มองโรคในแง่ดี ตอนที่ 9 ( กินยาทำใจ )


กินยา+ทำใจ ใช่เลย คิดบวกได้ใจก็เป็นสุข

ด้วยธรรมชาตเดิมของผู้เขียน เป็นคนอารมณ์ ดีอยู่แล้ว ไม่ค่อยเครียด หรือถ้าเครียด ก็เพียงรับรู้ว่าเครียด แล้ว ก็สามารถสลัดความเครียดออกจากหัวได้   โดยไม่ต้องพึ่งยาคลายเครียด มีหลายคนบอกอิจฉาผู้เขียน เพราะในชีวิตนี้ ไม่เคยกินไม่ได้หรือนอนไม่หลับ สมัยเรียนอยู่นั้นก่อนเข้าห้องสอบ จะเป็นคนเดียวในห้องที่ไม่หยิบหนังสือมานั่งอ่านหน้าห้องสอบ เพื่อนหลายคนเขาเคร่งเครียดกัน เพื่อมักจะถามเสมอกว่าแกไม่กลัวตกเหรอ ก็มักบอกเพื่อนว่า 

  " อ้า ! ตกซิดี มีโอกาสทำข้อสอบอีกรอบ รับรองแน่นปึก"

      เพื่อนๆมักส่ายหน้า ในความคิดอันไม่ค่อยจะเข้าท่า  เท่าไหร่  แต่ผู้เขียนก็สามารถเอาตัวรอดในการสอบได้ทุกครั้ง  แถมเรียนจบได้เกียรตินิยม อันดับสองมาด้วย จริงๆเวลาเรียนก็บอกเคล็ดลับเพื่อนๆ แต่มันมักไม่มีใครทำตาม  คือสมัยเรียนพยาบาล เวลาขึ้นฝึกงานนั้น อาจารย์ ให้เลือกผู้ป่วยดูแลเอง  สำหรับชลัญธรแล้ว การเลือกผู้ป่วยนั้น ต้องมี สายดิน ( drain ) สายอากาศ ( IV , เลือด , drip ยา ) อุดปาก ( ท่อช่วยหายใจ ) สวนรู ( ใส่สายสวนปัสสาวะ) ดูแผล (ผุ้ป่วยมีแผล เช่น ผ่าตัด หรือ แผลไหม้ ) แก้ยาก (มี shock หรือ ไส่สมดุลเกลือแร่)  สรุปแล้วคือจะเลือด case ที่หนักสุดๆ  ซึ่งมันเป็นผลดี ว่าเวลาเราศึกษานี่มันจะได้ครบทุกอย่าง  เวลาสอบไม่ต้องกลับมาอ่านหนังสือให้ยากเวลาเก็บ case ก็ต้องเก็บกับพี่พยาบาลที่โหดที่สุด  เวลาโดนพี่ด่า แล้ว มันมีแรงยังไงบอกไม่ถูก แล้วก็จะนึกขำๆในใจ เวลาที่พี่พยาบาลด่าน้องนักศึกษานี่ พี่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า พฤติกรรมนั้นมันตลกโคตรๆ  เพื่อนๆมักบอกว่า เราเป็นโรคจิต ซึ่งเพื่อนมักไม่มีใครทำตาม  ซึ่งในเรื่องการคิดบวก นี่เป็นสิ่งที่ติดตัวผู้เขียนมานานแล้ว  

  เมื่อเริ่ม เจ็บป่วย เป็นพาร์กินสันนั้น  การทำใจยอมรับว่าเราป่วยมันก็ ออกจะยากอยู่  แต่เราก็สามารถปรับตัวอยู่กับมันได้  จนทุกวันนี้  ในครั้งแรกๆ ที่ป่วย ก็รักษาที่ รพ.มหาราช นครราชสีมา แต่ด้วยความรักของคนในครอบครัวที่มีกับผู้เขียน เขาก็เริ่มกังวลใจ ว่า มหาราชนี่มันเป็นที่ที่ดีที่สุดในการรักษาแล้วหรือ  ทุกคนก็บังคับให้ผุ้เขียน ไปตรวจที่โรงพยาบาล ในกทม. ที่คิดว่าเป็นที่ ที่ดีที่สุด   ก็ O.K. ไปตรวจเพื่อความสะบายใจของญาติ ๆ  ก็ไปตรวจกับแพทย์ Neuro med  ที่เก่งมากๆ ท่านหนึ่ง  ท่านก็บอกว่า

"เป็น พาร์กินสัน  รพ.มหาราชให้ยา O.K แล้ว  ก็รักษาตามนั้นแหล่ะ  "

         ผู้เขียนถาม การรักษานี่ได้แค่กินยาหรือค่ะ เห็นอ่านหนังสือเจอ เขาบอกมีผ่าตัดด้วย  อาจารย์ หมอก็บอกว่า การผ่าตัดทำได้ แต่เราไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะผ่าตอนนี้ เอาไว้ให้แย่กว่านี้กอ่น (อุ๊ย ...คิดในใจ )

   " สรุปก็คือ กินยาอย่างเดียว "

    " ใช่ตอนนี้ กินยา " อาจารย์ หมอบอก  แต่ก็อย่าลืมอีกอย่าง "

    "อะไรค่ะ "

     "อย่าลืม ทำใจ " 

   ผู้เขียน  ( แง๊ว!!!!!!!!!!!!!!!!!)

     อาจารย์หมอเห็นคิ้วเริ่มผูกโบว์  อาจารย์ก็ยิ้ม แล้วอธิบายให้ฟัง  ว่า "การกินยาในตอนนี้เป็นการรักษาที่ดีที่สุดแล้ว  แต่ที่ต้องให้ทำใจนั้น เพราะว่า โรคนี้มันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด แล้วก็มีโอกาสที่จะแย่ไปเรื่อยๆ  ตามอายุขัย  เพราะฉะนั้นการทำใจยอมรับและปรับตัวอยู่กับโรค นี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ต่อไปวิทยากรแพทย์ก้าวหน้า อาจมีทางรักษาได้  แต่ถ้าแย่กว่านี่้เมื่อไรกลับมาหาอาจารย์ได้ "

    ค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย  เข้าใจคิดนะค่ะอาจารย์ 

   "กินยา ทำใจ" 

    นี่ดีนะผู้ป่วยเป็นชลัญธร ......ทุกวันนี้เวลาใครถามว่ารักษายังไง  ชลัญธร ตอบได้เต็มปากว่า

         " กินยา  ทำใจ "  ค่ะ

     

หมายเลขบันทึก: 482019เขียนเมื่อ 15 มีนาคม 2012 07:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม 2013 05:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ฝากมาให้อ่านครับ คู่มือช่วยสอบของลูกสาว

ดีใจมากที่ได้มาพบกัน เสียดายได้แลกเปลี่ยนกันน้อยไปหน่อย....ก็แลกเปลี่ยนกันทางบันทึกน่าครับ

ตัวอักษรอ่านยากครับ แต่เนื้อหาดี ให้ดอกไม้ 1 ดอกครับ

เรื่องกินยานี่ kunrapee ไม่ชอบค่ะ

ต้องจับเม็ดยา ใส่เข้าไปลึกๆในปาก แล้วกลืนน้ำกรึ๊บเดียวหายเข้าคอค่ะ

ถ้ากินแบบคนดื่น.. ต้องดื่มน้ำหลายแก้ว เพราะยามันไม่ลงคอค่ะ คริ คริ


 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท