พระเจ้าอู่ทองคือขอมที่หนีตายมาจากนครวัด...หลักฐานที่มัดแน่นอย่างกระชับ


คนเสียมไปทอผ้าอยู่ที่นครวัดทำไมในช่วงนั้น (ประมาณ คศ. 1290) ตอบได้ว่า เป็นครอบครัวที่อพยพไปอยู่กับพวกทหาร ขุนนาง ซึ่งเป็นชนชั้นปกครองนั่นเอง

ข้าพเจ้าได้เขียนบทความไว้มากหลายเพื่อแสดงหลักฐาน เหตุผล สนับสนุนแนวคิดว่าพระเจ้าอู่ทอง..ผู้สร้างกรุงอยุธยาเป็นขอมที่อพยพหนีมาจากนครวัด 

 

คราวก่อนข้าฯได้เขียนสรุปแบบรุ่มร่าม ทำให้อ่านยาก  บัดนี้จักได้แสดงหลักฐาน เหตุผล อีกครั้งหนึ่งที่กระชับมากขึ้นและเป็นลำดับมากขึ้น รวมทั้งปรับสำนวนใหม่ให้อ่านง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูล ข้อโต้แย้งใหม่ๆ นำเสนอเพิ่มเติมด้วย

 

๑)  ขอมถูกฆ่าที่นครวัด...ที่มาของพระเจ้าอู่ทอง

เมืองพระนคร ถูกครองโดยกษัตริย์สาย “วรมัน” มาอย่างต่อเนื่องถึง ๒๘ องค์  เป็นเวลากว่า ๕๐๐ ปี จู่ๆ ในปี คศ. 1336 ก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย กษัตริย์องค์ต่อๆ มาไม่มีคำว่า “วรมัน” ต่อท้ายอีกเลย ...แต่จนบัดนี้ก็ไม่มีใครสงสัยเรื่องนี้กันเลย ..ไม่ว่าฝรั่งหรือไทย หรือ เขมร

 

ในปี คศ. 1336  (ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาเสร็จ 14 ปี) เมืองพระนครได้กษัตริย์ใหม่มีนามว่า ตระซอกเปรแอม (แปลเป็นไทยว่า พระเจ้าแตงหวาน) ..ไม่มีวรมันต่อท้าย ...ถือเป็นการสูญพันธุ์ของ “ขอมวรมัน” แต่บัดนั้น

 

 ข้าพเจ้าวิเคราะห์ว่า พ.แตงหวาน คือหัวหน้าทาส ที่นำพวกทาสซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของเมืองยึดอำนาจมาจาก “ขอมวรมัน” แล้วฆ่า/ขับไล่ขอมวรมันออกไปจากเมืองจนหมดสิ้น ... แต่เนื่องจากตนไม่ใช่หน่อเนื้อเชื้อพันธุ์เดียวกับพวกวรมัน แต่เป็นเชื้อชาติอื่น ก็เลยยกเลิกธรรมเนียมการตั้งชื่อเป็น “วรมัน” ที่ยืนยาวมากว่า 500 ปี  

 

การวิเคราะห์ของข้าพเจ้านี้ไปตรงกับพงศาวดารเขมร ฉบับ “นักองค์เอง” เข้าอย่างจัง (นักองค์เองนี้หน่อเนื้อกษัตริย์เขมร ที่หนีภัยการเมืองมาพึ่งพระบารมี ร ๑ ของเรา จากนั้นส่งไปครองเขมร)

 

 พงศาวดารฉบับนี้บันทึกว่า.ต้นตระกูลเขมรมาจาก ตระซอกเปรแอม (พระเจ้าแตงหวาน) นี่เอง (อ้างใน..”วัฒนธรรมขอมกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา”, อุดม เชยกีวงศ์, สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา, ๕๒๘ หน้า,พศ. ๒๕๕๒, หน้าที่ ๑๖๓)

 

ต้องถามว่า ถ้าเขมรเป็นทายาทของ “ขอมวรมัน”  มีหรือที่นักองค์เองจะพลาดจนไม่ยอมพาดพิงไปถึง  แต่ด้วยความภูมิใจในเลือดเขมรที่ปลดแอกจากความเป็นทาสของพวกขอมวรมันได้ ก็เลยระบุไปแบบพาซื่อและตามจริงว่าพวกตนเป็นหน่อเนื้อของ ตระซอกเปรแอม

 

สรุปในท่อนนี้คือ เขมรไม่ใช่ขอมแต่เป็นพวกที่มาฆ่าขอมและไล่ขอมออกไปจากนครวัดต่างหาก  

พวกขอมนี้คงถูกพวกเขมรเรียกว่า “เสียม” (สยาม) พอเขมรไล่เสียมออกไปได้ก็เลยเรียกเมืองพระนครว่า “เสียมเรียบ” แปลว่า สยามราบ หรือ สยามหมดเรียบ

 

) ขอมหนีตายจากนครวัดไปสร้างกรุงศรีอยุธยา

กล่าวฝ่ายพวกขอมวรมัน (เสียม?) ที่เป็นชนชั้นปกครอง ที่ถูกเผ่าพันธุ์ของตรอซอกเปรแอม ฆ่าไม่หมด”เรียบ”เสียทีเดียว ก็หนีไปซบอก “ขอมพ่อ” ที่ลพบุรี  โดยไปสร้างเมืองใหม่ใกล้ลพบุรี แล้วเรียกว่า กรุงอโยธยา โดย หัวหน้าใหญ่ชาวขอมที่อำนวยการหนีอพยพก็คือ พระเจ้าอู่ทอง นี่เอง    

 

ทฤษฎีเดิมที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเสนอว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากเมืองอู่ทอง สุพรรณบุรี นั้นบัดนี้พิสูจน์กันแล้วว่า ไม่ใช่  เพราะหลักฐานด้านโบราณคดีได้พิสูจน์ชัดว่าเมืองอู่ทองนั้นเป็นเมืองร้างมาก่อนหน้านี้สามร้อยปีแล้ว  ส่วนทฤษฎีอื่นๆก็มีมากหลายเช่นบ้างก็ว่ามาจากเชียงแสน เป็นลูกขุนบรม บ้างก็ว่ามาจากสุโขทัยเป็นบุตรพระราเมศวร บ้างก็ว่าเป็นสุลต่านมุสลิมมาจากกลันตันมาลายู (ที่พระศพยังฝังอยู่ที่กลันตันจนวันนี้)  บ้างก็ว่าเป็นพ่อค้าชาวจีนมาจากเพชรบุรี (พงศาวดารฉบับวันวลิต พ่อค้าชาวฮอลันดา)

 

พระเจ้าอู่ทองนำคนประมาณ 3 แสน (ตามการประมาณการของนักวิชาการฝรั่ง) มาสร้างเมืองใหม่ที่อยุธยา  ถามว่า..เอาคนจำนวนมหาศาลมาจากไหน?   เพราะพลเมืองของเมืองอู่ทอง (แม้ยังไม่ร้าง)  สุโขทัย เชียงแสน เพชรบุรี รวมกันหมดแล้วยังไม่น่าถึงสามแสนด้วยซ้ำไป  

 

นักวิชาการบางท่านที่ได้อ่านบทความนี้ของข้าฯแล้ว ก็หาทฤษฎีมาหักล้างทันที่ว่า พระเจ้าอู่ทองก็ทรงมาจากลพบุรีนั่นไง ..ซึ่งข้าฯขอแย้งกลับว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะลพบุรีจะอพยพมาอยู่อยุธยาทำไม ใกล้กันแค่นี้ (อย่ามาอ้างหนีโรคระบาดนะ..เพราะมันง่ายเกินไป)  แล้ว ลพบุรีมีพลเมืองถึงสามแสนหรือ แล้วทำไมลพบุรีไม่กลายเป็นเมืองร้างล่ะ เพราะอีก 18 ปีต่อมา พระราเมศวร (ราชบุตรพระเจ้าอู่ทอง) ก็เสด็จไปครองเมืองนี้ (แสดงว่าเมืองนี้มีพลเมืองอาศัยอยู่..ไม่ได้เป็นเมืองร้างโดยการอพยพมาอยู่ที่อยุธยาแต่อย่างใด)

 

เหตุผลแวดล้อมที่สำคัญที่สุดว่าพ.อู่ทองมาจากนครวัดคือ พอสร้างกรุงศรีอุยธยาเสร็จเมื่อ 1350 ...14 ปีหลังจากถูกไล่ฆ่าที่นครวัด  (ก็เหมาะสมที่ใช้เวลา 14 ปีในการสร้างเมืองใหม่สำหรับคน 3 แสนคน)  ...จากนั้น 1352 ทรงยกทัพไปตีนครวัด  ซึ่งต้องถามว่า.เพิ่งสร้างเมืองเสร็จใหม่ ๆ กำลังพลอ่อนล้ามานาน น่าจะพักผ่อนและเฉลิมฉลองเสียมากกว่า อีกทั้งกองทหารก็ใหม่เอี่ยมถอดด้าม ไม่มีเวลาซ้อมรบ (เอาไปสร้างเมืองหมด)  แล้วจะไปรบกับ “ขอมผู้ยิ่งใหญ่” ที่เป็นอาณาจักรเก่าแก่และมีพลเมืองมหาศาล และมีกองทัพอันเกรียงไกรไหวหรือ

 

 ตามประวัติศาสตร์นั้นมักจะตรงข้าม ...คือถ้าสร้างเมืองเสร็จใหม่มักถูกเมืองเก่าเข้ามาโจมตี เพื่อขจัดศัตรู แต่นี่เมืองใหม่ที่เล็กกว่า 3 เท่า ไม่น่ากล้ายกกองทัพไปตีเมืองเก่าที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดในละแวกนี้ ..มีแต่จะไปถวายเครื่องราชบรรณการเสียมากกว่า

 

 อยุธยาตอนนั้นมีพลเมืองเพียงสามแสน ถ้านครวัดยังเป็นนครวัดเดิมๆ ก็คงมีพลเมือง 1 ล้าน อีกทั้งมีกองทหารที่เข้มแข็งมาก เป็นที่เลื่องลือ ดังที่นักประวัติศาสตร์ฝรั่งว่า (เช่น สุโขทัย และลพบุรี  ก็เป็นเมืองขึ้นขอมหมดสิ้น)

 

 เรื่องนี้มีคำตอบทางเดียวคือ การยกทัพไปตี”เขมรนครวัด”ของพระเจ้าอู่ทองนั้น คือการไปล้างแค้นนั่นเอง เพราะทนรอมา 16 ปีแล้ว ทรงชรามากแล้ว เดี๋ยวจะสวรรคตเสียก่อนได้ล้างแค้นพวกเขมร ที่มาไล่ฆ่าชาวขอมแล้วยึดนครวัดไป  อีกทั้งทรงรู้ว่าพวกอดีตทาสพวกนี้ไม่ได้มีกองทัพที่เข้มแข็งที่ชำนาญในการรบแต่ประการใดหรอก

 

 สรุปความตอนนี้คือ ..พระเจ้าอู่ทองคือผู้นำพลเมืองขอมที่หนีตายมาจากนครวัดเนื่องจากถูกพวกทาสที่มีกำลังมากกว่าไล่ฆ่า เพื่อปลดแอกพวกตนจากความเป็นทาส

 

๓) หลักฐานจากบันทึกของโจวตากวน

บันทึกของโจวตากวน (ทูตการค้าชาวจีน) ที่เข้ามาอยู่นครวัด ๒ ปีในสมัยช่วงปลายยุควรมัน ได้เขียนบันทึกอันทรงคุณค่าบรรยายไว้ว่า ประชากรส่วนใหญ่ในเมืองพระนครเป็นพวกทาสที่ถูกจับมาจากป่าเขารอบๆ  คนเหล่านี้ตัวดำมาก นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียว ไม่ใส่เสื้อ

 

พวกข้าราชการพูดภาษาต่างจากคนพื้นเมือง (พวกข้าราชการนี้คือพวกขอม ส่วนคนพื้นบ้านพูดคนละภาษา แสดงว่าไม่ใช่ขอม ก็คงเป็นเขมรนั่นแล)  อีกทั้งผิวไม่ดำมาก บางคนผิวขาวยังกะหยก (ก็เข้าลักษณะคนสยามที่มีหลายสีผิวผสมกัน)  

 

คนพื้นเมืองทอผ้าไม่เป็น เย็บและชุนผ้าด้วยเข็มก็ไม่เป็น แต่คน “เสียม” ทอผ้าเป็น เย็บและชุนผ้าด้วยเข็มก็เป็น พวกเขาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมโดยเอาต้นหม่อนตัวไหม มาจากเมืองเสียม

 

ถามว่าคนเสียมไปทอผ้าอยู่ที่นครวัดทำไมในช่วงนั้น (ประมาณ คศ. 1290) ตอบได้ว่า เป็นครอบครัวที่อพยพไปอยู่กับพวกทหาร ขุนนาง ซึ่งเป็นชนชั้นปกครองนั่นเอง

...ถามต่อไปว่าคนพื้นเมืองทอผ้าเย็บผ้ายังไม่เป็น แล้วจะสร้างนครวัดนครธมเป็นหรือ??

 

โจวฯ บันทึกด้วยว่าพวกคนชั้นสูงแต่ละคนมีทาสกันเป็นร้อยคน   คนชั้นกลางมีทาส 30 คน คนที่จนมากจริงๆ จึงจะไม่มีทาสเลย

 ...ลองมาคำนวณดูว่าในบรรดาคนชั้นสูง 100 ครอบครัว ถ้ามีฐานะดี 10 ครัว ชั้นกลาง 30 ครัว ชั้นล่างอีก 60 ครัว   ก็จะมีทาสเสียประมาณ 2000 คน ถ้าครัวหนึ่งมี 6 คน ก็จะมีสัดส่วนคนชั้นสูง 1 คนต่อทาส 3 คน  นักวิชาการฝรั่งประเมินว่า นครวัดในช่วงนั้นมีพลเมืองประมาณ 1 ล้านคน  (ใหญ่กว่าปารีส และลอนดอน ตรงนี้ขอเชื่อฝรั่งสักหน่อย เพราะมีเหตุผลอยู่) ดังนั้น พลเมืองนครวัดในช่วงนั้นจะเป็นนายทาส และคนอิสระเสีย สองแสนห้าหมื่น และเป็นทาสเสีย เจ็ดแสนห้าหมื่นคน

 

 ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่พอเกิดความเสื่อมในคนชั้นปกครอง พวกทาสที่มีจำนวนมากกว่า 3 เท่าก็เลยรวมหัวกันล้มอำนาจเสียเลย เพื่อปลดแอกตนเอง จากนั้นสถาปนา  ตระซอกประแอม (นายแตงหวาน)  ขึ้นเป็นกษัตริย์ จนเป็นต้นตระกูลของเขมรตามพงศาวดารฉบับแรกที่(ยัง)ไร้การเสี้ยมของ “ฝรั่งเศษ”   

 

) ขอมนครวัดคือใคร

คำว่าขอมนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นทั้งชนชาติและเป็นทั้งวัฒนธรรม คำว่า ขอม นั้นเป็นคำที่ “คนไต” เรียกคนเผ่านี้

 

ข้าฯขอสันนิษฐานว่าอาณาจักรขอมในยุคก่อนนครวัดนั้น น่าจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ลพบุรี เมืองเสมา (อ.สูงเนิน โคราช)  พิมาย และ ศรีเทพ  กล่าวอย่างรวมๆ อาณาจักรขอมก็คืออาณาจักรทวาราวดีเก่านั่นเอง

 

หลังจากนั้นได้แผ่อารยธรรมออกไปทางเขมร โดยแพร่มาจากลพบุรีผ่านมาทางศรีมโหสถ (ปราจีนบุรี) ทางหนึ่ง อีกทางหนึ่งมาจากเมืองเสมา โคราช พิมาย แล้วมาสร้างนครวัดในที่สุด

 

ขอมนครวัดเริ่มต้นสู่ความยิ่งใหญ่ที่กษัตรยิ์สุริยวรมันที่ ๑  แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านมาจากที่ไหน จู่ๆก็เข้ามาเป็นกษัตริย์ แถมยังเป็นกษัตริย์พุทธเสียอีก ทั้งที่เขาเป็นฮินดูกันทั้งเมืองมานานนม

 

ข้าพเจ้าเชื่อว่า กษัตริย์สย. ๑ ทรงมาจากการยึดอำนาจ  เพราะหากมาจากการสืบทอดอำนาจก็น่าจะทรงเป็นพราห์มณ์   น่าจะเป็นพิมายที่ส่งกำลังทหาร(พุทธ)มาช่วยยึดอำนาจ เพราะพิมายในช่วงนี้นับถือพุทธแล้ว   

 

อีกทั้งมีหลักฐานว่า สย. ๑ ทรงเป็นผู้เริ่มก่อสร้างปราสาทหินพิมายด้วย (ซึ่งเป็นปราสาทพุทธ)  นับว่าน่าประหลาดมากที่ทรงเป็นกษัตริย์ครองนครวัด แต่แล้วทำไมไปสร้างปราสาทหินที่พิมาย  แสดงว่าต้องการตอบแทนพระคุณของ “เมืองแม่” (พิมาย) นั่นเอง .... อย่าลืมด้วยว่าป.พิมาย เริ่มสร้างก่อน ป. นครวัดประมาณ 100 ปี

 

80 ปีต่อมา พระเจ้าชัยวรมันที่ 6  (กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกพระองค์) ก็มาจากพิมาย (http://en.wikipedia.org/wiki/Jayavarman_VI

 

พระราชบิดาของพระองค์มีพระนามว่า “กัมพู สวายามภูวา”  มารดานามว่า เมรา   (นาม สวายามฯ นี้น่าพิศวงมาก เพราะมันช่างพ้องกับคำว่า สยาม เสียเหลือเกิน ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่า  คำว่า สยาม มาจากคำนี้แหละ..โปรดอ่านต่อ)

 

นักวิชาการฝรั่งสันนิษฐานว่า ชย. ๖  มาจากการยึดอำนาจ ข้าพเจ้าเชื่อว่าพิมาย (อีกแล้ว) ส่งทหารเข้ามาช่วยยึดอำนาจ (คืน)  คราวนี้คงส่งทหารมามาก แล้วให้ครอบครัวอพยพมาอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก  พลเมืองส่วนนี้ก็เลยถูกเรียกว่าพวก (ลูกหลานของ)  “สวายาม”   มาแต่บัดนั้น

 

 ชย. ๖ นี้เชื่อกันว่า คือผู้มาสานต่อการสร้างปราสาทหินพิมายจนเกือบแล้วเสร็จ  (ราว คศ. 1100 ก่อนสร้างปราสาทนครวัดสัก 50 ปี)   รวมทั้งสร้างทางด่วนยาว 200 กว่ากม. เชื่อมพิมายกับนครวัดด้วย  หลักฐานยังมีให้เห็นจนทุกวันนี้ แสดงว่าทรงมาจากพิมายแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่ผูกพันไปลงทุนสร้างอะไรให้กันใหญ่โตปานนี้ดอก

 

 คศ. 1115 พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 (กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่ง ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้เริ่มสร้างปราสาทนครวัด) ก็มีจารึกว่าไปจาก “ลพบุรี”  (อ้างใน Wikipedia http://en.wikipedia.org/wiki/Suryavarman_II )  (แต่ครองราชห่างจาก สย. 1 ประมาณ 70 ปี) ทรงทำสงครามกับพวกจามมากที่สุด และคงจับเอาพวกจามมาเป็นทาสมาก เอาแรงงานมาสร้างปราสาทหินนี่เอง  แต่ตอนหลังพวกทาสนี่แหละที่จะกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ และกลายมาเป็นเขมรในที่สุด

 

พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ผู้ยิ่งใหญ่ที่สองรองจาก สย 2  แต่บางท่านก็ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดกว่า สย. ๒ เสียอีก) เป็นผู้มาสร้างนครวัดต่อให้เสร็จ และยังสร้างนครธมอีกด้วย   ก็ไม่มีบันทึกว่าเป็นลูกเต้าใครมามาจากไหน (อีกแล้ว..เหมือนสย. 1)  ...นักวิชาการฝรั่ง “เดา” ว่าน่ามาจาก จาม แต่ข้าพเจ้าว่า ไม่ใช่ เพราะท่านคือผู้มากู้ขอมนครวัดให้พ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของจามที่ยึดครองนครวัดอยู่ถึง ๔ ปี แล้วท่านจะเอาทหารกู้ชาติมาจากไหน  นอกเสียว่าเอามาจาก พิมาย และ ละโว้ ..ดังที่มีภาพสลักทหารสยำและละโว้อันโด่งดังไว้ที่กำแพงนครวัดนั่นแล

 

 ชย. ๗ ทรงเป็นชาวพุทธที่เคร่งยิ่งกว่า สย. ๑ เสียอีก แสดงว่าไม่มีทางมาจากจามที่เป็นมุสลิมผสมฮินดูไปได้อย่างแน่นอน ...ทรงเป็นผู้ทำให้นครวัดเป็นพุทธไปหมดอย่างถาวรตลอดมาจนวันนี้ อีกทั้งมาสร้างปราสาทพิมายให้เสร็จและบำรุงเส้นทางพิมาย-นครวัดให้สมบูรณ์ สร้างอโรคยาศาล (ที่พักริมทางพร้อมโรงพยาบาล) เต็มไปหมด ยิ่งเป็นหลักฐานว่ามาจากพิมาย

 

การลงทุนสร้างปราสาท (หินพิมาย )  ถนน  อโรคยศาล แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ถ้าว่าพิมายเป็นเมืองขึ้นของนครวัด ลองนึกถึงสภาพเมืองขึ้นโบราณ มีแต่เขาจะกวาดต้อนผู้คนมาเป็นทาส (และลดกำลังทหารไปด้วยในตัว) แล้วให้ส่งส่วย แต่นี่ไปช่วยเขาสร้างเมือง สร้างถนน โรงพยาบาล ?  แสดงว่าไปสร้างเพื่อ “ตอบแทนบุญคุณบ้านพ่อเมืองแม่เสียมากกว่า”

 

 สรุปตอนนี้คือ ลพบุรี พิมาย ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของนครวัดอย่างที่นักวิชาการฝรั่งมักชอบอ้าง แต่ตรงข้าม ลพบุรีเป็นเมืองพ่อ และพิมายเป็นเมืองแม่ ที่ส่งกษัตริย์มาปกครองนครวัดด้วยซ้ำ อีกทั้งมาช่วยรบกู้บ้านกู้เมืองตลอดเวลา ตั้งแต่สมัย สย. ๑   สย. ๒  ชย. ๖  โดยเฉพาะ ชย. ๗ ที่มากู้ออกจากอำนาจจาม นอกจากนี้ชาวสยาม (จากลพบุรีและพิมายก็เข้ามาอยู่เป็นชนชั้นปกครองของนครวัดอีกด้วย)

 

  ...จนกระทั่งฝรั่งเศสเข้ามาในยุคล่าอาณานิคม ก็มาเสี้ยมสอนให้เขมรเชื่อว่าเป็นทายาทของ “ขอมวรมัน”  ทั้งนี้ ก็เพื่อยกความเป็นขอมให้เขมร..เพื่อผลประโยชน์ในการล่าอาณานิคมนั่นแล

 

 หลักฐานสำคัญอันหนึ่งที่ระบุว่าเขมรไม่ใช่ขอมคือ เขมรแต่อดีตอันนานโพ้นจนถึงปัจจุบันนี้ใช้เลขฐาน ๕ พอหกเจ็ดก็ขึ้นเป็น ๕๑ ๕๒ ส่วนขอมโบราณนั้นเขาเขียนว่า  ..๕ ๖ ๗ เหมือนลพบุรีเลย  ไม่เขียนตามการออกเสียงว่า ห้าหนึ่ง ห้าสอง   

