ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์ รวมถึงจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติมจากเครื่องดื่มมีกาเฟอีน อันได้แก่ ชา กาแฟ รายการหลังนี้ดูจะเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมากกว่า เพราะคนไทยส่วนใหญ่บริโภคกันไม่มากก็น้อย
ภาษีสรรพสามิตนั้นจะจัดเก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการเฉพาะอย่าง ส่วนหนึ่งก็คือสินค้าบาป จึงเรียกได้ว่าเป็น “ภาษีบาป” ซึ่งอธิบายง่ายๆ คือ ภาษีที่จัดเก็บจากการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น เหล้า บุหรี่ เพื่อลดการบริโภคสินค้าชนิดนั้นๆ ถ้าถามว่า เมื่อการบริโภคสินค้าบาปลดลง รายได้จากภาษีก็จะลดลงไปด้วย แล้วรัฐบาลจะมีปัญหาการคลังหรือไม่ ก็ตอบว่า แม้รายได้จากภาษีจะลดลง แต่รายจ่ายจากการรักษาพยาบาลและความเสียหายอื่นๆ ที่มากกว่ารายได้จากภาษีนั้นก็จะลดลงด้วย ดังนั้น ภาษีบาปเป็นเครื่องมือปรับพฤติกรรมการบริโภคอย่างหนึ่ง
เท่าที่ติดตามข่าว มีคนออกมาไม่เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีชา กาแฟกันหลายคน เมื่อพวกเราไม่เคยคิดว่าชา กาแฟ เป็นสินค้าบาป แล้วเคยคิดหรือไม่ว่า “ช็อคโกแลต” ก็จะเป็นสินค้าบาปด้วย!!!
ในการประชุมประจำปีคณะกรรมการการแพทย์ท้องถิ่นสก็อตแลนด์ของสมาคมแพทย์อังกฤษ (British Medical Association) นายแพทย์ David Walker แพทย์เวชปฎิบัติทั่วไปและนักโภชนาการ ได้เสนอให้จัดเก็บภาษีช็อคโคแลต เพื่อจัดการกับปัญหาโรคอ้วน เขากล่าวว่า “ช็อคโกแลตไม่ได้เป็นของขวัญพิเศษอีกแล้ว ช็อคโกแลตเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความดันโลหิตสูง”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “คนจำนวนมากกินช็อคโกแลตเท่ากับครึ่งหนึ่งของปริมาณแคลอรีจากอาหารที่ควรได้รับต่อวัน เมื่อนั่งกินไปดูละครทีวีไป ผลเสียของ fast food และ junk food ได้ถูกพูดถึงกันมาก แต่ช็อคโกแลตนั้นยังน้อยอยู่” นายแพทย์คนนี้ระบุอีกว่า “หลังจากกินช็อคโกแลต 225 กรัม 1 ถุง จะต้องเดินออกกำลังกายต่อเนื่องถึง 3 ชั่วโมง กว่าจะเผาผลาญแคลลอรีได้หมด”
ข้อเสนอของเขาได้ถูกคัดค้านจากเพื่อนร่วมวิชาชีพและสมาพันธ์อาหารและเครื่องดื่ม ว่าจะทำให้เงินในกระเป๋าลดลงมากกว่ารอบเอวลดลและยังทำให้ผู้มีรายได้น้อยเดือดร้อน ในขณะที่รัฐก็จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากช็อคโกแลตอยู่แล้ว “ภาษีอ้วน (Fat Tax)” ไม่อาจช่วยแก้ไขปัญหาได้ การศึกษาข้อมูลที่ดีต่างหากที่จะทำให้คนเลือกบริโภคอาหารได้อย่างถูกต้อง
แล้วพวกเราคิดอย่างไรกับภาษีอ้วนนี้???
(เขียนเรื่องเมืองผู้ดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับที่วันที่ 28 มีนาคม 2552)
ไม่มีความเห็น