผ้าใช้เอง ตั้งแต่การเพาะปลูกฝ้าย จนถึงการผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่ม ผู้ไทมีอัตตลักษณ์ที่โดดเด่นเรื่องการทอผ้า ผ้าที่มีชื่อมากที่สุดคือ ผ้าไหมแพรวา ที่บ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
2.สะท้อนวัฒนธรรมการเกี้ยวพาราสี ขอคนหนุ่มสาวจนถึงการแต่งงาน ด้วยคนผู้ไทจะมีข้อห้ามในเรื่องการแต่งงานในสายเลือดชิด หลายชั่วชั้นอายุครับ การลงข่วงทำให้มีพื้นที่สาธารณะให้คนหนุ่มสาวได้มาพบกัน
3.เชื่อมโยงสู่ การแต่งงานมีครอบครัว มีพ่อล่ามแม่ล่าม เป็นคนกลางของครอบครัวใหม่
4.สะท้อนวิถีการแต่งกายที่สวยงามมีเอกลักษณ์ อัตตลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนความเป็นคนผู้ไท
5. ดนตรีสุนทรียะ การลงข่วงทำให้คนหนุ่มสาวมีพื้นที่แสดงออกทางทางดนตรีสุนทรียะ
6. ลักษณะการตั้งถิ่นฐานบ้านเมือง คนผู้ไทนิยมตั้งถิ่นฐานในลักษณะที่เป็นที่ราบลุ่มเชิงเขา(ภู) พื้นที่นาเป็นที่ลุ่ม พื้นที่เขา(ภู)ใช้เลี้ยงสัตว์ หาอาหาร หาของป่า
7. ที่พิเศษ คือ อัตตลักษณ์ทางด้านภาษาครับ ภาษาผู้ไทเป็นภาษาที่แตกต่างจากภาษาลาวหรือภาษาอิสานทั่วไป สังเกตได้ชัดเจนว่าจะมี สระ เออ มากเลยที่เดียว เจอ(ใจ) เพอ(ใคร) เมอ(กลับ) แมงกะเบ้อ(ผีเสื้อ)
น่ารวมเล่มนะอาจารย์สุเทพ
สวัสดีค่ะท่านเทพฯ
เมื่อเช้า รายการข่าวเช้าสุดสัปดาห์ ไทยพีบีเอส
ได้ชมงาน นานาชาติ ภูไท เค้าพาไปกาฬสินธุ์
ด้วยความระลึกถึง เดินทางปลอดภัยนะคะ
ขอบคุณครับคุณ Poo
ได้ดูเมื่อเช้าเหมือนกัน แต่ประทับตอนเมื่อวาน "ผู้ไทลงข่วงเข็นฝ้ายที่เหล่าใหญ่"มากกว่า ส่วนหนึ่งด้วยมีส่วนในการจัดด้วย เลยผูกพัน
ขอบคุณครับ อาจารย์
ชอบจังนะคะท่านอาจารย์เป็นภาพที่งดงาม กิจกรรมดีดีที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
คิดว่าทางท้องถิ่นน่าจะสานต่อทำเป็นประเพณีประจำปีของตำบลครับ
ส่วนหนึ่งทีมงาน อ.ธีรภาพ มาช่วยถ่ายภาพสวยๆและมีไทยพีบีเอส มาถ่ายทำด้วย
ก็เลยทำให้คึกคัก
คุณ วิระศักดิ์
อารมณ์สวะ
ดีเจ๋อที่ได้เจอได้รู้จักคนผู้ไท ที่สนใจเรื่องผู้ไทนำเด๋ว
ชอบการแต่งกายมากๆ แวะมาลอกเลียนแบบการแต่งกาย ดีใจมากที่พบ และ มีแบบนี้ พอแต่งเสร็จแล้ว จะถ่ายภาพมาให้ท่านชมนะคะ ว่า ครูอ้อยเป็น ชาวภูไท ได้ไหม
ดีเจอละได้เมอ เมืองเว เรณูนครอีเท้อ ในวันที่ 11 เม.ย. นี้ครับ
อาจารย์ครับ รับผมเป็นเพื่อนในเฟส ด้วยครับ ชื่อ
wirasak aromsawa