3 วัน กับภาคี การพัฒนาจิตในองค์กร

         ช่วง 3 วันที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเข้าร่วมการอบรม TOT การพัฒนาจิตตปัญญาในองค์กร ที่ บ้านสวนริมน้ำ สมุทรสงคราม ที่สสส.เป็นเจ้าภาพ และมีภาคีเครือข่ายทั้งภาคการศึกษา การสาธารณสุข และภาคสถานประกอบการ ภาค NGO กับสรพ. ไปร่วมพูดคุยกัน ซึ่งทีมที่ไปทั้งหมดนี้มีที่มาจากการไป implement โปรแกรมการพัฒนาจิตในองค์กรของอาจารย์หมอยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต และ รพ.สวนสราญรมย์ของเราก็ได้มีโอกาสเข้าคอร์สฝึกอบรมของอาจารย์ไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2553 พอเรารู้ว่าอาจารย์จะจัดให้มีเวทีอบรม TOT นี้ ก็รู้สึกอยากเข้าร่วมอย่างยิ่ง และสุดท้ายจากช่วยเหลือของคนหลายคน ทั้งเลขาของอาจารย์เอง และ HRD ของ สสส. ก็ทำให้เราได้ไปที่นั่นจริง ๆ

 

       ในกระบวนการจัดครั้งนี้ของอาจารย์ทำให้เราได้มีโอกาสบอกเล่า สิ่งที่เราได้ทำไปในองค์กรของเรา ทั้งการประยุกต์เนื้อหาการพัฒนาจิตเข้ากับองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ทีมของเราต้องเป็นคน run ให้เกิดในองค์กร ซึ่งก็ได้มีการจัดอบรมให้กับคนในองค์กรไปแล้ว 8 รุ่นด้วยกัน มีการส่งเสริมให้เกิดการนำสติ สมาธิให้อยู่ในองค์กร ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการทำ Body scan การใช้บทภาวนาก่อนการอบรม หรือการจัดกิจกรรมการสร้างความสุขต่าง ๆ ที่ประยุกต์คุณค่าของสมาธิและสติในการกระทำทุกอย่าง แม้เราจะเป็นการเริ่มต้น แต่การได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับภาคีต่าง ๆ ก็ให้เกิดภาพบางอย่าง เห็นความเป็นไปได้ เห็นความสำคัญของการนำสมาธิและสติไปใช้ ในที่ต่าง ๆ เช่นโรงเรียนที่ผอ.โกวิท บุญเฉลียว เล่าให้ฟังตอนสุนทรียสนทนากันในคืนวันแรกว่า  ที่รร.บ้านคูเมือง (อ่อนอนุเคราะห์ ) อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีกิจกรรมที่ให้เด็กใช้สมาธิและสกติ แบบกลมกลืน โดยร.ร.แห่งนี้ตอนเช้าของทุกวัน ที่หน้าเสาธง จะอยู่กันแบบสบาย ๆ ไม่ต้องตากแดด และอยู่ปน ๆ กันทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ร้องเพลงชาติ สวดมนต์แผ่เมตตา แล้วไม่มีการอบรม ( ครูพูดหน้าเสาธง เหมือนร.ร.อื่น ๆ ) หลังจากนั้น เขาให้เด็กทำสมาธิและสติ แบบประยุกต์ให้เข้ากับเด็ก ๆ เพราะเรื่องนี้ เด็กเขาจะยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ โดยเขาจะมีเด็กตัวเล็ก ๆ มานำทำ Brain gym และให้เด็กทั้งหมดทำตาม ซึ่งดูจากท่าแล้ว มันเหมือนการทำโยคะบ้าง การบริหารร่างกายแบบช้า ๆ พอจบตรงนี้ ก็ให้เด็กทำงานฝีมือ เป็นการฝึกสติ  ครูก็นั่งอยู่ข้าง ๆ การทำงานฝีมือต่าง ๆ เช่นถักไหมพรม ก็ทำให้เด็กแต่ละคนต้องอยู่ในสตินะ ภาพที่ออกมาดูน่ารักมาก เด็กนักเรียนชายหญิง นั่งเงียบ ๆ เลือกทำงานฝีมือที่ตนเองถนัด และสุดท้ายคือการอ่านหนังสือที่ชอบ ก่อนแยกย้ายไปเรียนกัน ยังมีอีกหลายกิจกรรม ที่รร.นี้ทำกัน และจากการวัดผล พบว่า เด็กเกเรน้อยลง ปัญหาต่าง ๆ น้อยลง และพ่อแม่ก็อยากให้เด็กมาเรียนที่นี่ จะเห็นว่าเป็นภาพการประยุกต์การนำสมาธิและสติในรร. ที่ทำให้ผู้เข้าอบรมทึ่งไปตาม ๆกันเลย

        สำหรับในฟากของสถานประกอบการก็ไม่น้อยหน้า ที่บริษัท Asia Percision พี่เขาเล่าให้ฟังว่า ทางโรงงานตอนเช้าจะมีการเข้าแถว ยืนร้องเพลงชาติกัน ทำสมาธิ 4 – 5 นาที และให้ผู้บริหารระดับสูงผลัดกันมาอ่านพระบรมราโชวาท แผ่เมตตา และให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากันสบตา จับมือ และพูดสิ่งดี ๆ ต่อกัน และหลังจากนั้นจะเป็นการสื่อสารแบ่งปันของหัวหน้า ทั้งหมดนี้ใช้เวลา 30 นาทีของทุกวัน และวิธีการทำให้เรื่องนี้ยังอยู่ในองค์กร ก็มีหลายอย่าง เช่น การสอบร้องเพลงชาติของพนักงานเข้าใหม่ การให้พนักงานทุกคนต้องไปอบรมการปฏิบัติธรรม ( เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ปรับค่าแรง ) การส่งพนักงานเข้าอบรมวินัย 2 วัน 1 คืน มีการสอบพระบรมราโชวาท อบรม การมองตา สัมผัส และการมีคำพูดดี ๆ ต่อกัน และกิจกรรมอีกหลากหลายในการส่งเสริมคนดี เราชอบมากที่นี่เขามีหลักว่า ที่บริษัทหรือโรงงาน เป็นมากกว่าที่ทำมาหากิน มันให้ความหมายที่ลึกและกินใจมากเลย

      สุดท้ายในฝั่งโรงพยาบาลเองก็มีดี ๆ หลายอย่างให้เราได้เรียนรู้ และพบว่า จริงๆแล้วทุกที่ได้มีการผสมผสานการใช้สมาธิ สติในองค์กรอยู่บ้างแล้ว เพียงแต่เมื่อเห็นภาพขององค์กรอื่น ก็ทำให้ภาพของตนเองชัดขึ้น หรือเห็นความเป็นไปได้ว่าตนเองนั้นสามารถจะทำแบบนั้นได้ นี่คือพลังของการเป็นภาคี เป็นกัลยาณมิตรกัน ที่ลดความเป็นตัวตน เปิดเผย ทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่พบเจอว่าเป็นอุปสรรคเพื่อให้เพื่อนได้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 3 วันที่ผ่านมานั้น สำหรับเรามีค่านะ เราได้ฝึกสมาธิอย่างยาวนาน และพบว่า เราก็ทำได้ และบรรยากาศที่เกิดขึ้นก็ดี สงบ ได้พบเพื่อนใหม่ ๆ ที่เรารู้ว่า เขาจะคอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอ ต้องขอบคุณผู้เข้าร่วม ผู้จัดโครงการทุกคน

[ทิมดาบ]

ได้ความรู้มากมายและสามารถนำไปปรับใช้

ขอบคุณครับ