ผมมาเพียงเพื่อบอกกับท่าน (๓)
เดินทางด้วยการขับรถยนต์ออกจากจังหวัดพิษณุโลกมาถึงขอนแก่นใกล้บ่ายคล้อย ทีมจักรยานของคณะเราถูกจัดพักที่โรงเรียนเขื่อนอุบลรัตน์พิทยาคม บริเวณหน้าเขื่อนอุบลรัตน์ ห่างจากตัวจังหวัดขอนแก่นประมาณ 50 ก.ม.
เมื่อมาถึงที่พัก ผมได้รับการต้อนรับจากคณะคุณครู ลูกศิษย์ที่คอยช่วยเหลือในการช่วยยกที่นอนฝูกขึ้นไปจัดเตรียมสถานที่พักบนอาคารเรียน การเข้าที่พักนั้นก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องลงชื่อลายลักษณ์อักษร คุณครูสอบถามถึงจำนวนนักกีฬาว่ามากันกี่ท่าน กระผมตอบนับรวมทั้งหมดหกท่านด้วยกัน ขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จสิ้นเรื่องการลงชื่อยืมที่นอนหมอนมุ้ง คุณครูและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำด้วยความมีกัลยาณมิตร
ผมได้รับโอกาสของการให้ ซึ่งการให้จากคุณครูและเจ้าหน้าที่ตลอดจนนักเรียนที่คอยช่วยเหลือยกที่นอนหมอนมุ้ง ต้อนรับมิตรต่างบ้านแขกต่างเมือง ในภาพรวมโดยทั่วไป การแต่งเนื้อแต่งตัวของคณะเราก็ออกจะไม่สุภาพชนเท่าใดนัก นักกีฬานุ่งกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าแตะ แต่การไม่แยกแยะระหว่างคำว่ามนุษยธรรม ทำให้การปฎิบัติหน้าที่ของคุณครูสื่อถึงความเป็นมิตรที่มีความสัมพันธ์กันได้เป็นอย่างดี ทำให้คำว่า การให้ คำนี้ประหนึ่งว่าจะดูเป็นเรื่องธรรมดาปกติทั่วไปของการเป็นเจ้าภาพ แต่การพร้อมที่จะมอบความประทับใจ จึงเกิดขึ้นจากจิตที่มีความการุณจากการให้คำแนะนำ ให้การช่วยเหลือ ให้ความคุ้มครองซึ่งเป็นมิติที่นอกเหนือจากคำว่า หน้าที่ ได้อย่างงดงามยิ่ง..
ซึ่งการให้จากคณะครูและเจ้าหน้าที่ลูกศิษย์คนน้อยอีกหลายท่าน ก็คงมิทราบได้ว่า ท่านได้ให้อะไรต่อเพื่อนมนุษย์ผู้เดินทางคนหนึ่ง ที่กำลังค้นหาความหมายของการให้ ทำให้หารให้เกิดความกระจ่างแจ้ง ว่า ชีวิตคนเรามิจำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งอันใดเพื่อก่อให้เกิดการให้ การให้นั้นจะออกมาจากดวงใจของผู้ให้ การเรียนรู้เช่นนี้ คือสิ่งที่ผมได้เดินทางมาค้นหาความหมาย คณะครูคงมิทราบได้ในสิ่งที่ผมมาพบท่าน และผมมิได้เล่าเรื่องให้คุณครูที่โรงเรียนฟัง แต่การตระหนักรู้ของกระผมคือ ผมสามารถเรียนรู้คำว่า การให้ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นธรรมดาและอยู่ในชีวิตประจำวันของเราท่าน เรื่องที่ดูเป็นธรรมดาสำหรับผู้มีใจอารี อาจจะเป็นเรื่องยากอย่างหนึ่งสำหรับการค้นไม่พบความหมายของเพื่อนมนุษย์อีกหลายคน วิกฤตการแห่งการโมโหโกรธเกี้ยวอาจเกิดขึ้นได้ หากเรามิสามารถเรียนรู้เรื่องธรรมดาในชีวิต ที่เป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่พร้อมจะอยู่ร่วมกันอย่างศานติในสังคม....
ขึ้นห้องพักจัดเตรียมเรื่องที่นอน แต่ใจก็ครุ่นคิดคำนึงถึงบทเรียนแรกของคำว่า การให้ กระผมซึมซับกับการให้เช่นนี้ และขอนำการให้ที่เราอาจจะมิเคยใคร่ครวญพินิจอย่างลึกซึ้ง ขอนำาเป็นสิ่งที่คอยบำรุงต้นไม้แห่งความคิดให้เกิดการบ่มเพาะสู่รากฐานจิตสำนึกแห่งตน ด้วยการตระหนักรู้การให้ ให้เกิดความเบ่งบานภายในใจของตนเอง
ระลึกถึงซึมซับกับมิติของความธรรมดาของการสนทนาจากกัลยาณมิตรผู้พบกันใหม่ เข้าห้องพักจัดเตรียมเรื่องที่นอนเรียบร้อยแล้ว ผมเริ่มประกอบรถจักรยานเตรียมออกก้าวปั่นจักรยานในยามเย็นของวันนี้ ด้วยดวงจิตที่เบิกบาน
โชดดีในการเริ่มต้นปั่นจักรยาน ฝนเริ่มตกโปรยปราย นำความชุ่มฉ่ำเย็นเมื่อสายลมพัดพาเข้าสู่ดวงใจ ความฉ่ำเย็นของละอองสายฝนพรำ นำสู่ความเบิกบานของดวงจิตดวงใจ ช่วยบำรุงร่างกายให้เบิกบานดั่งต้นไม้ที่รอคอยละอองฝน สายฝนแรก ฝนแรกหลั่งโรยละอองปลิวเป็นสายรุ้งงาม....
อากาศที่ร้อนอบอ้าวเมื่อสักครู่ก่อนสายฝนโปรย กลับพลิกไปแย่างฉับพลันกลายเป็นเย็นหนาวลึกในกายตน เมฆฝนก่อเคล้าทมึนดำในทิศเหนือสูงขึ้นไปบนยอดห้ว ฟ้าแล็บแปร็บปราบ ผมแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วว่าจะได้ไปปั่นจักรยานดังใจปราถนา .....
นั่งรอคอยฝนแรกดั่งเป็นการต้นรับการก้าวปั่นจักรยานในวันแรก สายฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเมื่อใด จนใจกระผมเริ่มหวั่นไหว คิดว่าคงจะไม่ได้ปั่นจักรยานเสียแล้วกระมังในวันนี้....
คงจะรอต่อไปมิได้แน่ ฝ่าสายฝนพรำ ๆ ไปก็มิเป็นอะไร เพราะเราไม่มีเป้าหมายทางกายว่าจะไปที่ใด หรือจะกลับเมื่อใด ตัดสินใจออกปั่นจักรยานทั้งที่สายฝนพรำ แต่ก็ปั่นไปได้ไม่ไกลนัก ต้องจอดรถจักรยานหยุดพักตรงตู้ป้อมยามที่ไร้ยาม ฝนเริ่มเทลงมาอีกเป็นคำรบที่สอง ในเวลานี้ไม่สามารถปั่นจักรยานได้ดังใจปราถนา คงต้องรอให้สายฝนเบาบางลงอีกสักครู่หนึ่งอึดใจกันก่อน....
เสียงท้องฟ้ากัมปนาทดังกึกก้องร้องงคำรามมาจากดินแดนอันแสนไกล บนฝากฝั่งฟ้าในจักรวาล ละอองแห่งความฉ่ำเย็นยังคงดำดิ่งลงลึกสู่กายภายใน
ขอบพระคุณอาจารย์โสภณ เปียสนิทครับ ที่ให้กำลังใจ ครับ