AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndrome)
AIDS หรือชื่อเต็ม ว่า “Acquired Immune Deficiency Syndrome” ภาษาไทยเรียกชื่อโรคนี้ว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เกิดจากเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกายและไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย อาการมักรุนแรง เรื้อรัง และเสียชีวิตในที่สุด
สาเหตุ
อาการ
WHO (องค์การอนามัยโลก) ได้แบ่งระยะของโรค AIDS ได้ออกเป็น4 ระยะ
ระยะที่ 1 ระยะติดเชื้อ HIV ไม่แสดงอาการมาก มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต
ระยะที่ 2 เริ่มแสดงอาการ แต่มีอาการน้อย แสดงอาการดังนี้
ระยะที่ 3 อาการบ่งชัดว่าเป็นโรค AIDS
ระยะที่ 4 มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง
บทบาทนักกิจกรรมบำบัด
- ทำการประเมินคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย AIDS โดยใช้กรอบอ้างอิง PEOP ดังนี้
P(Person) : ผู้ป่วยมีความบกพร่องทางด้านภูมิคุ้มกัน และอ่อนล้าทางจิตใจ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ประเมินค่าตนเองต่ำ
E(Environment) : สังคมเกิดการแบ่งแยก และรังเกียจ สิ่งแวดล้อมที่ควรมีส่วนช่วยเหลือมากที่สุดคือด้านครอบครัว ควรให้กำลังใจอยู่เสมอ ถ้าครอบครัวไม่ให้กำลังใจผู้ป่วยแล้ว ก็จะทำสิ่งแวดล้อมทางสังคม และบุคคลรอบข้างแย่ตามมา และส่งผลกระทำต่อปัจจัยในตัวผู้ป่วยด้านจิตใจ
O(Occupation) : การดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วยโรคเอดส์จะลำบากกว่าคนปกติเนื่องจากว่าต้องระมัดระวังไม่ให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อ โรคแทรกซ้อนเพิ่มเติม หรือไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะจะขาดโอกาสในการทำมีส่วนร่วมในสังคมเนื่องจากข้อจำกัดในสิ่งแวดล้อมของคนในสังคม
P(Performance) : ประสิทธิภาพความสามารถในชีวิตประจำวัน และบทบาทหน้าที่ของผู้ป่วยลดลง ซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากจิตใจ หลังติดเชื้อ HIV แล้ว ทำให้ปัจจัยหลายๆอย่างทรุดเร็วขึ้น ซึ่งระยะเวลาของโรคนั้นขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ และการปฏิบัติตนหลังเกิดโรค มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคเอดส์
- ตั้งเป้าหมายการบำบัดฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคเอดส์ โดย
เป้าหมายระยะสั้น : ประมาณ 1 เดือน(3-5 สัปดาห์)
เป้าหมายระยะยาว : ประมาณ 2 เดือน
- ส่งเสริม รณรงค์ จนถึงการให้ความรู้ความเข้าใจกับสังคมแวดล้อมรอบข้างผู้ป่วยกับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย อย่างไม่รังเกียจ โดยเน้นการให้กำลังใจผู้ป่วยเป็นหลัก
- แนะนำวิธีป้องกันต่อบุคคลรอบข้าง และตัวผู้ป่วยคือ
• ตรวจเลือดหลังจากมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค (ควรตรวจหลังจาก 6 สัปดาห์ขึ้นไป ) ก่อนแต่งงาน มีลูก ควรตรวจเลือดทุกครั้ง
• มีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม และป้องกันอย่างเคร่งครัด
• ระมัดระวังเรื่องการใช้เข็มร่วมกัน เช่น หลีกเลี่ยงการสัก เจาะร่างกาย การเสพยาเสพติด
ไม่มีความเห็น