๕)  เทวราชา/ธรรมราชา

การปกครองบ้านเมืองในลุ่มน้ำเจ้าพระยาแต่ก่อนนิยมใช้ระบบ ธรรมราชา ส่วนของนครวัดเป็น เทวราชา ที่กษัตริย์เป็นสมมติเทพ(แขก)

 

ดังนี้แล้วต้องถามว่า พระเจ้าอู่ทองเอาระบบ “ เทวราชา” มาจากไหน ? โดยสถาปนาพระองค์เองเป็น พระรามาธิบดีที่ ๑ (อวตารของพระกฤษณะ)  ครองกรุงอโยธยา  ตามคติฮินดูเทวราชาแบบนครวัด...เสียแต่ว่าไม่ยอมใช้วรมันเท่านั้นเอง   นอกจากนี้ยังใช้ระบบตัวเลข (ที่ ๑) ตามระบบนครวัดอีกด้วย

 

๖) ภาษาไทย สยาม ขอม

โจวตากวนบันทึกว่าพวกชนชั้นปกครองและนักปราชญ์ (ขอม) ที่นครวัด พูดภาษาอีกภาษาหนึ่งที่ต่างจากคนพื้นเมือง ก็ยิ่งมัดแน่นว่าขอมพูดภาษาต่างจากเขมร คนละเผ่ากัน  ภาษานั้นคงเป็นภาษาขอมโบราณ  ยังมีร่องรอยของภาษานี้อยู่บ้างในชื่อปราสาทหินต่างๆที่นครวัด เช่น

 

ปราสาทนาคพัน (เขมร..เนียกเพียน) ..คำสันสกฤตว่า นาคา แล้วย่อมาเป็น นาค นี้มันธรรมเนียมคนสยามแท้ๆ เลย มีแบบนี้มาก เช่น ราชา-ราช  รัตนา-รัตน์

ปราสาทพิมานอากาศ..คำว่าวิมาน (สันกฤต) แล้วแปลงเป็น พิมาน โดยใช้ พ แทน ว นี้ ก็เป็นธรรมเนียมของภาษาสยามโดยทั่วไป เช่น วิจิตร พิจิตร วิไลย พิไลย เป็นต้น

 

อื่นๆ เช่น แม่บุญ ปักษีจำกรง เชื้อสายเทวดา นครวัด นครธม  (ธมนี้คือ ธมฺ ในภาษาบาลี คือ ธรรม ในสันสกฤต นั่นเอง แต่นักวิชาการฝรั่งเข้าใจผิดไปว่าแปลว่า “ใหญ่”  ในภาษาเขมร)

 

ดูเหมือนว่าภาษาขอมโบราณที่เป็นชื่อปราสาท มีส่วนคล้ายภาษาสยามมากทีเดียว

 

สำหรับราชาศัพท์ไทยเราที่มีคำพ้องกับภาษา “ขอม” มากนั้น  (เช่น เสวย เสด็จ เขนย ) ก็ยิ่งเป็นหลักฐานมัดว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นขอมมาจากขอมนครวัด...ก็ทรงเป็นเทวกษัตริย์ขอมมาจากนครวัด ก็ต้องใช้ภาษาขอมนี่แหละ จะให้ใช้ภาษาอะไรเล่า  ในขณะนั้นจารึกที่สุโขทัยยังใช้ว่า..พ่อกู ขุนศรี แม่กูนางเสืองอยู่เลย ...ไม่มีราชาศัพท์สักคำ

 

ดังนั้นราชาศัพท์ไทยเราเป็นภาษาขอมผสมกับสันสกฤต ซึ่งไม่ใช่ภาษา”เขมร” อย่างแน่นอน 

 

ส่วนพวกเขมรเป็นทาสขอมมานานหลายร้อยปี ก็ซึมซับรับเอาภาษาขอมไปใช้ด้วย ในส่วนหนึ่งผสมกับภาษาพื้นเมืองของตนอีกส่วนหนึ่ง

 

ภายหลังก่อตั้งกรุงศรีอยุธยาคนพูดภาษาตระกูลไทย ลาว ก็อพยพเข้ามาล้นหลามอย่างรวดเร็ว จนเพิ่มขึ้นเป็นล้านคนในที่สุด (เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในโลกพอๆกับ ลอนดอน และปารีส) สำเนียงของไทยจึงมีอิทธิพลกลืนภาษาขอมเดิมเสียเกือบสิ้น ยกเว้นราชาศัพท์ ที่ยังเป็นภาษาขอมเป็นส่วนใหญ่ตามประเพณีเดิมแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง

 

วรรณกรรมสยามในยุคต้นอยุธยาเขียนเป็นภาษาไทย ขอม  บาลี  ปนกัน เช่น โองการแช่งน้ำ ลิลิตยวนพ่าย

 

๗) ตำนานเขมร

นอกจากพงศาวดารแล้ว ก็ยังมีนิทานปรัมปรา ซึ่งบ่อยครั้งมีความแน่นอนยิ่งกว่าบันทึกประวัติศาสตร์เสียอีก เพราะบันทึกประวัติศาสตร์นั้นบันทึกตามคำสั่งผู้ชนะเสมอ จึงมีการบิดเบือนได้มาก

 

..ปรากฎว่านิทานต้นกำเนิดชาติเขมรนั้นช่างตรงกับนิทานต้นกำเนิดพวกจามยังกะแกะ คือ ต้นตระกูลมาจากนางนาค (เนียงเนียก) ชื่อโสมา สมสู่กับฤาษีตนหนึ่ง แล้วออกลูกมาเป็นชาวเขมร ข้อมูลนี้เสริมว่าเขมรอาจคือพวกจามที่ถูกขอมจับมาเป็นทาส แล้วพาเอานิทานต้นกำเนิดนี้ติดตัวมาด้วย  ..

 

สันนิษฐานของข้าพเจ้าในเรื่องนี้ต่างจากบันทึกของโจวตากวนที่เล่าว่า ทาสในพระนครถูกจับตัวมาจากคนป่าที่อยู่ตามภูเขารอบๆ  (ที่ติดพรมแดนจาม)...แต่อาจลงรอยกันได้บ้างในข้อที่ว่า คนป่าเขาก็มักเอานิทานของคนเผ่าอื่นมาเป็นนิทานของตน (เพื่อยกระดับตน)  

 

สรุปส่งท้าย

สิ่งที่ข้าพเจ้าเสนอมาเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากทีเดียว เพราะหลักฐาน เหตุผล บริบทแวดล้อมมันลงกันได้อย่างเหลือเชื่อ หากเป็นจริงข้าขออุทิศความดีให้ชนชาติขอม สยาม  ไต ที่สละเลือดเนื้อก่อร่างสร้างชาติมาให้ข้าพเจ้ามีเผ่นดินยืนในวันนี้ หากไม่จริงข้าพเจ้าขอรับความอับอายขายหน้าและเป็นตัวตลกโดษดุษฎี

 

และอย่าเชื่อฝรั่งมากไป โดยเฉพาะเซเดส์ที่เป็นนักวิชาการฝรั่งเศสที่มีความลำเอียงเข้าข้างอาณานิคม นักวิชาการไทยต้อง”กล้า”คิดต่างอย่างอิสระกันเสียที

ในรายละเอียด ยังมีปัจจัยเสริมอีกมาก สนใจโปรดหาอ่านได้ในบทความอันหลากหลายของข้าพเจ้าโดยอาจเริ่มที่  http://www.gotoknow.org/blogs/posts/454712

...ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๑๑ มีค. ๒๕๕๕)

 

หมายเลขบันทึก: 481788เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2012 17:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 08:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

Prof. George Coedes had died and can no longer defend himself.

The customary thing we should do is to present solid evidence to correct his work.

I think we don't have enough evidence to sway 'history'.

We need more to overcome 'ingrained inertia' (rusted position).

(I have doubts that Prof. Coedes had any stronger evidence, more likely he had less to make his thesis.)

Can anyone offer any help? In evidence or in different theories?

กรณีการสิ้นสุดวรมันแล้วเริ่มด้วย แตงหวานเมื่อ 1336 ผมเชื่อว่า เซเดส์ เห็นตำตาแน่นอน แต่ "แกล้งโง่" ทำเป็นไม่เห็น เพราะถ้าเห็นเมือไร เป็นเกิดเรื่อง ฝรั่งเศสจะฮุบเอานครวัดไม่ได้สนิทใจนั่นเอง

ผมเป็นไกด์ ครับสนใจประวัติศาสตร์ มากครับ ผมได้อ่านบทความแล้ว มีเหตุผลมากครับ

สมัยผมเรียน อ.สอนแต่ให้จำตามเขา ถ้าคิดแตกต่าง ไปนั้นเขาก็หาว่าผิด ผมไม่เข้าใจว่าทำไม

ถ้าเรามีหลักฐาน เหตุผลก็น่าฟัง เพราะเวลาทำงานจริงถ้าเรามัว แต่เชื่อตามๆความเชื่อเดิมๆ อ.บอกมาอย่างไรก็ไปตามนั้น แล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรล่ะ ครับ เพราะว่าต้องเจอนักท่องเทียวใหม่ๆตลอด ไม่มีการพัฒนาตามความเป็นจริงที่นักวิชาการ ได้มีข้อมูลมานำเสนอ การท่องเที่ยวก็ตัวดีบางข้อมูล เขาแค่สันนิฐานก็ เอามาสรุปกันใหญ่โตเกิดทันหรือครับการท่องเที่ยว

ผมก็สงสัยมานานแล้ว ว่าประวัติศาสตร์ในช่วงที่ ศ.เซเดส์ มีชีวิตอยู่มันมีอะไรแปลกๆน่ะ ครับ

ถ้ามีข้อมูลดีๆ ผมก็ขอทราบด้วยน่ะครับเผื่อจะได้มีประโยชน์กับวิชาชีพด้วยครับ

ฮ่าๆ ท่านอัฐพงษ์ครับ ...ใช่เลย ประวัติศาสตร์ไทยมักเขียนแบบฟันธง เสมอ

คนเราสมัยนี้เวลาเอามาเล่าต่อ น่าจะใช้คำว่า "เชื่อกันว่า" นำหน้าประโยคเสมอ

เช่น เชื่อกันว่านครวัดนี้สร้างโดยคนเขมร

อู่ทองมาจากมองโกเลีย มีหน้าตาแบบเกาหลีจีน

พระพักตร์ที่แท้จริงของพระเจ้าอู่ทองคือหน้าตาแบบเกาหลีจีนหรือคิมจองอิล ไม่ใช่หน้าตาแบบคนอย่างเราในหลวงปัจจุบันซึ่งเป็นคนพืนเมืองผิวดำ คล้ำ และไม่ใช่หน้าแบบพระเอกหนังที่ท่านมุ้ยสร้าง พระมหาเทวีก็มีหน้าตาแบบเกาหลีจีนไม่ใช่หน้าตาอย่างในแอฟ เรื่องนี้สืบได้จากกษัตริย์ไทในสิบสองปันนา ชื่อเจ้าหม่อมคำลือที่มีหน้าตาแบบเกาหลีจีน เป็นคนหน้าตาเอเซียตะวันออก

ภาพวาดเสมือนจริงโดยคนฝรั่งเศสเกี่ยวกับพระนาราย ออกหมื่นพิทยาราชา มีหน้าตาแบบคนเอเซ๊ยตะวันออก คล้ายเกาหลีจีนมากๆๆ

คนเผ่าไทหรือไตเป็นคนจากมองโกเลีย เอเซียตะวันออก ตามประวัติ คนเผ่าไทหน้าตาเกาหลีจีนชื่อเสือข่านฟ้า ได้ขยายดินแดนจากตอนหนือ มายึดยุนนาน เดียนเปียนฟู พม่า เข้ามาถึงตอนกลางของไทยซึ่งคือเขมรสมัยก่อน สำเร็จ แล้วมีการตั้งตนเป็นกษัตร์ย์ คนแถบเรามีประวัติใช้ภาษามอญ-เขมรมาก่อน ต่อๆ จู่ เปลี่ยนมาใช้ภาษาไทกระไดจากเสฉวน เพราะเรื่องจริงเราเสียดินแดนและถูกปกครอง

คนอังกฤษกับแอฟิรกาตอนนี้ใช้ภาษาพูดและกินอาหารเหมือนกัน หลีงอังกฤษปกครองแอฟิรกาแล้ว คนแอฟิรกาเป็นคอังกฤษหรือเปล่า และระหว่างอังกฤษปกครองอินเดีย ยังให้คนอินเดียผิวดำภายใต้การปกครองเรียกว่า คนในจักรภพอังกฤษ

แค่พระเจ้าตากเสินยังมีรูปภาพหลากหลาย แต่ถ้าตั้งสติดูจากประวัติ มีพ่อเป็นคนจีน แน่นอนพระเจ้าตากสินไม่ใช่คนหน้าตาพื้นเมืองอย่างที่เอามาวาดในภายหลัง

ตอนนี้ คนแอฟริกันที่ถูกอังกฤษปกครองก็ใช้คำว่า มิสเตอร์ นำหน้าชื่อแบบคนอังกฤษ ทำให้คำว่า มิสเตอร์ มี 2 เชื้อชาติ คือคนแอฟริกัน กับพวกฝรั่ง เช่นกัน อู่ทองเป็นคำไทกระได เพียงแค่ต่อมา คนพื้นเมืองทางเราซึ่งถูกปกครองมาใช้ชื่อแบบคนไทหน้าตาเกาหลีจีนจากมองโกเลีย พวกคุณเลยหลงเชื่อผิดว่า พระเจ้าอู่ทองมีหน้าตาแบบคุณ

เรื่องจริงคนในไทยไม่ใช่คนไท แต่เป็นคนพื้นเมืองที่ถูกปกครองโดยคนไทหน้าตาเกาหลีจีนจากมองโกเลีย เขมรเป็นอาณาจักรที่ล้มสลาย ภาษามอญ-เขมรเป็นภาษาตายแล้ว พระเจ้าอู่ทองคือคนไทจากมองโกเลียที่มีหน้าตาเกาหลีจีนและมารบชนะกษัตริย์เขมร จึงตั้งตัวเป็นกษัตริย์ไทปกครองคนพื้นเมืองเดิมในเมืองเขมรที่ล้มสลายไป คุณลองไปดูวังพระนารายซิ คล้ายวังจีน กำแพงเมืองจีน พระนารายเกิดที่หลังพระเจ้าอู่ทอง และคำว่า พระนารายกับอู่ทองเป็นคำไทกระไดไม่ใช่คำเขมรหรือมอญ แน่นอนพระเจ้าอู่ทองคือคนไทจากมองโกเลียที่มีหน้าแบบเกาหลีจีน

แค่คนไทตัวจริงสูญเสียสายเลือดจากตอนกลางของประเทศ ไป เพราะเป็นคนกลุ่มน้อย มีประชากรต่ำสุด แม้เป็กษัตริย์ จึงเอาคนจากเอเซียตะวันออกข้ามทวีปมาทำงานแทนตน เช่น พ่อพระเจ้าตากสินซึ่งเป็นคนเชื้อเผ่าจากทวีปเดียวกัน คนมอญมีประชากรใหญ่สุดและถูกปกครองโดยคนเผ่าไทหน้าตาเกาหลีจีน สุดท้ายเทคฯ การทหารเยี่ยมๆ ของคนไทจากมองโกเลียก็ถูกโอนมายังคนมอญอพยพที่ถูกให้กลายเป็นไท คำว่า "ขุนบรม" เป็นภาษาไทๆ แท้ๆ ไม่ใช่ภาษาอินเดีย มอญ เขมรซึ่งเป็นอาณาจักรที่ล้มสลาย เราฟังคำไทแท้ๆ ไม่รู้เรื่องเองเพราะภาษาไทที่เราใช้ไม่ใช่ภาษาแม่เราตั้งตน คำว่า "อู่ทอง" เป็นคำไทกระได ไม่ใช่คำเขมร ความจริงแล้วคนทางแถบเรามีกษัตริย์ข้ามทวีปคนละเชื้อชาติเผ่าพันธุ์กับเรามาถึง 500 ปี กษัตริยอยุธยาเป็นกษัตริย์ไทหน้าตาเกาหลีจีนจากมองโกเลียทั้งหมด คนแถบเราเคยใช้ภาษาเขมร-มอญซึ่งต่อมาเป็นคำตาย หลังจากถูกปกครองโดยคนเผ่าไทหน้าตาเกาหลีจีนจากมองโกเลียที่ใช้ภาษาไทกระได(จากเสฉวน)

 

ท่าน "ไม่มีชื่อ" ครับ  อ่านสนุกดี  ท่านมีนิสัย "มั่วเก่ง" แบบผมเลย แต่ชอบนะ    ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าพจ.อู่ทองมีเชื้อชาิติใดนะ  ไปหาอ่านบทความผมให้ดีๆ ละเีอียด จะพบบางทีผมสันนิษฐานว่าท่านเป็นจีน ชื่อ อู๋ตง  แล้วมีเมียแขกปัตตานี้    (บางคนบางว่าพระศพท่านยังฝังอยู่ที่กลันตัน จนบัดนี้)      ....ผมต่อไปขนาดว่า จะเอาพระเจ้าอู๋ตง มาช่วยแก้ปัญหาสามจว.ใ้ด้อย่างไร



ส่วนทฤษฎีที่ว่า  คนตาแหลมผิวขาว เข้ามาครองสยามนั้น ผมออกจะไม่เห็นด้วย  แต่ผมคิดว่าตรงข้ามครับ  


วันหลังน่าำได้มีโอกาสเสวนากัน     เมล์ไปหาผมก็ได้ครับ  จะได้เป็นส่วนตัว   


มันคงยากมากที่คนไทยจะได้รู้ความจริง ในเมืองไทยมีคนเขมรมาตั้งรกรากมาหลายสิบปีช่วงสงครามพรพต อพยพมามีพ่อแม่เป็นเขมร เกิดในไทย คิดทำอะไรไม่เห็นไม่สนใจไทยหรอก แถมเกลียดคนไทยมาก รูปปั้นพระเจ้าอู่ทองไม่เหมือนจีนเลย พวกเขมรพยายามเหลือเกินที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์ มันน่าอายมากกว่าน่าภูมิใจ แล้วทำไมเราต้องเชื่อคิดว่าฝรั่งรู้แน่ พวกเขมรเขาก็รู้อยู่แก่ใจแหละใครสร้างนครวัด คุณพ่ออายุ89ปีท่านเคยเล่าว่าตอนไปนครวัด40กว่าปีที่แล้ว(ไปหาของโบราณ)ชาวบ้านแถวนครวัดเขายังบอกเลยว่าเป็นของไทย เขากลัวกันด้วยว่ามีคำสาป แต่ฮุนเซนร้ายมากเขาประกาศตามล่าปราสาทให้หมด ไม่รู้หรอเรามีนักการเมืองนักประวัติศาสตร์เชื้อสายเขมรเต็มไปหมด ส้งเกตุพวกcommentsแปลกฯทั้งที่พิมไทยอยู่ในไทยแต่ใจเขมร ขอให้คุณอย่าไปเชื่อพวกเขา เคยไปวัดพระแก้วเจอคนเขมรบอกทัวร์เกาหลีว่าวัดพระแก้วไปcopyมาจากเขมร โมโหมาก

แบงค์ คนบุรีรัมย์

้้hhhh

แบงค์ คนบุรีรัมย์

พระเจ้าอู่ทองมาจากไหนยังไม่มี บันทึกที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันยังขัดแย้งกันอยู่  ทุกๆคนย้อมมีความคิดที่แตกต่างได้ จากข้อมูลประวัติศาสตร์ต่างๆครับช่วยๆๆกันหาคำตอบ

ข้อมูลอ้างอิง(ตามที่ผมค้นหาน่ะครับ) จากบันทึกประวัติศาสตร์แบบแปลกๆน่ะครับ

1. พระยาลือไทย ได้โปรดให้จารึกความภาษาเขมรอีกหลักหนึ่ง (ประชุมศิลาจารึกหลักที่ ๔) ตัวอักษรในศิลาจารึกนั้น หาเป็นชนิดเดียวกันกับตัวอักษรขอมในศิลาจารึกภาษามคธของพระมหาสามีสังฆราชไม่ ตัวอักษรในศิลาจารึกภาษาเขมรเหมือนกับตัวอักษรจารึกกรุงกัมพูชา เมื่อราว พ.ศ. ๑๘๐๐ ยังไม่ได้เปลี่ยนรูปสัณฐาน เป็นอักษรขอมที่เขียนหนังสือธรรม

      -ขออนุญาติตั้งข้อสันนิษฐาน= แสดงว่าแถวนั้นต้องมีประชาชนเขมรอยู่แน่นอน  เขียนแล้วจะให้ใครอ่าน หรืให้คนลาวอ่าน งงๆ

  2. แต่แปลกการสร้างศิลาจารึก ทำตามเขมร  คือ ใช้สันสกฤ ยกย่องตนเอง   ใช้ภาษาเขมร จารึกการสร้าง

            -ขออนุญาติตั้งข้อสันนิษฐาน= แสดงว่าต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่นอน จึงจะให้ความสำคัณถึงกับใช้จารึกเขมร  งงๆเหมือนกันครับ

   3.พระเจ้าอู่ทองสรงมีสัมพันธ์อันดีกับละโว้ และสุพรรนบุรี 

   4.สมัยพระเจ้าอู่ทอง ศิลปะแบบอินเดียตอนใต้เริ่มหมดไป และได้รับอินเดียตะวันออกมาแทน แต่ยังคงใช้ผังเมือง การปกครอง

     และการบวงสรวงแบบพรามฮินดุ  และราชาศัพท์แบบขอม ยังคงยู่  แล้วทำไหมทางภาคเหนือไม่มีพิธีการแบบพราฮินดู หรือการเปาสัง ในขณะมีราชวงค์เชียงใหม่อยู่ถึงราชการที่6  อันนี้ก็งงครับ

    5.ภาษาไทย ที่ว่าแปลงมากจากเขมร    ถ้าเป็นผมน่ะ   คนที่เข้าไปยึดเมืองเข้าควรจะให้เข้าใช้ภาษาเราไม่ใช้ไปเอาภาษาเข้ามาดัดแปลงใช้   ตามผู้ชนะในอนานิคมน่ะเช่น  เวียดนาม=ฝรั่งเศส   มาเล,อินเดีย,เคนยา=อังกฤษ  งงงงงครับมากด้วย  

เป็นผม ผมไม่ยอมใช้ภาษาเขมรหรอก

 

 อีกอย่างเขมร ทางผมเหมือน พูดคนล่ะภาษากับเขมรต่ำครับคนล่ะเรื่องเลย    บ้านผมตัวใหญ่ดังงุ้ม  เคราหนวด ดก

 เขมรใต้ ตัวเล็ก จมูกบาน ไม่ค่อยมีหนวดเครา   งงมากครับ  

แต่วันนี้ฟังหลวงปู่เสริมเทศ ท่านนิมินตร์ได้เจอ พระชัยวรมันที่6  บอกว่านำทัพมาจากศรีลังกา  อันนี้ก็ทำให้คิดไปได้อีกทางครับ

 

เป็นแค่ข้อสงสัยน่ะครับอย่าคิดมาก     ขอบคุณมากๆที่สร้างบ็อกๆดีๆให้  ได้คิดต่างครับขอบคุณครับ!!!!!!!!!!!!!!!!!^_____________^

 

 

อู่ทองมาจากมองโกเลีย มีหน้าตาแบบเกาหลีจีน เอามาจากทฤษฎี แนวคิดที่3 ของนักวิชาการโบราณคดี ไปก็อปข้อความเขามาทั้งหมด

