เรื่องเล่าจากบ้านแม่ตาด + คิดแบบวงกลม :
วิมานไม้สักทองของรุกขเทวดาผู้ใหญ่
(๑)
“อาจารย์ครับ! เขาว่าต้นไม้ใหญ่ทุกๆ ต้นมีผีสิงอยู่จริงหรือเปล่าครับอาจารย์?” เจ้าก๋อย หนึ่งในคณะกรรมการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประจำหมู่บ้าน(พทสม.)ของบ้านแม่ตาด ถามขึ้นด้วยความสนใจ เมื่อคราวที่พวกเราไปช่วยกันปิดกั้นทางเข้าป่าเมื่อหลายวันก่อน
“จริงสิ” ผมตอบสั้นๆ แล้วก็ยิ้มอยู่ในใจ
“อาจารย์เคยเห็นหรือเปล่า?” เจ้าก๋อยถามต่อไปอีก
“เปล่า! ไม่เคยเห็นหรอก” ผมตอบไปตามความจริง
“อ้าว! อาจารย์ไม่เคยเห็น แล้วทำไมอาจารย์ถึงบอกว่าผีที่สิงอยู่กับต้นไม้มีจริงละครับ?” เจ้าก๋อยย้อนกลับมาถามผมอีก
“ไม่เคยเห็นจริงๆ น่ะ แต่ที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก็เพราะว่าในพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ด้วยอย่างชัดเจนเลยทีเดียว” ผมเริ่มเกริ่นเรื่องราวให้เขาและคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ฟัง
“ว้าว! อยากฟังจังเลย อาจารย์กรุณาเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ? พวกผมอยากทราบจริงๆ ครับ” เจ้าก๋อยกล่าวอย่างอ้อนวอน โดยมีคณะกรรมการ พทสม.อีกหลายคนทำงานไปด้วยและฟังไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่าทุกอย่างกำลังจะเข้าทางผมพอดี (คิคิคิ)
“ตั้งใจฟังน่ะ !เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” ผมถามแบบยิ้มๆ
“ครับ! เล่าเลยครับลูกเพ่ เอ๊ย! อาจารย์”
(๒)
เมื่อลูกฟุตบอลไหลมาเข้าเท้าที่ถนัดแบบนี้แล้ว มีรึอดีตกองหน้าตัวสำรองอย่างผมจะปล่อยให้พลาดโอกาสไปได้ง่ายๆ.... และแล้วผมก็เลยจัดการซัลโวลูกบอลเข้าประตูทันทีด้วยเท้าขวาข้างที่ถนัดในระยะเผาขน (คิคิคิ)
โดยผมได้เล่าให้เจ้าก๋อยและคณะกรรมการ พทสม.ฟังในวันนั้นว่า.....ในสมัยพุทธกาลตอนที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ มีภิกษุชาวเมืองอาฬวีรูปหนึ่งซึ่งเป็นพระที่เพิ่งบวชใหม่ พระรูปนั้นเห็นภิกษุรูปอื่นมีกุฏิอย่างดีเป็นของตนเอง ก็คิดอยากจะมีกับเขาบ้าง จะได้ใช้เป็นที่พักอาศัยกันแดดกันฝนได้
วันหนึ่ง พระภิกษุรูปนั้นก็ตัดสินใจแบกขวานเข้าไปในป่าเพื่อทำการตัดต้นไม้สำหรับนำมาสร้างกุฏิของตนเอง เมื่อพบเจอต้นไม้ใหญ่ที่ถูกใจแล้ว ก็ลงมือฟันทันที โดยไม่รู้ว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น คือ “วิมาน” ของ “รุกขเทวดา” ครอบครัวหนึ่ง(รุกขเทวดา คือ เทวดาชั้นต่ำชนิดหนึ่ง ที่ใช้ต้นไม้เป็นวิมานหรือที่พักอาศัย รุกข=ต้นไม้ เทวดา=เทพหรือเทวดา)
ฝ่ายรุกขเทวดาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อเห็นพระภิกษุรูปนั้นกำลังลงมือใช้ขวานฟันต้นไม้อยู่อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนั้น ก็รีบลงมาห้ามปรามเสียยกใหญ่ อ้อนวอนอย่างไรพระภิกษุรูปนั้นก็มองไม่เห็นและไม่ได้ยินเลย เนื่องจากเป็นพระบวชใหม่ที่ยังไม่มีญาณวิเศษใดๆ
หนักๆ เข้ารุกขเทวดาผู้หญิงและลูกๆ ก็ต้องเข้ามาช่วยอ้อนวอนและร้องห้ามปรามด้วย เนื่องจากต้นไม้ต้นนี้เป็นวิมานแห่งสุดท้ายของครอบครัวตน หากต้นไม้ต้นนี้ถูกโค่นลงไปก็เท่ากับว่าวิมานของตนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ และทำให้พวกตนไม่มีวิมานสำหรับอยู่อาศัย
