วันนี้ได้เข้าร่วมประชุมกลุ่มสาระฯ ซึ่งวาระการประชุมที่สำคัญคือ การจัดอัตรากำลังในกลุ่มสาระ สำหรับภาคเรียนที่ ๑ ในปีการศึกษา ๒๕๕๕ ที่จะมาถึง ได้อาจหาญขออาสาสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม.๑ ในโครงการ EIS ซึ่งหมายความว่า ครูต้องใช้ภาษาอังกฤษในการจัดการเรียนการสอน
มันอาจไม่แปลก สำหรับครูหลายๆคนหรือครูส่วนใหญ่เชียวแหล่ะ แต่สำหรับครูที่มีอายุราชการเหลืออีก ๖ ปี ไม่เคยใช้ภาษาอังกฤษในการสอน นอกจากสอน Technical term ในสาขาวิชาที่รับผิดชอบเท่านั้น ไม่เคยสอนเด็กเล็กๆ อย่าง ม.๑ ด้วย มันช่างท้าทายเสียจริงๆ
อาจสงสัยว่า แล้วไปสอนทำไม?
ตอนนี้ก็เหมือนสตาร์ทติดเครื่องรถแล้ว ไม่มีเกียร์ถอยหลัง ต้องเดินหน้าอย่างเดียว แต่ก็ขอให้รู้ว่ารถขบวนนี้วิ่งด้วยใจเกินร้อยทีเดียว
ด้วยจุดประสงค์อยากฝึกใช้ภาษาอังกฤษ ไม่อยากเป็นคนที่รู้สึกเหมือน"คนหูหนวก เป็นใบ้" อึดอัดเหมือนอยู่ในที่แคบ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมือง (ลูกพาพ่อแม่ไป) โอ้ย มันช่างอึดอัดคับใจไปซะหมด ฟังก็ไม่รู้เรื่อง พูดก็ไม่ได้ เราก็เรียนภาษาอังกฤษมาเหมือนกันนี่นา เราน่าจะใช้ได้ ถ้าเรามีโอกาสได้ใช้ นี่คือที่มาค่ะ
ฟังดูเหมือนๆครูจะคิดแต่ในส่วนตนนะคะ ไม่หรอกค่ะ เพราะคิดว่าครูได้นักเรียนก็ต้องได้เหมือนกัน ความรู้ในเนื้อหานั้นครูก็เกินร้อย ภาษาครูอาจต้องมาเริ่มใหม่ไปกับนักเรียน แต่ครูก็มาด้วยใจที่เปี่ยมพลัง ดังนั้นเราจะก้าวไปด้วยกันนะจ้ะลูกศิษย์ของครู
ครูจะเริ่มต้นตั้งแต่คืนนี้ ในการเตรียมตัวของครู ไม่ให้นักเรียน ผู้ปกครอง และโรงเรียนต้องผิดหวังที่ได้"ครูแก่ๆ" มาสอนเลย
คงจะต้องมีภาคต่อๆไป อยากชวนเพื่อนครูมาให้คำแนะนำและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ ถ้าข้อเขียนของครูคนนี้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง
เมื่อเช้าครูอ้อยเข้าไปนั่งในห้องการเงิน เจ้าหน้าที่บอกกับครูอ้อยว่า เงินเดือน ครูอ้อยตันแล้ว ต้องทำ ผลงาน ครูเชี่ยวชาญให้ผ่าน ไม่งั้นตันจน เกษียณ ครูอ้อยต้องเสียภาษาเพิ่ม แล้ว ทำไมจะยอกให้เงินเดือนตัน นี่เป็นคำถาม และคำตอบที่ตามมาก็คือ มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำผลงาน เพราะเราสอน เราพยายามให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์
เป็นกำลังใจให้นะคะ