เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา บริษัท Avaya ประจำประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยรายงานเรื่อง Flexible Working 2009 ซึ่งได้ว่าจ้างให้บริษัท Dynamic Market ทำวิจัยเกี่ยวกับผลของการกำหนดเวลาและสถานที่ทำงานแบบยืดหยุ่น ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนระบุว่า จากการสุ่มตัวอย่างคนอังกฤษประมาณ 1,000 คนนั้น คนลอนดอนใช้เวลา 46 วันต่อปีเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านและที่ทำงาน หรือคิดเป็น 85 นาทีต่อวัน มากกว่าคนเมืองอื่นๆ ในประเทศอังกฤษประมาณ 20 นาที และมากกว่าค่าเฉลี่ยของยุโรปซึ่งเท่ากับ 70 นาทีต่อวัน
รายงานฉบับนี้มุ่งนำเสนอประโยชน์ของการกำหนดเวลาทำงานแบบยืดหยุ่นคือ การอนุญาตให้ลูกจ้างเลือกเวลาทำงานได้เองมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับน้อยลง เวลาที่ไม่ต้องเสียไปในการเดินทางนี้ก็อาจเป็นเวลาที่ลูกจ้างได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ส่งผลให้ทำงานอย่างมีความสุขขึ้นและรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้ดีขึ้น อันหมายถึงประสิทธิภาพของการทำงานที่ย่อมเพิ่มขึ้นตามมาด้วย
ในบ้านเราอาจยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง แต่ก็คงทราบกันดีว่า เราต้องเสียเวลาในการเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านและที่ทำงานน่าจะมากกว่า 85 นาทีต่อวัน เนื่องจากการจราจรที่ติดขัดและระบบขนส่งมวลชนที่ไม่มีประสิทธิภาพ กรุงลอนดอนเป็นมหานครหนึ่งที่มีระบบขนส่งมวลชนดีเยี่ยม จึงเริ่มมีการศึกษาเกี่ยวกับการอนุญาตให้ลูกจ้างเลือกเวลาทำงานได้ยืดหยุ่นขึ้น ขณะที่บ้านเราควรเร่งพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นลำดับแรกๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ระบบหนึ่งที่คิดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับรัฐบาลไทยคือ Oyster Card ของ Transport for London (TFL) ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนของกรุงลอนดอนที่บัตรเดียวครอบคลุมทั้งรถไฟใต้ดินและรถประจำทาง โดยนอกจากเติมเงิน ยังอาจเลือกซื้อตั๋วเดือนและตั๋วโดยสารประเภทอื่นๆ แล้วบันทึกข้อมูลลงในบัตรได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อรัฐบาลกำลังพิจารณาเช่ารถประจำทางใหม่และสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายสายก็น่าจะนำตัวอย่างที่ดีจากต่างประเทศไปพิจารณาประกอบกันด้วย การลงทุนจะได้มีความคุ้มค่าสูงขึ้นในระยะยาว
(เขียนเรื่องเมืองผู้ดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 23 พฤษภาคม 2552)
ไม่มีความเห็น