บางช่วงรุกขเทวดาก็ยกไม้ยกมือห้ามปรามและก้มกราบอ้อนวอน แต่พระภิกษุรูปนั้นก็มองไม่เห็น กลับเงื้อขวานฟันสุดแรงเกิด จนทำให้รุกขเทวดาต้องแขนขาดและบาดเจ็บเลือดสาดไปตามๆ กัน
เมื่อเห็นว่าขอร้องหรืออ้อนวอนดีๆ ไม่ได้ รุกขเทวดาครอบครัวนั้น ก็เลยพากันด่าทอและสาปแช่งพระภิกษุรูปนั้นด้วยความโกรธแค้นอย่างมากมาย
ไม่นานนักต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นก็ล้มลง ปล่อยให้รุกขเทวดาทั้งหมดพากันร้องห่มร้องไห้ด้วยความเศร้าและเสียใจอย่างสุดซึ้ง ในขณะที่พระภิกษุรูปนั้นกลับรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องที่ตนเองสามารถโค่นไม้ใหญ่ต้นนั้นลงได้
เมื่อเห็นว่าตนเองไม่มีที่พึ่งแล้วจริงๆ รุกขเทวดาครอบครัวนั้น ก็เลยพากันหอบลูกจูงหลานเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากพระพุทธองค์
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องนี้แล้ว ก็ได้รับสั่งให้พระภิกษุรูปนั้นมาเข้าเฝ้า พร้อมทั้งสอบถามเรื่องราวต่างๆ และได้ตำหนิพระภิกษุรูปนั้นว่าเป็น “โมฆบุรุษ”(คนไร้สาระ) พร้อมทั้งทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้นมา โดยทรงบัญญัติไว้ว่า หากภิกษุรูปใดทำลายภูตคาม(ภูต=ภูต,ผี คาม = บ้าน)หรือตัดต้นไม้ ภิกษุรูปนั้นจะต้องอาบัติ “ปาจิตตีย์” (ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ปาจิตตีย์ ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ 1 ในพระวินัยปิฎก)
คราวนั้น ท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของรุกขเทวดาครอบครัวนั้นด้วย ก็เลยเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อมาเนรมิตวิมานแห่งใหม่ให้รุกขเทวดาครอบครัวนั้นได้ใช้เป็นที่พักอาศัยไปตราบชั่วนาตาปี
(๓)
“ถึงตรงนี้ทุกคนเชื่อหรือยังล่ะว่าต้นไม้ใหญ่ๆ มีผีอาศัยอยู่จริงๆ?” ผมเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าน
“โห! อาจารย์เล่นยกเอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงแบบนี้ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ ฮะ ฮ่ะ ฮ่า....เอ่อ! ว่าแต่ว่า ผีกับรุกขเทวดาเนี่ยอันเดียวกันหรือเปล่าครับอาจารย์?” ใครคนหนึ่งถามขึ้น
“ต่างกันน่ะ คือ ผีกับภูตนี่อันเดียวกัน เป็นวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด อาศัยอยู่หลายที่รวมทั้งตามต้นไม้ด้วย ส่วนรุกขเทวดานั้น จัดว่าเป็นเทพหรือเทวดาชั้นผู้น้อย ที่ความดีหรือบุญไม่มากพอที่จะได้ไปสถิตอยู่บนวิมานชั้นสูง ก็เลยใช้ต้นไม้ใหญ่ๆ เป็นวิมานแทน โดยทำหน้าที่ในการดูแลและรักษาต้นไม้หรือผืนป่าเป็นหลัก” ผมอธิบายให้ฟัง
“แล้วอย่างไหนน่ากลัวกว่ากันครับอาจารย์” อ้ายแต๋นถามขึ้นบ้าง
“ก็น่ากลัวทั้งสองอย่างแหละ ถ้าหากใครมาดี ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งผีและรุกขเทวดาจะทำหน้าที่คอยคุ้มภัยให้ แต่ถ้ามาร้ายหรือมาตัดไม้ทำลายป่าแล้วละก็ระวังให้ดีๆ รับรองได้เจอดีแน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง” ผมบอก
“บรื๋อ! ขนลุกเลย น่ากลัวๆ” ใครคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