ชอบครับ น่าสนใจ

เคยได้ยินครูบาอาจารย์รูปหนึ่งเล่าว่า นครธม คือ นครธมฺม และ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มาจากอาณาจักรศรีวิชัย ก็อาจจะพิจารณาดูความเป็นไปได้ไหม

ผมคิดว่าชาวขอมอาจจะวิวัฒนาการมาเป็นชาวเขมรแถบอีสานใต้ก็เป็นได้


แนวคิดนี้น่าสนใจมากครับอาจารย์เป็นความรู้ใหม่ของผมเลย แต่ก่อนผมเชื่ออย่างฝังหัวว่าพระเจ้าอู่ทองคือพระอนุชาของพระเจ้ากรุงสุโขทัยแต่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ก็แย้งกับผมว่าถ้าเป็นเครือญาติกันแล้วทำไมถึงรุกรานกันเอง?และพยายามแย่งชิงความเป็นใหญ่กันมาโดยตลอด แม้สิ้นกรุงสุโขทัยแต่3ราชวงศ์(อูทอง,พระร่วง,สุพรรณภูมิ)ก็แย่งชิงอำนาจกันมาโดยตลอดและข้อสงสัยอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับปราสาทหินในไทย บทความของอาจารย์ทำให้ผมถึงบางอ้อในหลายเรื่องขอบคุณครับ(จะยอมรับรึไม่ก็ตามแต่ผมนับท่านเป็นอาจารย์ผมแล้วล่ะ) ผมชื่นชอบในการค้นคว้าประวัติศาสตร์และบ่อยครั้งที่ต้องนั่งเกาหัวกับข้อมูลในสารพัดตำราที่ให้ข้อมูลไม่ตรงกันบ้างก็ขัดแย้งกัน มันเป็นความสุขเล็กๆของผมน่ะครับถ้าอาจารย์มีช่องทางในการศึกษาอย่างไรรบกวนช่วยแนะแนวผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ผมเองมีความคิดเงียบๆอยู่คนเดียวแบบเดียวกันอยู่นานแล้วแต่ถูกอิทธิพลนักบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองครอบงำมาตั้งแต่เด็กจนไม่กล้าแสดงความเห็น อีกประการหนึ่งตระกูลผมอยู่จังหวัดสงขลาผมมีคุณตาเป็นหมอโบราณท่านมีชีวิตอยู่ประมาณ2430-2490ตำรายาที่ท่านใช้เขียน(จาน)บนใบลานเป็นภาษาขอมอันนี้ผมเคยเห็นกับตา จึงเกิดความสงสัยอยู่นานแล้วว่าเราไปเกี่ยวอะไรกับขอม อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ได้ข่าวเรื่องการขุดพบทองคำโบราณที่วัดแห่งหนึ่งที่อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา จนมาการสันนิสฐานกันว่านั่นเป็นเส้นทางเดินของคนสมัยโบราณที่ข้ามอ่าวเบงกอลมาจากอินเดียด้วยเรือสำเภามาขึ้นบกที่สะตูลแล้วเดินเท้าข้ามเขามายังอำเภอรัตน์ภูมิและมาลงเรืออีกครั้งในทะเลสาปสงขลาที่อำเภอควนเนียงเพื่อไปต่อยังเขมรในปัจจุบัน จึงอยากให้มีการศึกษาว่าภาษาขอมมีรากมาจากภาษาอะไรในอินเดีย ซึ่งอาจเป็นเบงกาลี หรือทมิล นั่นจะเป็นการหารากเง่าของขอมที่แท้จริง และอีกอย่างคนใต้คนอินเดียกับคนเขมรมีอะไรคล้ายๆกนหลายอย่างแม้แต่ภาษาพูด ซึ่งอันนี้แตกต่างจากคนไทยเหนือและอิสาณอย่างชัดเจน แต่ระบบการศึกษาไทยไม่เปิดโอกาศให้มีการค้นคว้าโดยคนในท้องถิ่นถึงรากเง่าของตัวเองจึงถูกบังคับให้เชื่อว่าเรามาจากเทือกเขาอัลไต โดยที่คนใต้ทุกคนที่ไม่ได้มีเชื่อสายจีนมองดูเงาหัวตัวเองในกระจกแล้วไม่มีใครเชื่อว่าเรามาไกลขนาดนั้น

เพชรัตน์ ณ เมืองขุขันธ์(ศรีสะเกษ)

ขอบคุณค่ะ

สำหรับข้อมูล ที่ค้นคว้า นำมาเขียนให้ "นักศึกษาประวัติศาสตร์" ทุกรุ่นทุกวัย

ได้ทำความเข้าใจ "ความเป็นมา" (กำพืด) ของตนได้หลากหลาย

ชอบมากค่ะ

สวัสดีครับ.....ผมอ่านข้อความของท่านพี่แล้วรู้สึกตื่นเต้นและสนุกตามไปกับเรื่องราว.....เพราะช่วงที่พี่เล่านี้..ถือว่าเป็นยุคมืด เพราะหาหลักฐานไม่ได้เลย..จู่ๆ พระนครก็ล่มสลายคนมากมายก็หายวับไป....พอได้อ่านแล้วจินตนาการตาม แห่ม มันสนุกและน่าสนใจจริงๆๆ.....หลังๆมานี่ผมก็เห็นนักโบราณคดีหลายๆคนโดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆๆ เห็นพ้องกันว่า ไทยเราปัจจุบันนี่ก็คือ เขมร ขอม ในยุคอดีต แล้วมีการผสมผสานกันทางเชื้อชาติ จนกลายเป็นไทยถึงทุกวันนี้......อีกอย่างผมก็เห็นด้วยที่เราไม่ควรเชื่อ ตามฝรั่งเศษ ไปหมด เพราะยังไงๆ ก็เป็นพวกล่าเมืองขึ้น ข้อมูลข่าวสาร หลักฐานต่างๆ พวกฝรั่งเศษ ย่อมทำไว้เพื่อการปกป้องอาณานิคมของตัวเอง....และที่เห็นในปัจจุบัน ฝรั่งเศษ ก็ทำให้เขมร ขอม ต่างไปจาก สยาม ทั้งๆที่มีหลักฐานมากมายว่า สยาม มีอิทธิพลอย่างสูงต่อดินแดนในเมืองพระนคร มานานมาก.....ครับ

อ่านแล้วชอบค่ะกระจ่างใจ อ่านบทความมาก็หลากอยู่ส่วนมากก็ยังแย้งอยู่ในใจ พอมาเจอบทนี้ บอกตรงๆว่ามันต้องใจ ด้วยเงื่อนไขของเวลา ผนวกกับบันทึกต่างๆ ประกอบกับสถานที่ๆมีอยู่จริง และที่ยังหาที่มาที่ไปอีกก็มาก นักวิชาการบางท่านก็ตั้งธงความเชื่อตัวเองไว้แล้วก็หาอะไรต่อมิอะไรมาสนับสนุนความคิดตัวเองอ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ถ้ามีใครสามารถจับเหตุการณ์ตามบันทึกในแต่ละปีหรือใกล้เคียงมาวางเรียงลำดับว่าเกิดอะไรขึ้น

dnaไม่โกหกใคร ไม่รู้ลูกใครก็ไปตรวจdna


  1. ไม่ต้องเถียงกันไปมาครับ อยากรู้ว่าใครเปนเผ่าไหน มาจากไหน ก็ไปตรวจdnaกันได้เลยครับ ว่าใครมาจากไหนy-dna haplogroups นะครับ ฝั่งเพศผู้ จะรู้กันเอง แต่ท่าทางน่าจะแพงอยู่

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Y-DNA_haplogroups_...ในวีกีบอกไว้ว่าคน ว่าส่วนใหญ่แถบนี้ในเอเชียตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ อินโด จีน ยัน ญิ่ปุนครึ่งประเทศ มันเปนตระกูล O ตระกูลเดียวกัน o1 o2 o3 แบบพี่่น้องกันเลยมีที่มาจากเกาะทางตะวันออกแอฟริกา คือ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์กลายพันธุุ์ยุคใหม่ที่ฉลาดมากขึ้นมาตอนหลังเหมือนพวกยุโรป หรืออินเดียอารยันที่เปน r r1 r2 i (พวกลูกครึ่งฝรั่งพ่อไทย น่าจะเปนพวกนี้) ส่วนพวกอินเดียใต้ เปน k หรือ แอฟริกา a b ทิเบต d พวกมองโกลไซบีเรีย เร่ร่อน เปน c อินเดียนเป็นq ซึ่งเปนมนุษยกลายพันธช่วงต้นๆ แต่ ทุกๆประเทศ ไม่มีเพียวๆนะ แค่เป็นส่วนใหญ่ เขตแดนชาติรัฐ มันมาเกิดตอนหลังไม่นานเอง เมื่อก่อน ไปมาหาสู่การค้าได้อิสระมากก่านี้ถ้าไปอยู่และปรับตัวได้ไม่ถูกฆ่าโดยคนพื้นเมืองก่อน แต่ถ้าไม่อยากทะเลาะกันไม่อยากดูถูกกันก็ให้ย้อนdnaขึ้นไปอีก ก็ซึ้งเลย ลิงชัดๆ คนทุกคนเปนญาติกะลิงอย่าลืม นึกถึงเวลาไปให้อาหารลิงที่เขาใหญ่กันบ้าง

สงสัยกันไหม หน้าตา นิสัยเราต่างกัน เพราะอะไร

และอนาคตยังทำให้คิดเล่นๆว่า ถ้าเกิดมีมนุษย์กลายพันธุ์ขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะตัดต่อยีนส์มาแบบxmen หรือกลายด้วยตัวเอง อาจจะเปนพวก ฉลาดไอคิว200อัพ หรือ ประเภท ทนต่อโรคไวรัสแปลกประหลาดในอนาคตได้ หรือพวก มีปีก มีหาง หายใจเอาควันนิวเคลียร์ได้ มนุษย์แบบเราๆถ้าไม่สูญพันธุ์ซะก่อน ก็อาจเปนคนกลุ่มน้อยเลยก็ได้ แผนที่โลกก็เปลี่ยนไปเลยละคราวนี้ มนุษยdnaใหม่ ครองโลก เปนไปตามหลักการของดาวินชี่ ปรับตัวได้อยู่ได้ เหมือน มนุษย ตระกูล o และ r เปลี่ยนโลกมาแล้ว คนจีน สร้าง 4สิ่งประดิษฐ์ อินเดีย ตะวันออกกลาง ฝรั่ง ผสมผสาน สร้างและปรับปรุง ยุคใหม่ตอนนี้เป็นยังไงดูเอาเองดินปืนเปลี่ยนโลก ถ้ามนุษย เปนแบบแอฟริกาอยู่ไม่กลายพันธุ์ก็คง นุ่งผ้าถือหอกอยู่ละ

dnaไม่โกหกใครนะอยากรู้ลูกใครให้ไปตรวจdna

ประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้น คนวิเคราะห์กันไปมา

สุดท้ายก็ยอมจำนนหลักฐานdna เพราะเอาเข้าจริงถึงแม้จะเปนนักประวัติศาสตร์นั่นแหละ ถ้าไปทำใครท้องอยากรู้ว่าลูกตัวเองไหมก็ต้องไปตรวจdnaละครับ คงไม่มีใครนั่งเทียนวิเคราะห์กันหรอกนะ ว่าคืนนั้นแค่เฉียดๆทำไมถูกหวยได้

(ขนาดโครงกระดูกมนุษยมัมมี่ที่พบในซิงเกียง ที่ถกเถียงกันมานานสุดท้ายก็รู้ว่ามันเปนพวกไหน จะกลัวอะไรละครับ วิทยาศาสตร์มีคำตอบ)

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Y-DNA_haplogroups_...

ข้อมูลอ่านเล่นเลย

dna แถบนี้ไม่ได้ตรวจกันง่ายๆครับเพราะ ขยำ สยำ สยามกันหลายเผ่าพันธุ์ นานปี จะยกเว้นก็พวกเขมรต่างจากลพบุรี พิมาย

เพิ่งรู้ เพิ่งเคยได้ยินชื่ออาจารย์ครับ

ไม่เคยรู้มาก่อนเรื่องโลดโผนกับฟุตบอล แต่สนใจเรื่องขอมนี่แหละครับ
คิดมานานแล้วว่า พื้นเพการประเมินของคนแถบนี้มันตื้นเขิน ขาดการปะติดปะต่อและมองในมุมกว้าง

สาเหตุเพราะเชื่อคนอื่น มากกว่าการค้นหาด้วยตัวเอง

คนแถบนี้ชอบนึกว่า อยู่ดีๆก็มีเมืองนั้น อาณาจักรนี้ งอกมาจากพื้นดิน ทั้งไทยและเขมร และฝ่ายมีก่อนเก๋า
โดยไม่คิดว่า แถบนี้มันต้องมีเมืองเล็กๆ เต็มไปหมด ก่อนรวบรวมขึ้นมา
แยกไม่ออกว่า วัฒนธรรมและศูนย์กลางอำนาจนั้น มันคนละอย่างกัน

เคยประเมินมานานแล้วว่า สยามกับขอมนี่คือเผ่าเดียวกัน
แต่ไม่เคยรับรู้การประเมินมาก่อนว่า ขอมกับเขมรนี่คนละเผ่า
หลังจากนี้คงต้องหาหลักฐานยันอีกครั้งว่า
ขอมสยามนั้นกับเขมรปัจจุบัน เป็นเผ่าเดียวกันหรือเพียงแค่คนละวรรณะกันเท่านั้น
หลักฐานที่อาจารย์ว่า คนจะมองข้ามไปหมดเพียงเพราะไม่ชอบคนพูด

ประวัติศาสตร์ที่เหลวไหล ล้วนมีจุดอ่อนที่ รอยต่อ

รอยต่อชัยวรมันที่1 ซึ่งมีการกล่าวว่าอยู่กับเจินละน้ำ ฟูนัน ที่เมืองออกแก้วทางเวียตนามใต้ กับชัยวรมันที่2 ที่อยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมาที่เมืองอินทรปุระ(แถวกำปงจาม) จากจารึกสด๊อกก๊อกธมที่เป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่ระบุเกี่ยวกับเสียมราฐยุคพระนคร

รอยต่อที่ขาดแหว่งเรื่องสุริยะวรมันที่1 ที่คนไม่ค่อยสนใจว่าน่าจะมาจากทางตามพรลิงค์ ไชยา หรือชวา ข้ามมายึดครองพระนครเสียมราฐ

รอยต่อที่ขาดแหว่งเรื่องสุริยะวรมันที่2 ที่คนไม่ค่อยสนใจว่าน่าจะมาจากทางตามพรลิงค์ ไชยา หรือชวา ข้ามมายึดครองพระนครเสียมราฐ

รอยต่อที่ขาดหายที่คนไทยมักไม่สนใจว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางท่าว) กับพ่อขุนผาเมืองนั้น เกี่ยวดองเป็นชนชั้นปกครองของขอมในยุคพระนคร

รอยต่อที่ขาดหายว่าตอนอยุธยาเกิดขึ้นนั้น สุโขทัยยังไม่ล่ม แต่อ่อนแอลงจนอยู่ในอำนาจอยุธยา

รอยต่อที่เรื่องพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากอินเดีย จะต้องผ่านดินแดนแถบนี้ก่อนเข้าไปในเขมรปัจจุบัน

รอยต่อว่าทำไมอยู่ดีๆชัยวรมันที่7 ไม่รู้จะไปหาต้นตอจากไหน ก็กล่าวว่าอาจเป็นเจ้านายที่โดนเนรเทศไปอยู่กับจาม แล้วยกทัพมาตีจามที่ยึดพระนครไว้คืน

รอยต่อที่ว่าแตงหวานจู่ๆโผล่ขึ้นมาล้มผู้ครองเดิม แล้วตั้งตัวเป็นกษัตริย์แทน เขมรกลับยอมรับว่านี่เป็นปฐมกษัตริย์ แต่กลับเหมารวมกษัตริย์ก่อนหน้านี้เป็นของตน ช่างขัดแย้ง

รอยต่อที่ขาดหายเรื่องพระเจ้าอู่ทอง ว่าเป็นใครมาจากไหน ทำไมอยุธยาตอนต้นจึงมีสองสาย คือสายละโว้ซึ่งสันนิษฐานว่าพระเจ้าอู่ทองอยู่สายนี้ กับสายสุพรรณภูมิซึ่งมาจากพื้นเพเดิมแถวนี้คือ ทวาราวดีซึ่งศูนย์กลางที่นครปฐม ก็มีศิลปะวัฒนธรรมต่อเนื่องกับขอมอีกนั่นแหละ

รอยต่อที่คนไทยไม่สนและคนเขมรไม่กล้าพูดว่า ขุนหลางพะงั่ว ซึ่งเป็นพี่เมียของพระเจ้าอู่ทองได้กลับไปตีเมืองพระนครเสียมราฐ และ เจ้าสามพระยาได้ยกทัพไปปิดบัญชีเด็ดขาดยุคพระนครเสียมราฐ

รอยต่อที่ว่าทำไมศิลปะวัฒนธรรม ผังเมือง วัง ในสยามตั้งแต่ยุคโบราณ มาจนจรด อยุธยา รัตนโกสินทร์ ทำไมจึงถอดแบบมาจาก พระนครเสียมราฐ มากกว่าเขมรปัจจุบัน ที่แทบไม่มีร่องรอยอะไรเลยนอกจาก สืบศิลปะวัฒนธรรมจากสยามอีกที

รอยต่อที่ว่าทำไมเขมรปัจจุบัน ซึ่งตกในห้วงศึกมาตลอด จนกระทั่งมาเมืองละแวกที่คนเขมรแทบไม่รู้จัก มาถึงพนมเปญ ซึ่งอยู่ในสงครามจะเอาเวลาที่ไหนมาวางรากฐานอารยะธรรมต่างๆ นอกจากเอามาจากผู้ครอบครอง

ผมเชื่อว่า คนไทยถูกยุบวิชาประวัติศาสตร์เพราะอคติ
ไม่ใช่อคติต่อเขมร
แต่อคติต่อแนวบทเรียนทางประวัติศาสตร์เดิมที่มุ่งหลอกลวง บิดเบือน ให้ไทยเหนือกว่าโดยขาดเหตุผลรองรับ จนเกิดการปฏิเสธประวัติศาสตร์ตัวเองโดยสิ้นเชิง และยอมรับประวัติศาสตร์ที่ต่างชาติเขียนแทน ทั้งที่ควรจะหามูลฐานความจริงกันก่อน

ประวัติศาสตร์ของชนชาติในแถบนี้ เขียนอวดข่มกันทั้งนั้น
เหตุใดคนไทยจึงไปยอมรับประวัติศาสตร์ต่างชาติที่เขียนเพื่อข่ม แทนที่จะหาเหตุผลจริงกัน

ดั่งนี้ จึงติดเป็นนิสัยติดกันมาอย่างที่ผมว่าคือ เชื่อคนอื่น มากกว่าการค้นหาด้วยตัวเอง




หลักฐานชั้นต้นที่สนับสนุนว่า เสียมนั้น คือ ขอม บรรพบุรุษของเจนละ ผู้สร้างพระนคร ตามทฤษฏีของอาจารย์ทวิช

๑. ปรากฎในจดหมายเหตุ เรื่องพระราชไมตรีในระหว่างกรุงสยามกับกรุงจีน ที่แปลมาจาก จดหมายเหตุจีนอีกชั้นนึง

"ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ตรวจดูเรื่องเสี้ยมหลอก๊ก มีต่อเนื่องมาแต่ครั้งวงศ์สุย วงศ์ถัง สมัยโน้นเรียกว่าเซียะโท้วก๊ก ด้วยครั้งพระเจ้าสุยทางเต้ พระเจ้าสุยทางเต้ขึ้นครองราชสมบัติปีอิตทิ้ว (ตรงปีฉลู พุทธศักราช ๑๑๔๘ ปี ก่อนจุลศํกราช ๓๓ ปี) ลำดับกษัตริย์ที่ ๒ วงศ์สุย ขนามนามแผ่นดินเรียกว่า ไต๊เงียบ (แผ่นดินไต๊ ๑๒ ปี) ขุนนางสุนนังจู๊ซื่อ ชื่อเสียงจุ่นไปถึงเซียะโท้วก๊ก ได้ความว่าเซียะโท้วก๊กอ๋องแซ่ซือหุน (แซ่เดียวกับพระพุทธเจ้า) หรือเห็นว่าเซียะโท้วก๊กอ๋องนับถือหุดก่า (พุทธศาสนา) จึงคาดคะเนว่าก๊กอ๋องมีแซ่เหมือนหุด (พระพุทธเจ้า)

ครั้นตรวจดูประวัติสถานราชทูตเสี้ยมหลอก๊กมีปรากฏว่า ชาวเสี้ยมหลอก๊กมีชื่อไม่มีแซ่ กาลก็ล่วงเลยช้านานมาพันปีเศษแล้วจะมีแซ่หรือไม่มีแซ่ข้อความก็ไม่ถูกต้องกัน แต่ชาวเสี้ยมหลอนั้นเชื้อสายชาวหูหลำ (ฟูนัน) ด้วยหนังสือหลำซื้อ มีเรื่องนานาประเทศ ซึ่งอยู่ชายทะเลหัวนอน หรือทิศใต้ว่า หูหลำก๊กนั้นเดิมสตรีเป็นอ๋อง ขนานนามว่าสิ้วเหียะ หนังสือเหมงอ๋องก่ายสกทงเค้า ยกย่องผู้หญิงเสี้ยมหลอก๊กว่ามีสติปัญญายิ่งกว่าผู้ชาย หรือจะเป็นขนบธรรมเนียมชาวหูหลำต่อเนื่องมา"

หลักฐานข้อนี้ บ่งบอกชัดเจนครับว่า เสียมเป็นทายาทของ ฟูนัน บรรพบุรุษของอารยธรรม ขอม

๒. ปรากฏในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ว่าด้วยเรื่องพระมหากษัตริย์สยาม

ปฐมบรมกษัตริย์ของชาวสยามนั้น ทรงพระนามว่า พระปฐมสุริยเทพนรไทย สุวรรณบพิตร พระมหานครแห่งแรก ที่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น ชื่อว่า ไชยบุรีมหานคร เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงราชย์นั้นพระพุทธศาสนยุกาลล่วงแล้ว ๑๓๐๐ พรรษา นับตามศักราชสยามและมีพระมหากษัตริย์สืบสันตติวงศ์ต่อมาอีก ๑๐ ชั่วกษัตริย์ องค์สุดท้ายทรงพระนามว่า พญาสุนทรเทศมหาเทพราช ย้ายพระนครหลวงมาสร้างราชธานีใหม่ที่เมือง ธาตุนครหลวง (นครศรีธรรมราช)

ในปี พ.ศ. ๑๗๓๑ พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๒ สืบต่อจากพระองค์นี้ซึ่งทรงพระนามว่า พระพนมไชยศิริ ทรงให้อาณาประชาราษฎรของพระองค์อพยพตามไปยังเมืองนครไทย (เมืองบางยาง) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอันไหลมาจากภูเขาแดนลาว ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำ (เจ้าพระยา) ตอนเหนือเมืองพิษณุโลกขึ้นไปเล็กน้อย แต่นั้นไปยังเมืองนครไทยไกลกัน ๔๐ ถึง ๕๐ ลี้ แต่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้มิได้ประทับอยู่ ณ เมืองนครไทยตลอดมา หากได้เสด็จไปสร้างและประทับอยู่ห่างราว ๒ ลี้ ข้างทิศตะวันตกของปากน้ำ (เจ้าพระยา)

มีพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อมาอีก ๔ ชั่วกษัตริย์ พระองค์สุดท้ายซึ่งทรงพระนามว่า รามาธิบดี ได้ทรงสร้างเมืองสยามขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๑๘๙๔ และเสด็จขึ้นดำรงสิริราชมไหศวรรย์สมบัติ ณ ที่นั้น"

หลักฐานข้อนี้ก็ยืนยันชัดเจนว่า บรรพบุรุษของพระเจ้าอู่ทอง เคยปกครองเมืองพระนคร ก่อนจะอพยพย้ายไป นคร เมืองบางยาง เมืองเพชรบุรี ตามลำดับ ก่อนจะมาตั้งกรุงศรีอยุธยา

และแตกประเด็นไปถึง ต้นกำเนิดของ กัมพูชา ที่แปล่าว่าเกิดจากนาค (ตำนานนางหลิวเหย่ เจ้าหญิงนาค พื้นเมือง) ที่จริง น่าจะมาจาก โยนกนาคพันธ์ เพราะ หลักฐานในปัจจุบันชี้ว่า ปราสาทขอมแห่งแรกในโลก เกิดที่ ปราสาทวัดภู ใกล้จำปาสักของลาว ใกล้น้ำโขง ทั้งช่วงระยะเวลาการเกิดอารยธรรม กัมพูชา ใกล้เคียงกับการล่มสลายของ โยนกนาคพันธุ์ ซึ่งเป็นพวกไท-ลาว หรือ เสียม พ้องกับหลักฐานของราชฑูตจีนคังไถ ที่กล่าวเกี่ยวกับอาณาจักรฟูนันไว้อีกว่า “ มีกำแพงล้อมรอบเมือง มีพระราชวังและบ้านประชาชน ประชาชนมีหน้าตาน่าเกลียด ผิวดำ ผมหยิก ไม่สวมเสื้อผ้าและเดินเท้าเปล่า"

ซึ่งหมายความว่าชนชั้นปกครองในพระนครมีสีผิวขาว ผิดกับคนสามัญ ที่มีผิวดำ ซึ่งพ้องกับหลักฐานนี้บ่งบอกว่า เพราะบรรพบุรุษสายหนึ่งของ ผู้สร้างเมืองพระนครนั้น คือ ไท-ลาว จากเวียงไชยบุรี


๓. ปรากฏในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ว่าด้วยเรื่องเวลาทำนาและเวลาเก็บเกี่ยว

"ชาวสยามมิได้ขวนขวายปรับปรุงที่ดินของตนนัก ได้แต่ไถและหว่านเท่านั้น เมื่อฝนตกชุ่ม พอทำให้ดินอ่อนละมุนลง และดำเนินการเก็บเกี่ยวเอา บรรดาที่ดินซึ่งน้ำท่วมนองอยู่นั้นเป็นเนื้อนาดีสำหรับปลูกข้าว และว่ากันว่ารวงข้าวนั้นย่อมหนีพ้นน้ำเสมอ ถ้าน้ำขึ้นสูงหนึ่งฟุตในระยะยี่สิบสี่ชั่วโมง รวงข้าวก็จะงอกยาวขึ้นถึงหนึ่งฟุตในระยะยี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนกัน"


หลักฐานข้อนี้ ก็พ้องกับบันทึกของโจวต้ากวน ว่าด้วยพันธ์ข้าว พันธุ์พิเศษของ กัมพูชา ที่จะสูงขึ้นเหนือน้ำเหมือนกัน น่าจะเป็นพระเจ้าอู่ทอง นำพันธ์ข้าวนี้มากจากเมืองพระนคร

ผมขอสนับสนุนข้อมูลท่านอาจารณ์ทวิช ครับ ผมก็เป็นอีกคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์มาพอสมควร ผมมีข้อสงสัยอยู่ ข้อครับว่า แผ่นจารึกทองแดงที่พบในสมัยทวารวดีอู่ทอง จากรึกชื่อพระเจ้าศรีอังศะวรมัน เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าศรีอิศานวรมันแต่ไม่ทราบปีที่ครองราช(จะเป็นคนเดียวกับพระเจ้าอีศานวรมันที่ 2หรือไม่)  


ผมสันนิษฐานจากแผนที่ นายทองใบ แตงน้อย ว่าการเรียนประวัติศาสตร์สมัยก่อน น่าจะเข้าใจว่า ขอม กับ เขมร ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกัน โดยอ้างจากการเขียนข้อความในแผนที่ครับ หากเป็นเชื้อชาติเดียวกัน ใยต้องเขียนชื่อต่างกันด้วย

อาณาจักรขอม

อาณาจักรเขมร

แสดงว่า หลังจากยุคขอมแล้ว ขอมถูกกลืนเป็นสยาม หมด เหลือแต่เขมร เป็นอีกเชื้อชาติ

ผมสันนิษฐานจากแผนที่ นายทองใบ แตงน้อย ว่าการเรียนประวัติศาสตร์สมัยก่อน น่าจะเข้าใจว่า ขอม กับ เขมร ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกัน โดยอ้างจากการเขียนข้อความในแผนที่ครับ หากเป็นเชื้อชาติเดียวกัน ใยต้องเขียนชื่อต่างกันด้วย

อาณาจักรขอม

อาณาจักรเขมร

แสดงว่า หลังจากยุคขอมแล้ว ขอมถูกกลืนเป็นสยาม หมด เหลือแต่เขมร เป็นอีกเชื้อชาติ

พวกคุนรุ้ไหมท้า เรา search คำว่าkhom empire มันจะไม่มีอะไรออกมาเลย เเต่ พอ searchคำว่า khmer empire มันกับมีรายละเอียดมากมาย แค่นี้ก้รุ้เเล้วว่า ฝรั่งเศษมันจงใจลบคำว่าขอมออกจากน่าประวัติพืนเเผ่นดินไทยและประวัติศาสตร์โลกซึ่งพวกฝรั่งก้คงไม่รุ้อะไร มันเหนนครวัดอยุ่ในเขม่รมันก้เข้าใจว่าเขม่รมันสร้าง อะไรที่เปนศิลาจารึกพาสาขอม ไอ้ฝรั่งเศษ เขียนkhmer scripture แล้วมันก้คงสร้างอักษรเขม่รใหม่ให้คล้ายคล้ายกะในศิลาจารึกเพื่อลวงโลก ประเทศกัมพูชา มาจาก คำว่ากัมโพช เปนขอมของละโว้ คนเขม่รมันคิดด้วยซ้ำว่ามันสร้างอยุธยา เพราะเจอศิลาจารึกขอมในอยุธยา ที่มันมโนว่าเขม่ร การที่เราพบศิลาจารึกก้น่าจะรุ้ดีอยุ่เเล้วว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากนครวัดอย่างงั้นเขาก็มีศิลาจารึกขอมไว้ทำไม ปราสาทขอมมากมายพบในไทยด้วยซ้ำซึ่งสร้างก่อนเขม่รแต่นักดารเมืองนักวิชาการไทย บางคนก้เปนไม่รุ้ไม่เหน นอกจากนี้ผมเหน ที่พระองศ์มีชื่อว่า อู่ทอง เพราะว่าอู่ทองเปนเมืองหลวงของฟูนัน มีการค้นพบตะเกียงโบราณอาณาจักรโรมัน ในขนาดที่เขม่รมันก้มีปราสาทที่เเบบฟูนัน มันก้มโนเลยว่ามันสร้างทั้งทั้งที่มันไม่ได้มาดูอะไรในไทยเลยด้วยซ้ำ แล้วท้าคุนตรวจดีเอนเอดีดี คนเขม่รมีเชื้อสายaustornesian ถึง70เปอเซ็น ซึ่งก้ใกล้เคียงกะเเขกจามที่ อพยพมาจากแหลมมลายู ซึ่งว่ากันว่าอพยพ มาตั้งเเต่ ศตวรรษที่หนึ่งก่อนการเกิดของอิสลาม ซึ่งอาณาจักรฟูนัน ก้เกิดก่อนน่านั้น เช่นเดียวกะเจนละก้น่าจะมาจากฟูนันเหมือนกัน นอกจากนี้สมเด็จพระจอมเกล้ารัชกาลที่ สี่ ก้มีโครงการที่จะย้ายนครวัดมากรุงเทพ ท้ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจะย้ายมาทำไมแล้วในวัดพระเเก้วเรายังมีนครวัดขนาดเลกจำลองอีก แล้วเราจะเรียกว่าเสียมราฐทำไม เสียมราฐก้คือเมืองของสยาม เพื่อเปนการเเก้เคล็ดที่พระเจ้าเเตงหวาน จงใจเรียกว่า เสียมเรียบ เหมือนกับที่ พม่าเรียกเราว่าโยเดีย เพื่อเเก้เคลด อโยธยาที่เเปลว่าเมืองที่ไม่มีวันเเพ้ แต่ฝรั่งเศษ ก้บิดเบือนว่า เสียมเรียฐ พึ่งตั้งมาเมื่อร้อยปีนี่เอง ในการรบชนะสยาม ในศึกสงครามเลกเลกที่มีฝรังเศษสนับสนุน มากไปกว่านั้นมันยังมาอ้างว่า ติดโรคระบาดเมืองเลยร้าง เชื้อโรคมันติดในกำเเพงเมืองรึไง

ผมเชื่อว่าอาณาจักรฟูนัน (ขอม) สร้างโดยชนทางใต้ของอินเดียศรีลังกากับอาณาจักรตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) การเริ่มเข้ามาสร้างเมืองนำโดยการส่งศาสนาเข้ามาก่อนตามยุทธศาสตร์เพื่อรวมจิตใจคนก่อน (อินเดียเริ่มแผ่ขยายโดยการส่งพราห์มมาก่อน แต่เมื่อกลุ่มอินเดียใต้ขยายมาจึงนำพุทธมาด้วย) ไม่ใช่ทั้งเขมร (ชนดั้งเดิมในกัมพูชา) และเสียม (ชนดั้งเดินลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา) และขยายอาณาจักรได้กว้างใหญ่ แต่หลังจากราชวงศ์ชัยวรมันโดนโค่นล้มโดยชนพื้นเมือง จึงเป็นไปได้ที่จะอพยพมาสร้งเมืองใหม่ที่อยุธยา

ยังไม่มีเพิ่งศึกษา กำลังสนใจครับ

เห็นพูดกันไป-มาเยอะไปหมด แต่ทำไมลืม กุบไลข่าน ละ เพราะอาณาจักรขอมสิ้นไปเพราะ มองโกล แต่งตั้ง นักรบชาวไต ที่มาช่วยมองโกลรบขอม ให้มาเป็นผู้ปกครองขอม ส่วนพระเจ้าอู่ อาจเป็นขอมแปรพักตร์ ที่มาเข้ากับ ไต และมองโกล ท้ายสุดสิ้นอิทธิพลมองโกล พระเจ้าอู่ทองต้องย้ายเมืองมาสร้างเมืองใหม่ คือ อโยธยา

เห็นพูดกันไป-มาเยอะไปหมด แต่ทำไมลืม กุบไลข่าน ละ เพราะอาณาจักรขอมสิ้นไปเพราะ มองโกล แต่งตั้ง นักรบชาวไต ที่มาช่วยมองโกลรบขอม ให้มาเป็นผู้ปกครองขอม ส่วนพระเจ้าอู่ อาจเป็นขอมแปรพักตร์ ที่มาเข้ากับ ไต และมองโกล ท้ายสุดสิ้นอิทธิพลมองโกล พระเจ้าอู่ทองต้องย้ายเมืองมาสร้างเมืองใหม่ คือ อโยธยา

ก็มีการตรวจDNAคนไทยแล้วส่วนมากมีDNDเหมือนมอญผสมกับอินเดียและจีนใต้

ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์มาประวัติศาสตร์ไทยโดนบิดเบือนโดยคนไทยโบราณและชาวต่างชาติฝรั่งมังค่าแต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันกันในอดีตอาจจะไม่ใช่สยามแต่ชื่อเดิมของสยามคือขอมแล้วถ้าชื่อเดิมของขอมเป็นอะไรก็ไม่มีอาจรู้ได้แต่ความเชื่อแล้วก็ข้อมูลประวัติศาสตร์ของแต่ละหน้าของแต่ละคนของใครก็ตามสุดท้ายแล้วเราก็เป็นคนไทยผมเชื่ออย่างหนึ่งไทยหรือสยามเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันหมดแม้เป็นพม่ากัมพูชาเขมรมอญลาวล้วนแต่เป็นคนขอมทั้งนั้นแต่คนสมัยก่อนก็แบ่งชั้นวรรณะใครมีอำนาจใครมีเงินใครมีสมบัติก็เป็นคนชั้นสูงใครจนก็เป็นทาสคนฉันสูงอาจจะมีผิวพรรณที่ดีเพราะเขาดูแลตัวเองดีส่วนคนจนมันดูแลตัวเองไม่ได้เพราะเขาจนเขาต้องเป็นทาสต้องใช้แรงงานสีผิวหรืออะไรอาจจะไม่เหมือนกันแต่คนล้วนแล้วก็เป็นคนขอมคนขอมอาจจะเป็นคนที่หรืออาจะมาจากชนชาติไตล้วนแต่ทุกอย่างก็มีหลักฐานแต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแต่ผมได้อ่านเนื้อหาเนื้อข้อความของอาจารย์ทวิช จิตสมบูรณ์อ่านดูแล้วมันก็ฟังเหมือนอะไรๆมันก็ลงตัวแต่ผมฟังข้อมูลของคนที่เขาบอกว่าหน้าตาเหมือนเกาหลีอะไรนี่แหละแต่ผมอ่านแล้วผมขำมันไม่ได้เข้าไปในสมองผมเลยว่ามันจะใช่แบบนั้นจริงๆหรอผมอยากรู้อย่างเดียวถ้าเรามีหลักฐานว่าขอมคือใครขอมาจากไหนนั่นแหละคือความจริงแต่ผมเชื่อว่าของก็คือศูนย์รวมทุกอย่างของเป็นคนที่อาจจะไปไปหลายๆเมืองไปหลายๆเมืองเล็กๆมึงไปยึดเมืองไปเอาเป็นเมืองขึ้นเป็นคนธาตุมาเหมือนที่มีหลักฐานเขียนมานั่นแหละคนพื้นเมืองก็คือเขมรในที่สุดแล้วผมก็มองว่าใครก็ตามที่อยู่บนโลกนี้อยู่ในทวีปนี้มันก็คือคนเผ่าพันธุ์เดียวกันแต่คนหรือมนุษย์เกิดมาก็ฆ่าฟันแย่งชิงเป็นเรื่องปกติแบ่งพรรคแบ่งพวกประวัติศาสตร์อย่าไปเชื่อฝรั่งมากฝรั่งมันเป็นพวกล่าอาณานิคมปล้นสมบัติฆ่าคนอยากได้อยากมีเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญสมัยโบราณเราขุดพบศิลาจารึกขอมโบราณภาษาขอมโบราณก็ไม่ต่างจากภาษาไทยมากผมเชื่อตั้งแต่สมัยผมเรียนแล้วคุณครูจะสอนผมยังไงผมก็เชื่อตั้งแต่อาณาจักรขอมเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แล้วก็มีนครวัดนครธมสุดลูกหูลูกตาจนไปถึงประเทศฝรั่งมังค่ามันก็เหมือนแถบเม็กซิโกที่มีอารยธรรมโบราณอย่างเช่นมายา เอคทริค อินคา ดีเราอาจจะมีเชื้อชาติของคนพวกนี้ก็ได้เพราะบางอย่างเราก็เอามาจาก maya extech อินคาบังฟังบางคนฟังผมแล้วอาจจะตลกอาจจะขำแต่ไม่มีใครเกิดทันยุค 500 ปีหรือพันปีก่อนหลักฐานทุกอย่างถูกทำลายไปหมดแล้วบางหลักฐานบางอย่างก็ให้เห็นประวัติศาสตร์บางประวัติศาสตร์ก็พูดเหมือนกันอาจารย์บางอาจารย์ก็พูดสอดคล้องกัน

อันดับแรก แยกพระรามาธิบดีออกจากพระเจ้าอู่ทองก่อน รามาธิบดีเป็นผู้สถาปนากรุงศรีฯ ส่วนพระเจ้าอู่ทอง น่าจะเป็นคำทับศัพท์ อาจจะเป็นพระเจ้าสุวรรณราชามากกว่า พระเจ้าสุวรรณราชาเป็นกษัตริย์ก่อนสถาปนากรุงศรีฯ สุวรรณภูมิ=แผ่นดินทอง=อู่ทอง ข้อมูลที่บันทึกไว้ในเน็ต สุวรรณภูมิในแถบบ้านเราคือดินแดนตั้งแต่สุโขทัย ละโว้ สุพรรณบุรี อโยธยา พระนคร(กัมพูชา) เพชรบุรี นครศรีธรรมราช ไปจนถึงเกาะสุมาตรา ปาเล็มบังเลย พระเจ้าอู่ทองในที่นี้ น่าจะต้องมีอำนาจปกครองครอบคลุมที่กล่าวมา ถ้าไล่ไทม์ไลน์ดูในยุคนั้นจะมี ชัยวรมัน7 อินทรวรมัน2 ชัยวรมัน8 แต่ถ้าหลุดมาอีกยุคก็คือเจ้านครอินทร์เลย

วิเคราะห์เรื่องพระเจ้าอู่ทอง (เริ่มแต่ต้น) ตละกูลที่ปกครองบ้านเมืองแถบนี้มีใหญ่ๆอยู่แค่2ตละกูล แล้วราชวงศ์ไหนขึ้นมาเป็นใหญ่สืบไปสืบมาก็ไม่พ้น2ตละกูลนี้คือ จันทรวงศ์กับสุริยวงศ์ 2ตละกูลนี้ดองกันมาเรื่อยๆ แล้วขยายอาณาเขตผ่านลูก/หลานไปปกครองตามเมืองต่างๆ จันทรวงศ์ต้นกำเนินมาจากพราหมณ์โกณฑัญญะ เดินทางมาจากอินเดีย มาอภิเษกกับนางโสมา เป็นคนพื้นถิ่นในตำนานโบราณบอกเป็นพญานาค คนพื้นถิ่นกัมโพช ตอนหลังมาเรียกใหม่ว่าสุริยวงศ์ แล้วก็ดองกันมาเรื่อยๆ ดีกันบ้าง ลูก/หลานทะเลาะแย่งชิงกันบ้าง ตั้งแต่รุทรวรมัน ภววรมัน พระเจ้าจิตรเสน เป็นลูกสนมบ้าง ไม่ใช่ลูกสนมบ้าง ลูกของน้องสาวบ้าง ทวงสิทธิ์อำนาจกันไปมา สายจันทรวงศ์คุมแถบชวา จามปา มาถึงกัมพูชา ญาติฝ่ายเดิมกับฝั่งจันทรวงศ์ก็แบ่งกันคุม เป็นเจนละบกและน้ำ มายุคชัยวรมัน2 กลับมาจากชวาประกาศเอกราช สถาปนาระบอบเทวะราชา ชัย2เป็นลูกครึ่ง จันทร+สุริยะ มาถึงอินทรวรมัน องค์นี้เป็นลูกของน้องสาวชัย2 พ่อของอินทรวรมันเป็นเหลน++ของรุทรวรมัน เท่ากับอินทรวรมันมีเชื้อ จันทร+อิน และอินทรวรมันนี้เองที่เป็นต้นสายกษัตริย์ทุกยุค ไปจนถึงอินทราชา รามาธิบดี ยกตัวอย่างกษัตริย์องค์สำคัญๆ สุริยวรมัน1 องค์นี้สายจันทรวงศ์ บิดาเป็นเจ้าเมืองนครศรีฯ ต้นตละกูลมาจากอินเดีย เจ้าเมืองขอมเกรงพระเดชานุภาพกษัตริย์นครฯ จึงส่งลูกสาวไปอภิเษกเจริญไมตรี จริงๆก็เป็นเครือญาติกันแหละ ลูกสาวกษัตริย์ขอมที่ไปอภิเษก เป็นหลานหรือเหลนของอินทรวรมัน สายสุริยวงศ์ บิดาของรามาธิบดีน่าจะเป็นหลานหรือเหลน+1 ของอินทรวรมัน2 แล้วผูกสายโดยอภิเษกกับสายปทุมสุริยวงศ์ ซึ่งมีเครือญาติอยู่ที่เมืองละโว้ด้วยกันทั้ง2ตละกูล หรือ ในกรณีที่ผูกสายกับอิน3 บิดาของรามาธิบดี อาจเป็นลูกคนที่2ของอินทรวรมัน3 หรือ ลูกคนที่2ของอินทรชัยวรมัน ผูกสายโดยการอภิเษกกับลูก/หลานของสายจันทรวงศ์ สุริยวรมัน1มีบิดาเป็นกษัตริย์เมืองตามพรลิงค์(นครศรีธรรมราช) บิดาของสุริยวรมัน1เทียบไทม์ไลน์แล้วตรงกับสมัยพระเจ้าพรหมมหาราช ราวปี พ.ศ.1555 - 1632 เป็นไปได้ที่พระเจ้าพรหม อาจมีลูก/หลานลงไปครองที่นครศรีธรรมราช แล้วกษัตริย์ขอมสายอินทรวรมัน ส่งลูกสาวมาอภิเษก มารดาสุริยวรมัน1เป็นหลานหรือเหลนของอินทรวรมัน1 สายจันทรวงศ์ มีอำนาจปกครองอยู่แถบละโว้ พิมาย ศรีเทพ โดยเฉพาะละโว้ญาติเพียบ ส่วนญาติอีกสายของสุริย1คือ สายปทุมวงศ์ กษัตริย์องค์สำคัญเช่น พระเจ้าศรีธรรมโศกฯพระเจ้าจันทรภาณุ ครองราชย์สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันจนถึงยุคของอินทรชัยวรมัน(โอรสอินทรวรมัน3) สายอินทร,จันทรวงศ์ กับสายปทุม+สุริยวงศ์จึงดองกัน แล้วมีโอรสนามว่า..👑👑พระรามาธิบดีที่1,พระเจ้าอู่ทอง ** ผู้สถาปนากรุงศรียุธยาครองราชย์ปี พ.ศ. 1893 - 1912** หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ รามาธิบดีเป็นสายจันทรวงศ์เดิม ที่มีศูนย์อำนาจ เครือญาติอยู่ทางละโว้ สืบสายดั้งเดิมมาตั้งแต่ สุริยวรมัน1 อาจจะแวะไปปกครองที่เพชรบุรีบ้าง อู่ทองบ้าง แล้วมาสถาปนากรุงศรีฯ ** ส่วนสายอินทรวรมันทั้งหลาย อาจเป็นต้นตละกูลของ อินทราชา,เจ้านครอินทร์ แล้วรามาธิบดี1มาดองโดยการอภิเษกกับเจ้าหญิงเมืองสุพรรณ(สายอินทร์) แบบนี้ก็เป็นไปได้ ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเครือญาติกันนั่นแหละ อินทรกับจันทรวงศ์ ดองกันไปจนถึงรามาธิบดีที่2

ชื่ออื่นๆ ของสายจันทรวงศ์ จากตำนานเมืองนครศรีธรรมราช พริบพรี

พระพนมทะเลศรีมเหนทราชาธิราชพระพนมไชยศิริพระกฤติสารพระอินทราชาพระเจ้าอู่ทองเจ้าสามพระเจ้าวรเชษฐ์

ชื่ออื่นๆของ กษัตริย์ผู้ครองอโยธยา ที่น่าจะเป็นเครือญาติของรามาธิบดี

อินทราชาขุนบรมพระเชษฐา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท