"ฟ้าคราม" ไปเที่ยวที่นา


"ฟ้าคราม" ไปเที่ยวที่นา

 

 

 

"ฟ้าคราม" ไปเที่ยวที่นา

 

 

วันมาฆบูชา ปีนี้ ย่าได้ไปหาเจ้าฟ้าครามเพียงครึ่งวันเอง

เหตุเพราะย่าต้องคอยรับ "ลุงภัคร" ซึ่งกลับมาจาก กทม.

ที่ท่ารถ เกือบ ๔ ทุ่มครึ่ง ของวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕

ที่ท่ารถ แถมความใจบุญของลุงภัคร ในตอนเช้าไปทำบุญ

ที่วัดจันทร์ตะวันตกอีก (บอกว่าพระอาจารย์อุบาลีออกนิโรธ)

กว่าที่ย่าจะไปหาหนูที่พรหมพิรามก็เกือบ บ่ายโมงพอดี...

 

 

ย่าไปรับหนูที่บ้านยาย พอเอามาที่บ้านปู่เร อาบน้ำให้เสร็จ

เจ้าก็หลับปุ๋ยไปเลย...โดยที่ย่าเอาเจ้าหลับบนเปล ซึ่งเจ้า

นอนหลับไปชั่วโมงกว่า ๆ...และก็ทำให้ย่าหลับไปพร้อม ๆ

กับเจ้า สะดุ้งตื่นกันอีกที เสียงรถโฆษณาดังมาก ทำให้เจ้า

กับย่าต้องตื่นขึ้นมา...เพราะบ้านปู่เรอยู่ใกล้ถนนนั่นเอง...

 

 

ในตอนเย็น ๆ ย่าชวนพ่อเพรียง + แม่อ้อม + ลุงภัคร +

เจ้าฟ้าคราม โดยขี่รถมอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวที่นากัน ตอนแรก

ย่าว่าจะเอารถยนต์ไป...แต่ลุงภัคร บอกว่า ขี้เกียจเดินลงไป

ที่นาเพราะมันไกล ลุงภัคร ให้เอารถมอเตอร์ไซด์ไปดีกว่า...

เพราะสามารถไปได้ถึงที่นาเลย ไม่ต้องเดินให้เมื่อย...

 

 

ตกลงพวกเราก็เอารถมอเตอร์ไซด์ไปกัน โดยมีย่าอุ้ม

เจ้าฟ้าครามไปกับลุงภัคร และพ่อเพรียง + แม่อ้อม อีก ๑ คัน

รวมเป็น ๒ คัน...เจ้าฟ้าครามชอบดูนกบินในท้องฟ้า

เมื่อเห็นนกแล้วเจ้าก็ยิ้ม เพราะอยู่ที่บ้านย่าเจ้าก็ชอบมองดู

นกบินไปบินมา...

 

 

พอมาถึงนา อากาศร้อนนิดหนึ่ง เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ทัน

ตกดิน...ดูแล้วเจ้าชอบมากเพราะอาการของเจ้าพ่อเพรียง

บอกว่า "พาไอ้ฟ้าฯ มาเที่ยวนาบ่อย ๆ"...

ย่าจำได้ว่า...เมื่อตอนย่าเป็นเด็ก ๆ พ่อ - แม่ ของย่าก็พาย่า

และย่าหมูมานาบ่อย ๆ โดยมาพักในเพิงที่พักที่พ่อของย่า

ทำขึ้นเพื่อให้เป็นที่พักสำหรับย่าและย่าหมูได้พักและนอนเล่น

กันจะได้ไม่ร้อนแดด...

 

 

สำหรับย่าก็เช่นกัน ฝึกให้เจ้าฟ้าครามได้คุ้นชินกับธรรมชาติ

กับถิ่นกำเนิด เผื่อโตขึ้นเจ้าจะได้ผูกพันกับวิถีชีวิตธรรมชาติ

ซึ่งหาดูไม่ได้นักสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในเมือง...

หรือความเจริญ...ในสมัยก่อน พ่อของย่าจะทำนาปีกัน

แต่มาปัจจุบันทางการสั่งให้ทำนาปีละ ๒ ครั้ง เลยกลายเป็น

"นาปรัง" ไม่ใช่ "นาปี" เช่นแต่ก่อนแล้ว...

 

 

วันมาฆบูชาปีนี้ พวกเราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา...

ครบทุกคน...

 

 

นาผืนนี้ เป็นนาที่อุดมสมบูรณ์มากเพราะเป็นทางต้นน้ำผ่าน

และการหยุดของน้ำก็ทีหลัง เรียกว่า

"เป็นทางน้ำเข้า - ออก"...

 

 

คนที่เคยขอเช่านาทำ เคยบอกว่า จะขึ้นค่าเช่าอีกก็ได้

แต่ขอให้เขาได้ทำนาผืนนี้...

 

 

ถ้าน้องเพรียงไม่ทำนา ครอบครัวเราก็คงให้เขาเช่านาอีก

แต่เมื่อน้องเพรียง (พ่อของเจ้าฟ้าคราม) ตัดสินใจขอทำนา

เอง พวกเราก็ต้องลงมาดูแลนาเอง...ก็เลยงดให้เขาเช่านา...

 

 

สำหรับวันมาฆบูชาปีนี้  น้องเพรียงบอกว่า...เมื่อ ๒-๓ วัน

ที่แล้วได้ถ่ายรูปนาข้าวให้แม่ไป แต่ออกรวงยังไม่มาก

ดูได้จากที่นี่..."จดหมายถึงลูก "ภัคร + เพรียง" ฉบับที่ ๕"

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/480959

แต่วันนี้ ข้าวเริ่มออกรวงมากแล้ว...ซึ่งเร็วมาก...

 

 

ย่าถามแม่อ้อมว่า...จะเกี่ยวได้ประมาณเมื่อไร...

แม่อ้อมตอบย่าว่า...คงประมาณต้น ๆ เดือนเมษายน ๒๕๕๕...

 

 

ขอบเขตนาของเจ้าฟ้าครามก็อยู่ที่ต้นไม้ริบ ๆ โน่น

รวมแล้วประมาณ ๕๐ ไร่...ย่ายังอดนึกขำไม่ได้ว่า...

แต่ก่อน ปู่เรจะซื้อไว้ราคาประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ กว่าบาท/

๒๐ ไร่...แต่ตอนนี้เขาขายกันประมาณ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท

(อะไรมันจะได้ราคาขนาดนั้น...ห่างกันเพียง ๒๐ กว่าปีเอง)

 

 

ปู่เรสั่งลูก ๆ โดยสั่งนักสั่งหนาว่า..."อย่าได้ขายผืนนานี้

เด็ดขาด...เพราะมันจะทำรายได้ให้กับเจ้าไปตลอดชีวิต"...

 

 

นี่ก็เป็นบ่อล่อปลา หรือ สระที่ตาทวดได้จ้างรถขุดไว้เมื่อตอน

ตาทวดยังเดินได้อยู่...เพราะบ่อจะอยู่ติดกับคลองใหญ่

ซึ่งสามารถปล่อยน้ำเข้ามายังบ่อนี้ได้ เมื่อน้ำขึ้นปลาก็จะมา

ตามน้ำที่ไหลเข้ามาในบ่อ...

 

 

พอน้ำเต็มบ่อ ปลาก็จะอาศัยอยู่ในบ่อนี้ เมื่อได้เวลาปู่เรก็จะ

ไปหากิ่งไม้ + ผักตบชวา นำมาใส่ในบ่อเพื่อให้ปลาได้มี

อาหารกิน...บ่อแบบนี้ พวกเราจะเรียกว่า "บ่อล่อปลา"

แต่ขอบอกว่า "ตกกลางคืนก็จะต้องไปนอนเฝ้าบ่อด้วย

เพราะไม่เช่นนั้นจะมีพวกมือดีหรือแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

แอบมาช๊อตปลาในบ่อนี้...