“เออ! แล้วที่พวกเรามาช่วยกันทำการปิดป่าวันนี้ ผีกับท่านรุกขเทวดาไม่ว่าอะไรเหรอครับ?” เจ้าก๋อยถามอย่างสงสัย
“ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอก เพราะว่าเรามาช่วยกันทำความดีและช่วยกันปกป้องวิมานหรือที่พักพิงให้กับท่าน มีแต่ท่านจะคอยอำนวยอวยพรให้เราโชคดีและมีความสุขตลอดไปเท่านั้นเอง”
“อาจารย์ครับ! ถ้าหากต้นไม้คือวิมานของรุกขเทวดา แสดงว่าการตัดไม้ทำลายป่าก็เท่ากับเป็นการทำลายวิมานของรุกขเทวดานะสิครับ?” น้าอ้ายแสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง
“ช่าย! ถูกต้องเลยล่ะ การตัดไม้ทำลายป่าก็คือการทำลาย “ภูตคาม”หรือวิมานของรุกขเทวดา ซึ่งทั้งไม้ต้นเล็กและต้นใหญ่จะมีรุกขเทวดาสถิตย์อยู่ทุกต้น รุกขเทวดาเด็กๆ ก็จะสิงสถิตอยู่ในไม้ต้นเล็ก ส่วนไม้ต้นใหญ่ก็จะมีรุกขเทวดาอาวุโสหรือหัวหน้าสิงสถิตย์อยู่ การตัดไม้ทำลายป่าจึงเท่ากับเป็นการทำลายวิมานของรุกขเทวดาและบ้านพักของภูตผีลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเมื่อถึงเวลาทั้งผีและรุกขเทวดาก็จะทำการแก้แค้นและเอาคืนบ้าง และจะส่งผลร้ายให้เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้ที่ตัดไม้ทำลายป่าอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว” ผมกล่าวเสียยาวยืดเพื่อให้ทุกคนมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนขึ้น
“อาจารย์ครับ! วิมานต้นนี้ผมจองแล้วนะครับ หากวันใดผมเกิดตายลงไป ผมจะขอมาเกิดเป็นรุกขเทวดาและมาสิงสถิตย์อยู่ที่วิมานไม้เหียงต้นนี้แหละ ฮะ ฮ่ะ ฮ่า!”
เจ้าก๋อยพูดและชี้ไปที่ต้นไม้เหียงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมทางเข้าป่า พร้อมทั้งหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
“แกอยากจะเป็นรุกขเทวดาตอนนี้เลยไหมไอ้ก๋อย? ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้เอาบุญ” อ้ายแต๋นแซวขึ้น ทำเอาเจ้าก๋อยถึงกับสะดุ้งโหยง และรีบปฏิเสธความปรารถนาดีอย่างฉับพลันว่า
“ม่ายเอาๆ ผมยังไม่อยากตายในขณะที่ยังหนุ่มยังแน่นและยังโสดแบบนี้นะเพ่ ไม่งั้นคงจะเหงาและเปล่าเปลี่ยวแย่เลย ฮะ ฮ่ะ ฮ่า!”
คำพูดของเจ้าก๋อยทำให้คณะกรรมการ พทสม.บ้านแม่ตาดทุกคน รู้สึกขำและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ท่ามกลางบรรยากาศอันรื่นรมย์ของผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่ชาวบ้านแม่ตาดได้ช่วยกันดูแลและปกป้องอย่างสุดชีวิต เพื่อให้ป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืนตลอดไป
-----------------------------------------------
บรรยากาศริมอ่างน้ำภายในป่าลึก
วิมานของรุกขเทวดาที่ขึ้นซ้อนกัน
วิมานไม้สักทองขนาดใหญ่
วิมานไม้เหียง
ไม้เหียงต้นนี้แหละที่เจ้าก๋อยจับจองไว้แล้ว 555
ช่วยกันขุดหลุมเพื่อฝังเสาตอม่อป้องกันไม่ให้คนนำรถยนต์เข้าไปตัดไม้ในป่า
(โปรดสังเกตคนที่ใส่หมวกขาว/เขียวที่กำลังขุดดินให้ดีๆ นะครับ คิคิคิ)
อิ่ม...อย่างอบอุ่น
พทสม.บ้านแม่ตาด(รุกขเทวดาตัวจริง) ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก
เพลง "ต้นไม้ของพ่อ"
ร้องโดย "พี่เบิร์ด-ธงชัย แม็คอินไตย"
เข้าทีค่ะ ฝังต่อม่อกันรถเข้าไปตัดไม้ซะเลย
เสร็จแล้วกินข้าวร่วมกันอย่างอบอุ่น
ความมีส่วนร่วมในส่วนรวม
สวัสดีครับ คุณหมอแต้/ ป.
-เดิมทีทางเส้นนี้รถยนต์สามารถผ่านเข้าออกได้นะครับ แต่ช่วงหลังๆ มาเริ่มมีคนต่างถิ่นเข้ามาลักลอบตัดไม้ตอนกลางคืน ชาวบ้านเลยมีการประชุมวางแผนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา ในที่สุดก็ใช้วิธีการขุดหลุมแล้วนำเอาเสาตอม่อไปฝังขวางทางเสียเลย เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์เข้าไปถึงในป่าลึก จะได้ยับยั้งการลักลอบตัดไม้ใหญ่ที่มีอยู่ในป่าลึกจำนวนมาก อีกทั้งจะได้แสดงให้เห็นด้วยว่า....พวกเราเอาจริงน่ะ
-คณะกรรมการ พทสม.บ้านแม่ตาด จะมีการสำรวจป่าทุกเดือนนะครับ แต่ละครั้งก็จะพากันไปนั่งกินข้าวในป่าอย่างอบอุ่นเหมือนที่เห็นในภาพ.....อร่อยและได้บรรยากาศดีมากๆ เลยละครับ
สวัสดีครับ คุณครูอ้อย แซ่เฮ
ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
สวัสดีครับ
อ่านเรื่องราวน่าสนุกและได้รู้ถึงพระไตรปิฎกที่เกี่ยวกับต้นไม้ด้วยครับ
ชื่นชมกับกลุ่มชาวบ้าน
ที่ช่วยอนุรักษ์ป่าและต้นไม้นะครับ
มนุษย์ถ้าเราเกิดมาแล้วไม่ทำประโยชน์มากมายให้โลก
แต่ก็ช่วยปลูกต้นไม้และอนุรักษ์ต้นไม้
เพื่อให้ต้นไม้ทำความดีแทนเรานะครับ
สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก(ทิมดาบ)
-ในพระไตรปิฎกมีเรื่องราวที่สนุกๆ และน่าสนใจอยู่เยอะเลยนะครับ
หากนำมาเทศน์สอนแบบพระก็คงจะน่าเบื่อพอสมควร ผมเลยเลือกที่จะนำมาประยุกต์ให้เข้ากับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะทำให้สนุกและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเหมือนอย่างในบันทึกเรื่องนี้นะครับ
-คณะกรรมการ พทสม.บ้านแม่ตาดช่วยกันดูแลป่าอย่างต่อเนื่องนะครับ เพื่อให้ป่าไม้มีความอุดมสมบูรณ์และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน.....อาจจะกล่าวได้ว่าคณะกรรมการ พทสม.กลุ่มนี้ คือ "รุกขเทวดาตัวจริง"ของบ้านแม่ตาดก็ว่าได้นะครับ 555
-หากทุกคนช่วยกันปลูกและดูแลต้นไม้ เชื่อมั่นว่าในอนาคตป่าไม้ของไทยเราจะต้องเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างแน่นอนนะครับ
มาอ่านบันทึกดีดีค่ะ
สวัสดีครับ คุณ tamtam1
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
บรรยากาศบ้านแม่ตาด อุดมฯ ป่างาม แม่น้ำใส ได้ใจมากๆ ค่ะ
สวัสดีครับ คุณ Poo
-บ้านแม่ตาดถือว่าเป็น "ปฏิรูปเทส" สำหรับผมเลยนะครับ เป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะสำหรับการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายมากๆ เลยละครับ
-มีโอกาสผ่านมาทางนี้ ก็ขอเชิญคุณปูแวะเข้ามาแอ่วได้นะครับ....ยินดีต้อนรับเสมอครับ
สวัสดีครับ คุณบุษรา
-ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
-สังคมหรือชุมชนที่ดีงามและมีความสุข....เราช่วยกันสร้างได้นะครับ
ชื่นชมทั้งความคิดและลงมือกระทำค่ะ....สุดยอดนักเล่านิทานเลยนะคะ
สวัสดีครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา
ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
สวัสดีค่ะคุณอักขณิช
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนี้ค่ะ
ขอร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติ รักษาต้นไม้ด้วยคนค่ะ
สวัสดีครับ คุณพี่ถาวร
ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและคอยให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