ตามรายงานข่าวของ BBC โรคอ้วนถือเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของประเทศอังกฤษ จากการคาดการณ์พบว่า ในปี ค.ศ. 2050 หรืออีก 41 ปี คนอังกฤษกว่าร้อยละ 60 จะเป็นโรคอ้วน ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจน National Health Service ต้องเสียค่าใช้จ่ายถึง 4,200 ล้านปอนด์ต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี ค.ศ. 2050 นอกจากนี้ ตามสถิติยังพบว่า 9 ใน 10 ของเด็กอายุ 7 ถึง 14 ปี ดื่มน้ำอัดลม และร้อยละ 34 ของเด็กอายุ 11 ถึง 16 ปีรับประทานช็อคโกแลตอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
เพื่อจัดการกับปัญหาโรคอ้วน ภายในปี ค.ศ. 2012 Food Standard Agency (FSA) จะกำหนดให้ขนมที่มีส่วนประกอบของช็อคโกแลตมีขนาดไม่เกิน 50 กรัม และลดไขมันอิ่มตัวลงร้อยละ 10 ขณะที่แท่งช็อคโกแลตต้องมีขนาดไม่เกิน 40 กรัม ส่วนกระป๋องน้ำอัดลมมีขนาดลดลงจาก 330 มิลลิลิตร เหลือ 250 มิลลิลิตร สำหรับเครื่องดื่มและน้ำผลไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลต้องมีขนาดไม่เกิน 250 มิลลิลิตร นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้ผู้ผลิตลดปริมาณไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลในขนมปัง เค้ก ขนมอบกรอบ ลูกกวาด และเครื่องดื่มต่างๆ โดยสมัครใจอีกด้วย
อย่างไรก็ดี มีผู้แสดงความเห็นว่า ความพยายามนี้จะไม่เป็นผล เนื่องจากผู้บริโภคจะซื้อขนมต่างๆ มากขึ้น หากไม่ได้ปริมาณช็อคโกแลตหรือน้ำตาลเท่าที่ต้องการ แต่ผู้แทนจาก FSA ก็อธิบายว่า ความพยายามนี้จะทำให้ผู้บริโภคเลือกบริโภคเพื่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการคัดค้านว่า เป็นความพยายามที่มุ่งเน้นการบริโภคอาหารบางชนิดมากกว่าการบริโภคโดยรวม และยังเพิ่มต้นทุนให้แก่ผู้ผลิตที่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจนี้
(เขียนเรื่องเมืองผู้ดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 1 สิงหาคม 2552)
ไม่มีความเห็น