นรจ.ทร.๐๙ - ๒


โตนี่ - ฟาง. GotoKnow.

* อีกสามเหล่าที่เหลือนี้ถือได้ว่า..เป็นหัวใจในการเดินเรือทีเดียวระหว่างรับราชการถ้ามีโอกาสได้ทุนกองทัพเรือไปศึกษาและดูงานกับทร.อเมริกันที่เกรทเลคล่ะก็..กลับมาอาจมีบริษัทที่ทำธุรกิจสื่อสารมาซื้อตัวก็ได้ เคยมีเพื่อนรุ่นพี่ของผู้เขียนกลับมาถึง ทางบริษัทมาซื้อตัวและใช้ทุนให้กองทัพเรือหรือไม่ก็ไปหาเอาเองใกล้ๆเช่นที่การบินไทย..ยังไงๆเขาก็อ้าแขนรับอยู่แล้วอยากแนะนำว่าควรหาประสบการในกองทัพเสียก่อน.อย่างน้อย..ให้อายุราชการมากขึ้นสักนิดเพราะจะมีผลตอนคำนวณเงินบำนาญ..

 

 

๘.เหล่าอีเล็คทรอนิค. คล้ายกับเหล่าสื่อสาร..

๙.เหล่าเรด้าร์.เหล่านี้ต้องทำงานในเรือเท่านั้น !

๑๐.เหล่าทัศนสัญญาน.ปัจจุบันนี้น่าจะมีการใช้น้อยมากอีกหน่อยคงจะเลิกไปเองเช่นโทรเลขเพราะหลายอย่างสะดวกรวดเร็วกว่า..กว่าจะหาธงมาตีได้..ข้าศึกส่งแมสเซสจบข้อความไปแล้ว..

๑๔.สถานที่ฝึกการใช้เรือกรรเชียงในยุคปัจจุบัน..

* ที่กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ก่อนทำการสมัครสอบเข้ามาเป็นนักเรียนจ่านั้นแต่ละเหล่าจะมีภาพและกิจกรรมต่างๆมาติดไว้ให้ชมเพื่อให้ผู้สมัครได้เลือกว่าตัวเองต้องการจะมาเป็นนักเรียนเหล่าไหน? ผู้เขียนเองเลือกเหล่าทหารขนส่งเพราะคิดว่าถ้าต้องออกจากราชการจะสามารถนำไปประกอบอาชีพได้โดยไม่รู้ว่าจะต้องฝึกหนักเพราะเผอิญไปตรงกับขนส่งนย.เข้า.หลายคนตอนเป็นวัยรุ่นจบระดับมัธยมมาใหม่ๆจึงเลือกเหล่าทหารราบ.เพราะดูแล้วบู๊ดีครับ ต่อมาพอมาพบความจริงว่าที่นย.นั้นฝึกหนักจึงได้เปลี่ยนเหล่ากันไปหลายคน..คงกลัวจะรากเลือดเป็นแน่!พอมาเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธินแล้วพบว่า.เป็นเช่นนั้นจริงๆ..เอี้ย-เอี้ย- เอี้ย.เพื่อนหลายคนโชคดีที่เปลี่ยนเหล่าไปเสียก่อน แถมหลายคนได้เลื่อนยศสูงขึ้นกว่าที่นย.เสียอีก.ที่นย.นี้ไม่มีอัตราขยายได้มากเท่ากับที่กองทัพเรือต่อมาหลายๆคนจึงลาออกกันเพราะมีที่ไปบ้าง มีเงินและยศล่อใจบ้าง..หลายคนเกาะสมออยู่จนถึงนาทีสุดท้าย. ช่วงนั้นบางคนหลับไปแล้วบางคนยังไม่หลับ ใครหลับก่อนอาจจะตกใจตื่นเพราะยังไม่เคยชิน.เมื่อนายทหารยามมาถึงกองร้อย. ยามจะต้องวิ่งมารายงานตัวทุกครั้ง. พลทหารหรือนักเรียนจ่าที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ยามกองร้อยหรือยามบนอาคาร.เมื่อนายทหารยามเดินเข้ามาในระยะสายตา ยามจะต้องวิ่งมาหยุดตรงหน้า.ห่างประมาณ ๓ก้าว. แล้วรายงานตัวด้วยเสียงดังฟังชัด..มิฉะนั้นอาจถูกทำโทษหลังการรายงานตัวจบ.

๑๕.ทหารเรือไทยมักจะมีอยู่ทุกแห่งในโลกกว้าง. -หนุ่มกร.เองครับ.

คำรายงานก็คือ..“ นักเรียนจ่า สมศักดิ์บุญมงคล ช.บ.๕๖๙ ได้รับมอบหน้าที่เป็นยามบนอาคาร ตั้งแต่เวลา ๒๐๐๐ น.มาจนบัดนี้เหตุการณ์ปกติ “ ตั้งแต่เป็นนักเรียนจ่าจนจบมารับราชการ ยังไม่เคยได้ยินยามคนใดรายงานว่า.เหตุการณ์ไม่ปกติเลยสักครั้ง.แปลกแต่จริง.เป็นอันว่าหมดไปอีกหนึ่งวัน จนกว่าจะเริ่มวันใหม่ด้วยเสียงแตรปลุกจากลำโพงตัวเดิม.วันหยุดต่างๆถ้าไม่มีการปล่อยไปนอกกรมกอง.มักจะมีการจัดให้ทหารและนักเรียนจ่าได้ออกกำลังด้วยการไปพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ.ไม่พ้นการฟันป่าฟันหญ้าเก็บกวาดในพื้นที่ต่างๆ.ถ้ามีการปล่อยก็จะปล่อยให้นักเรียนไปร้านค้าตามปกติหรือให้ทำงานส่วนตัว.ใครมีความจำเป็นจะต้องออกไปนอกกรมกอง.ก็ให้มาขออนุญาตจ่าเวรหรือนายทหารยามเป็นรายๆไป.ภาษาทหารเรียกว่าขออนุญาตลายี่สิบสี่.คือ.*การลาไปทำธุรส่วนตัวไม่เกิน ๒๔ช.ม.ระหว่างที่ขออนุญาตห้ามไปเกินเขตจังหวัดเช่นรร.พลทหารขึ้นอยู่กับชลบุรีดังนั้นผู้ที่ขออนุญาตลาห้ามออกนอกเขตจังหวัดชลบุรีโดยเด็ดขาด ที่ห้ามเพราะถ้าไปแล้วยังไงๆก็จะกลับกรมกองไม่ทัน ปัญหาการลา-ขาด-หนีก็จะตามหลังมา นายทหารยามหรือผู้ที่อนุญาตคงต้องปวดหัวอีกซีกเป็นแน่..มีพื้นที่แห่งหนึ่งที่นักเรียนจ่าและพลทหาร.มักจะใช้เป็นสถานที่ประลองความสามารถคือ.การแอบหนีไปเที่ยวบนภูเขาซึ่งไม่ไกลจากอาคารทหารมากนัก..ภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาที่สูงพอสมควรถ้ามาจากตลาดสัตหีบหรืออยู่แถวบางเสร่จะมองเห็นได้แต่ไกล.ชื่อว่าเขาช้างหมอบ.

๑๖.ป้ายรร.ชุมพลทหารเรือ. -ที่เนินมะค่า. ปี ๒๕๐๙. ขอบคุณภาพจากน.อ.ทวีศักดิ์ส.

ผมเองเคยแอบปีนขึ้นไปกับเพื่อนๆหลายครั้ง.ประทับใจที่สุดในครั้งแรกเพราะเกิดมายังไม่เคยพบหรือเห็นทะเลมาก่อน พอมาเห็นทะเลจริงๆจึงประหลาดใจและประทับใจมากสามารถมองเห็นเรืออยู่ลิบๆ..สุดระยะสายตาท้องฟ้าครึ้มๆยิ่งดูแล้วยิ่งน่ากลัวครับ. มีคนเล่าว่ามีนักเรียนที่มาจากภาคอิสาน..พอเห็นทะเลครั้งแรกพี่แกลืมตัวครับโพล่งออกมาด้วยเสียงดังว่า.ฮ่วย !บึงอันหยั๋งหว่า บ่มีจอกมีแหน ?ก้วงใหญ่อีกต่างหาก. ถ้าใส่สระอาแล้วจะออกเสียงแบบนั้นบ่ได้.แม่นบ่? สมัยนั้นถ้าใครมีโอกาสขึ้นไปบนเขาช้างหมอบจะมองเห็นรร.ชุมพลทหารเรืออยู่ไกลลิบๆและยังจะพบเห็นรอยเท้าหมีอยู่บ้าง.สัตว์ป่าก็ยังพอมีบ้างเคยมีทหารที่หนีไปเที่ยวบนนั้นถูกปืนผูกยิงเข้าที่บริเวณเท้าบ้าง..ลำตัวบ้าง. ต้องส่งร.พ.สิครับ.แม้ผู้เขียนเองและเพื่อนๆเคยแอบขึ้นไปด้วยแต่..ก็ยังรอดกลับมาอย่างปลอดภัย.เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน.อ้าว ! ครบสามเดือนแล้วและเราจะต้องแยกย้ายกัน. ยังไม่จบเลย. ก่อนจบการฝึกจะเป็นการเข้าแถวเพื่อเดินสวนสนาม ให้ผู้รับการตรวจเห็นว่า..ครูฝึกที่กินเงินเดือนหลวงนั้นมีผลงานเข้าตากรรมการหรือไม่?ถ้าไม่มีผลงานก็จะได้ย้ายไปให้ไกลหน่วยเสียเลย.ข้าราชการทั้งจ่าและพันจ่าที่นี่ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากจะย้ายไปจากขุมทรัพย์แห่งนี้เลย.จริงๆครับ.เพราะข้าราชการและครอบครัวที่รร.พลทหารนี้ สามารถขายอาหาร ขนม และซักรีดรวมทั้งตัดชุดทหารหรือชุดนักเรียนจ่า.สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเพราะ..นักเรียนส่วนใหญ่พวกที่มีเงินหรือจมไม่ลง.จะออกไปใช้บริการที่ร้านค้า.หลังเวลาอาหารเย็น. เดินคุยกันบ้างเดินไปหาเพื่อนต่างอาคารบ้าง.ก่อนที่จะกลับมาแถวทุ่ม.๑๙๐๐น. ที่รร.พลทหารนี้นร.ทุกคนต้องใช้ชีวิตที่ซ้ำซาก วนเวียนแบบนี้ไปตลอดสามเดือน.พอจบภาคสาธารณะแล้ว มีนักเรียนที่ต้องย้ายเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯคือนักเรียนจ่าเหล่าแพทย์ทหารเรือ.มีรถจากกองขส.ทร.มารับอย่างโก้หรู.  