 

 

สำหรับปีนี้ ปลาช่อนชุมมาก ๆ ตัวละ ๒ - ๓ กิโลกรัมเลย

รู้สึกว่าจะเป็นปีแรกที่ปลาช่อนตัวโตมาก ๆ เพราะทุก ๆ

ปีที่แล้วมา ปลาช่อนตัวเล็กนิดเดียว ย่ายังคิดว่าปลาช่อน

ตัวใหญ่สูญพันธ์ไปเสียแล้ว...แต่เมื่อปีที่แล้วน้ำท่วม

จึงอาจเป็นผลทำให้ปลาช่อนปีนี้ตัวโตมาก ๆ...แถมเนื้อปลา

ก็หวานมาก ๆ ยิ่งทำปลานึ่งด้วยแล้ว...น่ากินมาก ๆ...

อร่อยอย่าบอกใครเชียว...ไม่ต้องไปซื้อปลากินเลย...

 

 

และนี่ก็คือ "การสูบน้ำเข้านาเพื่อให้น้ำได้อยู่ในนา และการ

เจริญเติบโตของต้นข้าว..."

 

 

ย่ากับลุงภัคร คุยกับปู่เรอยู่จนเกือบ ๓ ทุ่ม ก็เลยต้องขอกลับ

บ้านที่พิษณุโลกกันก่อน เพราะย่าต้องไปส่งลุงภัคร

กลับ กทม.ในตอนเช้า เพราะลุงภัครต้องไปเรียนต่อก่อน...

ลุงภัคร บอกว่า...จะกลับมาบ้านอีกครั้งก็ประมาณ

เดือนเมษายน เมื่อสอบเสร็จแล้ว...

นี่คือ...วิถีชีวิตของครอบครัวเรา...ที่อยู่อย่างมีความสุข +

ความอบอุ่นที่พวกเรามีให้ต่อกันสำหรับชีวิตครอบครัว...

 

 

อ่านเรื่องเล่าของ "ฟ้าคราม" ตั้งแต่แรกเกิดและพัฒนาการ...

ได้จากที่นี่...เรื่องเล่าของ "ฟ้าคราม"

 

 

หมายเลขบันทึก: 481392เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2012 21:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2013 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะ คุณธนา...Ico24

ปรากฏว่า ฟ้าคราม หลับอยู่ใต้ฟ้าครามนั้นเอง

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ ท่าน ผศ.โสภณ...Ico48
  • เจ้าฟ้าคราม เล่นมากเกินไป เลยหลับไม่รู้เรื่องเลยจ้า...

นางเอกของเรามาเป็นน้องนางบ้านนาแล้ว..เค้าหน้าเหมือนคุณย่านะคะ

  • ขอบคุณค่ะ พี่นงนาท Ico48
  • เจ้าฟ้าคราม เป็นขวัญใจของบ้านทุ่งไปแล้วค่ะ มีหลายคนทักเหมือนกันว่า เจ้าฟ้าคราม หน้าตาเหมือนน้อง คงกลัวว่าย่าจะไม่รักกระมังค่ะ คริ ๆ ๆ...
  • ตอนนี้ร้ายมาก ๆ ชอบกรี๊ดเสียงใส่คนโน้นคนนี้ค่ะ แล้วหัวเราะชอบใจให้เขาอีกค่ะ
  • พอเจ้าฟ้าครามโตขึ้น ย่าจะบอกว่า คุณย่านงนาท ตั้งฌายานามให้หนูเป็น "น้องนางบ้านนา" ค่ะ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
  • และขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจด้วยค่ะ
  • ขอบคุณคุณปริม Ico24 ที่แวะมาให้ดอกไม้กำลังใจค่ะ

น้องฟ้าครามโตไวมาก แต่ สำเนาถูกต้องจริงๆๆด้วย หน้าเหมือนใครหนอ

  • ขอบคุณค่ะ ดร.ขจิต Ico48
  • ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจด้วยค่ะ
  • มีแต่คนบอกว่า..."ฟ้าคราม หน้าเหมือนย่าจ้า"...คริ ๆ ๆ
  • แปลกค่ะ สงสัยเจ้าฟ้าครามกลัวว่าย่าจะไม่รักกระมังค่ะ...เลยสำเนาแบบถูกต้องมาเป๊ะเลยค่ะ...
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท