สวัสดีค่ะทุกท่าน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (๔ มีนาคม ๒๕๕๕) หนึ่งมาทำงานเวรเช้า ระหว่าง round ward ช่วงเช้า สังเกตเห็นผู้ป่วยรายนึงกำลังขมักเขม้นก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุด นั่งเขียนอยู่ข้างเตียง และหันมาสบตากับหนึ่งพอดี๊พอดี ^^ สายตาผู้ป่วยมองมาเหมือนบอกว่าให้หนึ่งเดินเข้ามาคุยด้วยหน่อย หนึ่งเดินเข้ามาทักทายผู้ป่วยรายนี้ ผู้ป่วยก็ยิ้มแย้มทักทายหนึ่งพร้อมทั้งเล่าให้หนึ่งฟังว่า "ผมชอบเขียนไดอารี่ครับคุณหมอ(จริงๆเป็นคุณพยาบาลนะคะ อิอิ)" หนึ่งชวนคุยเกี่ยวกับอาการในตอนนี้ว่าเป็นไงบ้าง
ผู้ป่วยส่งไดอารี่เล่มนั้นให้หนึ่งอ่าน ผู้ป่วยบอกว่าไม่มีความลับอะไรอยากให้หมออ่าน หนึ่งจึงเปิดอ่านคร่าวๆ เนื้อหาข้างในเป็นไดอารี่ที่เขียนความรู้สึก เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเจ็บป่วยทั้งทางกายและใจ และการจัดการกับอาการนั้นๆของผู้ป่วยรายนี้ค่ะ หนึ่งเห็นว่าบางช่วงบางตอนของไดอารี่เล่มนี้น่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยอีกหลายๆรายจึงขออนุญาตผู้ป่วยนำมาเผยแพร่เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ ผู้ป่วยบอกว่ายินดีมากๆและอนุญาตให้นำภาพและเรื่องราวทั้งหมดมาเผยแพร่ได้ ผู้ป่วยอยากแบ่งปันเรื่องราว ประสบการณ์ตรงที่เจอเองกับตัว ให้ผู้อื่นที่อาจกำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆกันนี้มีกำลังใจ และสู้ต่อไปค่ะ ลองติดตามเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของผู้ป่วยรายนี้ดูนะคะ
ผู้ป่วยชายไทย อายุ ๕๐ ปี อาชีพ ช่างแต่งสีรถยนต์
ตอนที่๑ เริ่มป่วย
ผมเริ่มป่วยเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔ อาการเริ่มจาก มีไข้เล็กน้อย เหนื่อยง่าย อาการเริ่มหนักขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๔ เป็นไข้หนัก แต่ก็ทนฝืนทำงาน ไปฉีดยาที่คลินิก ๓ ครั้ง อารไม่ดีขึ้น ปลายเดือนกันยายน อาการไข้ไม่หาย และปวดขามากขึ้นฉีดยาที่คลินิก พอหมดฤทธิ์ยาก็เป็นหนักอีก
๒๘ กันยายน ๒๕๕๔
ไปพบหมอที่คลินิก เอ็กซ์เรย์ปอด หมอบอกว่าปอดข้างขวาหายไปครึ่งหนึ่ง หมอส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเลย กว่าจะได้ขึ้นตึกก็แทบตาย หมอโรงพยาบาล ตรวจเสมหะ เจาะน้ำปอดไปตรวจ เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หมอบอกว่าพบก้อนที่ปอด อาจหมายความได้ว่า ๑.อาจเป็นวัณโรค และ ๒.อาจเป็นมะเร็ง นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลย ๔ คืน ส่งตัวไปศูนย์มะเร็งอุดร
๒ ตุลาคม ๒๕๕๔
หมอที่ศูนย์มะเร็งอุดรธานี เอ็กซเรย์ อัลตร้าซาวน์ เจาะน้ำจากปอดไปตรวจ ช่วงนี้ทุลักทุเลมาก หมอส่งตรวจส่องกล้องคอที่โรงพยาบาลอุดรธานี ส่งตรวจสแกนกระดูกที่โรงพยาบาลศรีนคริทร์ ขอนแก่น และนัดฟังผลทั้งหมดวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔
๗ ตุลาคม ๒๕๕๔
ฟังผลตรวจ หมอบอกว่า "เป็นมะเร็งระยะที่ ๔" จะรักษาโดยการให้ยาเคมีบำบัด ๖ ครั้ง เริ่มครั้งแรกวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔
"พอรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ถามว่า ตกใจ เสียใจมั้ย ขอตอบว่า "ไม่" เพราะ "ทำใจ" ล่วงหน้าพอสมควร คือได้ฟังธรรมะจากวิทยุตลอดช่วง ๔-๕ ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ทำใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะร่างกายอยู่ในกฏไตรลักษณ์ คือ
อีกนัยหนึ่ง "ไม่มีอะไรจะยึดจะถือได้แม้ร่างกายเราเอง" ชาตะ มรณะ ย่อมเกิดกับทุกชีวิตอย่างแน่นอน
ขอจบตอนที่ี ๑ เริ่มป่วย เอาไว้ตรงนี้ก่อนนะคะ
ขอขอบคุณ
ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนไดอารี่และคนนำมาเผยแผ่ ครับ
ขอบคุณค่ะคุณ พ.แจ่มจำรัส
เอ...ตอนสุดท้าย จะเป็นอย่างไร หนอ
สวัสดีค่ะคุณแว่นธรรมทอง
มีอีกหลายตอนเลยค่ะ^^