๑๗.ทร.ไทยคนละหลักสูตรและคนละเวลา-ที่สถาบันภาษาลั๊คแลนด์ เท๊กซัส ปี๒๕๒๔.

 

*นักเรียนจ่าทหารเรือ ทร.๐๙.ชั้นปีที่๑.                  

นอกนั้นนักเรียนทุกเหล่า..ต้องย้ายไปเรียนที่รร.ชุมพลทหารเรือ.มีรถของรร.พลทหารรับไปส่งบ้าง รถจากรร.ชุมพลทหารเรือมารับบ้าง.รถวิ่งผ่านป้อมยามของเนินมะค่าเข้าไปที่รร.ชุมพลทหารเรือระยะทางประมาณ๒ก.ม.แม้ค่อนข้างพะรุงพะรังไปหน่อยเพราะต้องขนสัมภาระไปเอง.พอมาถึงหน้าลานของรร.ชุมพลฯเราต้องถูกรุ่นพี่ควดอย่างเอาจริงเอาจัง.พี่แกคงคิดแก้แค้นเอากับรุ่นน้องเพราะตอนเป็นนรจ.ปี๑ คงถูกรุ่นพี่ควดมาก่อนแล้ว.ดีว่าไม่ถึงกับกระทืบกันตายอย่างที่เป็นข่าว. ตามสื่อต่างๆ..ยินดีต้อนรับ.ท่าน.นักเรียนจ่านาวิกโยธินนั้นน่าสงสารกว่าใคร เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสได้ควดใครเลย. พอขึ้นชั้นปีที่๒นร.ทุกคนก็ต้องย้ายไปเรียนที่ศูนย์การฝึก กรมนาวิกโยธินเสร็จรุ่นพี่ที่จบเป็นจ่าใหม่แล้ว.ค่อยเล่าต่อครับ.ผมยังจำได้ว่าพวกเรานย.๑๑ โชคดีครับเพราะ..โดนกันอ่วมไปเลย.นักเรียนทหารที่นี่จะได้รับการประดับยศเป็นนักเรียนจ่าปีที่หนึ่ง.เป็นขีดยาวหนึ่งขีดที่แขนซ้ายของชุดกลาสี.ตารางการเรียนการฝึกก็คล้ายๆกับที่รร.พลทหาร..แต่จะหนักไปทางวิชาการในห้องเรียน. เราต้องเรียนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบทหารเรือเพราะที่รร.นี้จะสอนแบบรวมการ โดยจะไปหนักเอาตอนที่เป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง.โดยเฉพาะพรรคนาวินหรือพวกปากเรือ , พรรคกลิน., เหล่าทหารปืนใหญ่และพรรคนาวิกโยธินหรือนย. รุ่นที่๑๑   รุ่นของผู้เขียน.ทุกอย่างที่นี่เริ่มดีขึ้น..เพราะนักเรียนส่วนใหญ่เข้าใจในเรื่องวิชาการทางทหารมาก่อนแล้วจากภาคสาธารณะที่รร.พลทหาร. 

๑๘. เป็นทหารเรือไทยจะได้ยลปัฐพีไพศาล.- ที่สถาบันภาษา ลั๊คแลนด์ เท๊กซัส ปี ๒๕๒๘.

ความเป็นอยู่ที่นี่จัดเป็นแบบนร.กินนอน.เราอยู่กันแบบพี่ปกครองน้องโดยแบ่งกาปกครองออกเป็น ๘ ตอน.มีจ่าปกครองกินนอนอยู่ในอาคารเดียวกัน.  นายตอนแต่ละตอนนั้นจะเป็นนายทหารที่จบจากรร.นายเรือ.บางคนอยู่จนเป็นเรือเอกก็มี.นายทหารส่วนใหญ่พักที่เมสสัญญาบัตรในพื้นที่ของโรงเรียน. ใครมีครอบครัวแล้วก็จะพักที่บ้านพักซึ่งทางการได้จัดให้. ผมนอนที่ตอนหกมีนายตอนคือเรือตรีเฉลิมศักดิ์ สุขประเสริฐ.ต่อมาครูได้เกษียณอายุมียศเป็นนายพลเรือ.ขอถือโอกาสนำภาพผมและวินัยเวชสิทธิ์มาลงอีกครั้งเพื่อให้เป็นไปตามคติที่ว่าเป็นทหารเรือไทยจักยลปัฐพีไพศาลหรือจะได้เห็นโลกกว้างนั่นเอง ! เพื่อนทหารอากาศไทยขวาสุดพ.อ.อ.สมัย พิลึก มาจากกองบิน๔ ตาคลี.ความจริงผมว่าใครเป็นข้าราชการสี่เหล่าทัพนั้นมักจะมีทุนไปต่างประเทศให้สอบแข่งกันทุกปี  คงมิใช่ทหารเรือเพียงหน่วยเดียว..น่าจะบอกกันมาผิดผิดหรือแอบเชียร์กันเอง.ตอนอยู่ที่เท๊กซัสผมยังเรียนห้องเดียวกับจ่าสิบเอกสมศักดิ์..จากกองทัพบกด้วยครับแม้จะไม่มีตำรวจร่วมด้วยแต่ทราบว่า.หลายคนได้ไปเรียนการสืบสวนสอบสวนที่สถาบันของเอ๊ฟบีไอ.FBI.แถวๆมลรัฐเวอร์จิเนียร์ ในส่วนของพลเรือนก็มีทุนต่างๆไม่น้อยหน้าบรรดาพวกมีสีด้วยน๊ะ. ไม่รวมถึงทุนจากในรั้วในวังอีกด้วย.                              

๑๙. บกเรืออากาศมาวมกันโดยมิได้นัดหมายก่อนเข้าห้องเรียน. - ที่สถาบันภาษาลั๊คแลนด์ ปี๒๕๒๘.

ชีวิตนักเรียนจ่าที่นี่จะเริ่มจากเวลา ๐๕๓๐ น. เหมือนหน่วยทหารทั่วไปทหารยามจะเป่าแตรปลุกก่อน  จ่ายามนักเรียนจึงจะเดินเป่านกหวีดเรือปลุกไปตามตอนต่างๆสิ้นเสียงนกหวีดนักเรียนทุกนายมักจะได้ยินเสียงคำสั่งเดิมๆคือตื่น...ตื่นหมดคน.นักเรียนชั้นปีที่๒บางนายยังทำเป็นไม่ได้ยินเสียง.ยังนอนซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม.บางนายกลับตะโกนมาควดนักเรียนชั้นปีที่๑เสมอๆ หลังจากเก็บที่นอนด้วยการพับให้เป็นระเบียบแล้ว..ทุกคนจะรีบนำขันน้ำและแปรงสีฟันลงไปล้างหน้าด้วยความรวดเร็ว และจะต้องรีบกลับขึ้นมาแต่งตัวพร้อมที่จะไปรอแถวเวลาหกโมงเช้า.ที่หน้าบ.ก.โรงเรียน.ระหว่างลงจากอาคารพักจะต้องหยุดทุกครั้งที่เจอหน้ารุ่นพี่พร้อมกล่าวคำว่า“สวัสดีครับ.”เสร็จกิจส่วนตัวแล้วใครที่มีตารางเรียนตอนเช้า..ฝึกการโยนลูกดิ่ง,ฝึกประจำสถานีปราบเรือดำน้ำ ,ฝึกการใช้เรือกรรเชียงและอื่นๆก็ให้ไปรอที่บริเวณหน้าห้องเรียนหรือที่คลังการเรือ.นักเรียนต้องเดินแถวไปประมาณ๕๐๐เมตรจากอาคารพัก เพราะสถานที่เหล่านี้จะอยู่ที่ปลายแหลม.ติดทะเล.*การฝึกเป่านกหวีดเรือนั้นถือเป็นวิชาที่สำคัญวิชาหนึ่ง..ของชาวเรือ. ใครที่ยังเป่าไม่ได้หรือไม่สนใจ..จะมีผลตอนที่ต้องมาทำหน้าที่จ่ายามเพราะจะต้องเริ่มด้วยเพลงปลุก.เป่าประกาศต่างๆ เป่าเรียกแถว.เป่ารับประทานอาหาร..เป่าเชิญธงขึ้น-ลง และอื่นๆ.จะหมดหน้าที่ในหนึ่งวันก็คือการเป่านอน.ครูสวนท่านเป็นครูที่ใจเย็นและรักนักเรียนเหมือนลูกหลานจริงๆครับ. เพราะถ้าใครเป่าไม่ได้หรือทำไม่เข้าท่าล่ะก็..ท่านจะสั่งยึดพื้นเพียง๑๐ครั้งเท่านั้นเอง!

๒๐. นกหวีดเรือของชาวเรือ. -ที่ใช้กับชีวิตประจำวันบนเรือของจ่าทหารเรือ.

ใครถูกท่านทำโทษล่ะก็แสดงว่า.ไม่ไหวหรือแย่มากครับ..เพราะการสั่งทำโทษนั้นท่านยังกลัวว่านักเรียจะเหนื่อยเห็นไหมล่ะ?.ไม่เหมือนครูบางคน..ไม่รู้ว่าเป็นโรคจิตหรือไม่? เห็นบ่อยๆในสื่อต่างๆ.พี่แกตีลูกศิษย์อย่างเอาเป็นเอาตาย..เป็นคดีความกัน..เป็นเรื่องเป็นราวให้เห็นตามสื่อกันบ่อยๆ.ไม่รู้เก็บกดมาตั้งแต่ถูกพ่อทำโทษตอนเด็กๆหรือไม่?จึงยังฝังใจอยู่อีก. ขณะที่เขียนเรื่องนี้โลกเปลี่ยนไปมากครับ..วันก่อนใครฟังข่าวบ้างน่าเศร้าใจครับครูระดับป-โท.ขายยาและชวนลูกศิษย์เสพยา.ถ้ามีครูเลวๆหนึ่งคนสู้มีภารโรงดีสักห้าคนน่าจะดีกว่า.แม้จะมิได้จบป.-โทก็ตาม.จริงไหมครับผ.อ.? ขณะเขียนเรื่องนี้ได้ถูกจับตัวไปเรียบร้อยแล้ว..ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆระวังไว้น๊ะครับ.ยุคนี้ป๋าเหลิมแกเอาจริง.นักเรียนพรรคกลินปี๒ ก็จะไปฝึกที่ห้องเครื่องยนต์บ้าง เหล่าปืนก็จะไปที่สนามฝึกปืนใหญ่.มีครูฝึกจากศูนย์การฝึกกรมนาวิกโยธิน  มาสอนและฝึกท่าทหารราบบ้าง ฝึกการเล็งและการยิงบ้าง.ให้กับนักเรียนจ่าพรรคนาวิกโยธินชั้นปีที่๑. บนสนามฝึกด้านในของตึกรูปเพชรนั่นเอง !การออกกำลังกายแบบทหารนาวิกโยธิน.ส่วนใหญ่เป็นช่วงบ่าย. ตอนเช้านร.จะมีการเรียน-ฝึกประมาณ๑ช.ม.แล้วจึงกลับมายังที่พัก..เพื่อเตรียมการอาบน้ำ-แต่งตัวรอเวลาไปทานอาหารเช้าแล้วกลับมาแถวรับธง..รอแถวใหญ่ตามปกติเฉพาะวันงาน.ใครพร้อมที่จะอาบน้ำจะต้องรอฟังเสียงนกหวีดจากจ่ายามนร.ก่อนมิใช่นึกจะอาบก็อาบได้เลย.วี๊ด-วี๊ด-หว่อ...อาบน้ำได้. สิ้นเสียงนกหวีดจึงจะอาบน้ำได้.

๒๑.นักเรียนเล็งให้ดีดี. วิชาทหารราบ. -ที่สนามฝึกบนเนินภายในตึกรูปเพชร. ปี ๒๕๐๙

 

ในห้องน้ำมีอ่างน้ำขนาดใหญ่.บรรจุน้ำไว้สำหรับหลายๆคน.อาบได้ครั้งละกว่า ๕๐ คน. ถ้าน้ำไหลตามปกติขณะอาบน้ำ.สามารถเปิดก๊อกเติมน้ำให้เต็มได้ตลอดเวลา.การอาบน้ำจะมาเอ้อระเหยลอยชายไม่ได้หรอกครับ.ทุกคนจะต้องรีบตราบใดที่ยังเป็นนักเรียนชั้น  ปีที่๑มิฉะนั้นจะกลายเป็นเหยื่อของนร.รุ่นพี่.ระหว่างอาบน้ำท่านอาจจะไม่เชื่อก็ได้.บ่อยครั้งที่ล้างสบู่ยังไม่ทันหมดไปจากตัวเลยครับ อ้าว !น้ำหมดเสียแล้วผมและเพื่อนนร.ปี๑ต้องรีบเช็ดตัวแล้วเลิกไปเลยก็มี.กลัวจะไปแถวรับประทานไม่ทันทีนี้ล่ะก็.เหนื่อยกันอีกสิครับ. แต่นร.ปี๒มักจะตะโกนเสียงดังว่า..จ่ายาม-น้ำหมด..เพราะพี่แกใหญ่สุด.ช่วงหน้าฝนไม่ค่อยจะมีปัญหาหรอกครับพอหน้าแล้งมาเยือนทีไร..บางครั้งจ่าเวรให้อาบน้ำได้เฉพาะตอนเย็น.วันละครั้งก็ยังพอทน.น้ำประปาน่ะเหรอ ?สมัยนั้นหลายคนคงยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำตอนเป็นนักเรียนปีหนึ่ง ระบบน้ำคือการสูบน้ำบาดาลจากโรงกรองน้ำมาเก็บไว้ในถังพักของรร.ถ้าหมดก็จะหมดเลย. กว่าจะสูบขึ้นมาเก็บได้เต็มจะต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง.เสร็จแล้วต้องรีบแต่งตัวมารอแถวรับประทานอาหาร..บนเนิน หน้าโรงอาหาร. ระหว่างรอฟังเรียกแถวผมขออธิบายเรื่องอาหารการกินที่นี่ให้ทราบพอสังเขป.อาหารของนักเรียนจ่าทั้งสองชั้น มีการประมูลให้จนท.จัดทำมาเลี้ยงโดยเฉพาะพนักงานหรือลูกจ้างทร.เป็นผู้ผูกขาด.จนท.โรงครัวจะนำอาหาร , ถ้วย จาน ,น้ำ ขนมหวานมาจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร.นร.ต้องนั่งโต๊ะละ๘ คน ชั้นปี๑ หกคน. - ชั้นปี๒ นั่งหัวโต๊ะ ฝั่งละหนึ่งคน.

๒๒. ร.อ.สวน รัชตารมย์ รน.ครูสอนวิชานกหวีดเรือ. -ที่รร.ชุมพลทหารเรือ.ปี๒๕๐๙.  

พอเข้าโต๊ะอาหารแล้วทุกคนต้องนั่งนิ่งและกอดอกไว้ก่อน. ที่เรียกว่ากอดฉาก. ช่วงนี้จะมีการประกาศหรือแจ้งข่าวสารต่างๆเพิ่มเติมบ้างเรื่องนี้ปกติจะมีการแจ้งตั้งแต่ยังอยู่ในแถว บางครั้งมีการแจ้งเพิ่มเติมหรือเฉพาะช่วงฝนตกเท่านั้น !เรื่องอาหารการกินที่นี่ดีกว่าที่รร.พลทหารมากครับเพราะทางรร.สามารถตัดเงินเบี้ยเลี้ยงของนักเรียนได้เต็มที่ของหวานที่เราเคยนึกภาพไว้ก็พอมีให้กินบ้างเช่น เผือก-มันต้มน้ำตาลบัวลอยไข่หวาน.ถ้าไม่หวานให้ไปซื้อกินเองที่ร้านค้าเพราะแม่ค้าที่นั่นตาหวานจริงๆมิใช่ตาเหล่!นักเรียนทั้งสองชั้นยังต้องนั่งกอดฉากไปจนกว่าจ่าเวรประจำวัน.ข้าราชการ.จะสั่งให้จ่าเวรนักเรียนเป่านกหวีดแล้วประกาศ"อิ่มแล้วเชิญ..เชิญรับประทาน."สาเหตุที่ต้องประกาศว่าอิ่มแล้วเชิญเพราะอนุญาตให้..ผู้ที่ไม่อยากกินด้วยประการทั้งปวง.ลุกไปได้เลยไม่ต้องนั่งรอจนคนอื่นจะอิ่ม. เชิญรับประทานก็คือ..เชิญให้ผู้ที่ประสงค์จะรับประทานอาหารที่ทางการจัดไว้..รับประทานได้เลย ผู้ที่ลุกออกจากห้องอาหารโดยไม่ยอมกินแม้แต่คำเดียว ก็จะเป็นนร.ปีที่ ๒เสียส่วนใหญ่.เพราะถ้านร.ชั้นปีที่๑ทำตามล่ะก็..จะต้องโดนหลายคำถามเช่น รวยมากหรือยังไงต้องไปกินที่ร้านค้า ไม่มีวินัยบ้างหรือ ไม่อดทนบ้างฯผู้เขียนน่ะเหรอ.ไม่ลุกไปไหนเลยเพราะสามารถกินได้ทุกมื้อ.เบี้ยเลี้ยงเหลือครบ. กลับจากโรงอาหารยังต้องทำหน้าที่อีกน๊ะครับเช่นทำความสะอาดห้องน้ำ-ส้วม.นักเรียนจ่าทุกคนจะถูกจัดให้เป็นยามใหญ่..เพื่อนำธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาและเชิญธงลงตอนเย็น.ภายในการควบคุมของจ่าเวรและจ่ายามนักเรียนการปฎิบัติคือ..จนท.ชุดนี้จะได้สิทธิทานอาหารก่อน.แล้วมาเข้าแถวที่บ.ก.เดินแถวนำธงชาติไปรอชักขึ้นที่เสาธง.จ่ายามนักเรียนปีที่สองเป็นผู้ควบคุม. การปฎิบัติทุกขั้นตอน.       

๒๓. อิ่มแล้วเชิญ..เชิญรับประทาน. -ในโรงอาหารของรร.ชุมพลทหารเรือ. ปี ๒๕๐๙

ยามใหญ่จะต้องเดินแถวไปจากบ.ก.ประมาณ๕๐๐เมตร.ประเพณีของทหารเรือนั้นจะทำการนำธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาเวลา๐๘๐๐น.ตรงและต้องนำธงชาติลงจากเสาหลังพระอาทิตย์ตก.เกือบหกโมงครึ่ง. ต่างกับเหล่าทัพอื่นเพราะหน่วยงานอื่นๆมักจะนำธงขึ้นเวลา๐๖๐๐นและนำธงชาติลงเวลา๑๘๐๐น.ก่อนธงราชนาวีจะขึ้นหรือลง.ทั้งบนบกและบนเรือ.พลแตรจะเป่าเพลงระวังธง..พอเสียงแตรจบจะตามด้วยเสียงนกหวีดเรือ..วี๊ด-วี๊ด-หว่อ! ระวังธง-ระวังธง.แถวรับธง.บนดาดฟ้าหน้าหรือท้ายเรือ.แล้วแต่ประเภทของเรือ.ที่นี่นักเรียนจ่าจะต้องมาเข้าแถวที่ลานหน้าบ.ก.รร.ส่วนนักเรียนและผู้ที่มิได้ทำงาน..ต้องมาเข้าแถวระวังธงจัดแถวแล้วทุกคนต้องอยู่ในท่าตามระเบียบพัก.เมื่อทหารยามประจำบ.ก.โรงเรียนตีระฆัง๘ ครั้ง. แสดงว่าเป็นเวลาแปดโมงตรง. แต-แตแต๊-แต่.นายทหารยามจะสั่งทั้งหมดแถวตรงนักเรียนทั้งหมดก็จะร้องเพลงชาติพร้อมกัน.ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อ..นักเรียนที่มาเข้าแถวรับธงจะยืนตรงพร้อมกันโดยอัตโนมัติ..ผู้ที่อยู่นอกแถวจะทำความเคารพด้วยท่าตรถ้าสวมหมวกจะทำวันทยหัตถ์และหันหน้าไปทางเสาธง.ถ้ามองเห็น.ผู้ที่ทำหน้าที่ต่างๆก็ทำไปตามปกติ.ระหว่างธงกำลังขึ้นสู่ยอดเสาผมอยากเล่าเรื่องการตีระฆังของทหารเรือให้ท่านทราบกันบ้าง.ทหารเรือจะตีระฆังไม่เกิน ๘ ครั้ง โดยตีเป็นคู่-คู่ละสองครั้งตามปกติ  การตีแบบนี้มีมานานแล้ว.

๒๔. แถวใหญ่ - ตึกรูปเพชร.รร.ชุมพลทหารเรือ.. ปี ๒๕๐๙.

ตอนมาอยู่ที่รร.พลทหารใหม่ๆมีจ่ารุ่นเก่าเล่าว่า.นานมาแล้ว..มียักษ์ตนหนึ่งมาเข้าฝันว่าจะมากินนายทหารเรือท่านหนึ่ง..แต่ทหารเรือท่านนั้นบอกไปว่าถ้าท่านได้ยินเสียงระฆังดัง๑๐ครั้งเมื่อไร? ให้มากินตัวเองได้เลย  ยักษ์ก็ตกลงและจากไป.ตั้งแต่นั้นมาจึงมีการห้ามตีระฆังเกิน ๘ครั้ง.เพราะกลัวยักษ์จะมาจับท่านกินนั่นเอง !สมัยก่อนยังไม่มีละครเรื่องจักรๆวงค์ๆเลยนี่นา..ทำไมจึงเชื่อกันง่ายนักล่ะ? การตีระฆังเริ่มจาก ๑ ครั้งคือครึ่งชั่วโมง.เริ่มจากแปดโมงครึ่ง..สองครั้งคือเก้าโมงเช้า พอเวลาเที่ยงจะตี ๘ครั้งแล้วกลับมาเริ่มใหม่ที่เที่ยงครึ่งคือตี ๑ครั้ง..หมุนเวียนไปคงจะเข้าใจน๊ะครับ.หลังจากธงขึ้นสู่ยอดเสาแล้ว..นักเรียนยังมีเวลาส่วนตัวอีกเกือบครึ่งชั่วโมง.ช่วงเวลานี้ใครมีความผิด.มาก-น้อย.ก็เตรียมตัวรับโทษตามที่จ่าเวร-นายยามหรือนักเรียนปีสอง.จะเรียกออกมาหน้าแถวแล้วประกาศโทษว่า..นักเรียนจ่าชูชีพบ.ไม่ยอมมาแถวรับประทานอาหารยึดพื้น๑๐๐ ครั้ง ออกมาปฎิบัติโทษหน้าแถว.นักเรียนจ่าวินัยขาดเรียนตอนเช้า ให้วิ่ง๕ รอบ เสาธง-บ่อน้ำปฎิบัติได้. หนึ่งรอบประมาณ ๓๐๐เมตร.ที่เหลือให้เลิกแถวได้..ใครว่างก็จะคุยกันหรือรอแถวใหญ่ประจำวัน.

เวลา๐๘๓๐น. ที่หน้าบ.ก.โรงเรียนทุกหน่วยงานจะต้องมาแถว เพื่อรับการตรวจยอดบัญชีพลนั่นเอง มีการรายงานยอดจริงและจำหน่ายว่า. ป่วย ลา ขาด หนี เท่าไร ?ช่วงเดียวกันผู้รับแถวก็จะนำประกาศต่างๆมาแจ้งให้ทหารนักเรียนและข้าราชการทราบโดยพร้อมเพรียงกัน.                        

๒๕.หน้าบ.ก.รร.ชุมพลทหารเรือ. ปี ๒๕๐๙

หลังจากเลิกแถวใหญ่แล้วตามฝ่ายต่างๆก็แยกกันไปปฎิบัติงานนักเรียนจ่าก็แยกย้ายกันเข้าห้องเรียน.ห้องใครห้องมัน.ระหว่างที่เดินแยกจากหน้าบ.ก.ไปเข้าห้องเรียนนั้น นร.ชั้นปีหนึ่งจะถูกชั้นปีสองคอยตามควบคุมวินัยอยู่ห่างๆ ถ้านักเรียนในแถวเดินเท้าไม่พร้อมจะถูกสั่งหยุดและถูกรุ่นพี่สั่งทำโทษ.ปกติจะเป็นการทำโทษรวมเพราะ.ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน..จะมาเถียงไม่ได้ว่าผมเดินพร้อม.ท้ายแถวต่างหากที่เดินเท้าไม่พร้อม.ระหว่างที่เป็นนรจ.ปีที่หนึ่งนั้น..ไม่ควรจะพูดมากเพราะถ้าพูดมากก็จะเหนื่อยมากนั่นเอง!ระหว่างนักเรียนเดินเข้าห้องเรียน..ผมอยากอธิบายถึงการปกครองให้ทราบดังนี้..ที่รร.ชุมพลทหารเรือนี้เปรียบเสมือนเรือ๑ ลำบนเรือรบไทยนั้นปกติจะมีเสาธงอยู่หนึ่งเสาเสมอ.เรือบางประเภทเสาธงอยู่ด้านหน้ามีบางประเภทเสาธงจะอยู่ด้านหลัง.หลังสะพานเดินเรือการแบ่งว่ากราบไหนเป็นกราบซ้ายหรือกราบขวาจะแบ่งดังนี้..เมื่อหันหน้าไปที่เสาธงบนเรือ-ที่มีเสาอยู่ที่หัวเรือ BOW= บาว -หัวเรือ.หรือหันหลังให้เสาธงถ้าเสาอยู่หลังสะพานเดินเรือ.อย่าเพิ่งงงครับ.ทางซ้ายคือกราบซ้ายPORT.=พอร์ต.และทางขวาก็คือSTARBOARD.= สตาร์บอร์ด-กราบขวา.ทหารและข้าราชการประจำเรือจึงมีการแบ่งออกเป็น๒กราบ. เวลามีการปล่อยทหารเที่ยวก็จะปล่อยกราบซ้ายและกราบขวาสลับกัน.ส่วนใครที่แอบมั่วไปมันทั้งสองกราบ ทหารเรือเขาตั้งฉายาว่า..พวกกระดูกงูเรือ.. 

๒๖. รล.จักรีนฤเบศน์.เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินต่อมาจากประเทศสเปน. -ขอบคุณภาพจากเน็ท.

เวลามีการแถวทุกครั้งก็จะต้องมาแถวบนดาดฟ้าเรือ.ที่รร.ชุมพลฯดาดฟ้าก็คือลานกว้างหน้ารร.นั่นเอง.ผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในเรือคือผู้การเรือรองลงไปคือต้นเรือ,สะหรั่งเรือ,สะหรั่งปืนตามลำดับ.ที่ผมกำลังเขียนเป็นการจัดกำลังคล้ายกับบนเรือ.แต่เป็นที่รร.ชุมพลทหารเรือ.เวลาแถวปกติคือ๐๘๓๐ น.ต้นเรือจะเป็นผู้รับแถว. ถ้าไม่ว่างจะจัดให้มีคนรับแถวแทน. ปี๒๕๐๙ ต้นเรือคือนาวาเอก อังกุศ ธชาลุภัฎ. ถ้าเป็นแถวใหญ่วันพฤหัสบดีผู้การเรือมักจะมารับแถวเองเพื่อพบข้าราชการและทหารสัปดาห์ละครั้ง. นักเรียนจ่าทั้งสองชั้นก็จะยืนหันหน้าเข้าหากัน.กราบขวาจะเป็นเลขคี่.ตอน๑-๓-๕-๗กราบซ้ายจะเป็นเลขคู่ตอน๒-๔-๖-๘ แก๊ง..สิ้นเสียงระฆังพลแตรเดี่ยวจะเป่าแถวนายทหารยามประจำวันจะสั่ง.กองนักเรียนแถวตรงทางขวาเป็นหลักปิดระยะ.จัดแถว.เมื่อทุกคนในแถวเรียบร้อยและยืนนิ่งนายทหารยามจะสั่งอีกครั้ง.ตามระเบียบพัก.หน.นร.ชั้นสองจะส่งยอดบัญชีพลให้นายตอน.นายทหาร.นายตอนก็จะมาส่งยอดบัญชีพลให้กับต้นเรือ..ต้นเรือจะสั่งทั้งหมดตรงแล้วกล่าวคำปฎิญานซึ่งมีความว่า..”พวกเราต้องระลึกถึงและยึดมั่นในสิ่งต่อไปนี้คือ ชาติ เกียรติ วินัย กล้าหาญ“ ตามระเบียบพัก..ถ้าผู้รับแถวกล่าวต่อ-ทุกคนในแถวจะต้องยืนตรงโดยอัตโนมัติ..ถ้าเป็นวันพฤหัสบดีหรือที่เรียกว่า แถวใหญ่.ต้นเรือก็จะนำยอดทั้งหมดไปรายงานกับผู้การเรือแล้วจึงจะกล่าวปฎิญานตน.ผมจำผู้การได้ครับคือนาวาเอกวิเชียรสังกรธนกิจ.ก่อนจะแยกย้ายเพื่อให้ตามตอนดำเนินการต่อหรือเพิ่มเติมในเรื่องต่างๆแล้วจึงจะสั่ง แยกเข้าห้องเรียนต่อไป.ส่วนนายตอนที่มาทำหน้าที่ปกครองนักเรียนจ่ารุ่นทร.๐๙ ในขณะนั้นเป็นนายทหารใหม่ที่เพิ่งสำเร็จมาจากโรงเรียนนายเรือ.ตัวยังอุ่นๆอยู่เลยครับ. 

*  นายตอนบางท่านรับราชการแล้วเกรงว่า..จะไม่รุ่งจึงลาออกไปเดินเรือต่างประเทศในจำนวนนี้มีครู ๑ท่าน ก้าวหน้าจนเป็นผบ.ทร.แถมหลังเกษียณยังได้รับแต่งตั้งเป็นถึง    " องคมนตรี             

 

หมายเลขบันทึก: 480354เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2012 17:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

(ขอบคุณภาพภาพจาก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/436890 )

สวัสดีครับ มาให้กำลังใจ โตนี่ฟาง...ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของ ดอกประดู่ ช่อหนึ่ง ครับ...

 

รับดอกไม้แล้ว..เสียดายมาช้าไปหน่อยมิฉนั้นจะนำไปมอบให้พ.จ.อ.เสน่ห์ รักนาค

ขอบคุณ.

โตนี่ - ฟาง.

๑ มี.ค.๕๕

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท