ตั้งแต่เด็กเกิดมา ก็เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก เรียนรู้ที่จะร้องไห้เวลาที่หิว หรือไม่สบายตัว เพราะรู้แค่เพียงว่าถ้าร้อง ก็จะมีคนเอานมมาให้กิน หรือมาโอ๋เพื่อให้เงียบ และทำให้เขาสบาย พอโตขึ้นก็ต้องเข้าโรงเรียน เริ่มตั้งแต่เตรียมอนุบาล ขึ้นไปเป็นอนุบาล ประถม มัธยม และก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี บางคนก็เริ่มเรียนต่อปริญญาโท และในปัจจุบันนี้ก็เริ่มเรียนต่อในระดับปริญญาเอกกันมากมาย
ที่กล่าวมานั้นเป็นการเรียนรู้โดยผ่านระบบการศึกษา ผมเคยได้ยินนักศึกษาที่ผมไปสอนบางคนก็มองว่า เรียนจบปริญญาตรี ก็ถือว่าสูงแล้ว พอแล้ว ไม่อยากเรียนอะไรอีกต่อไปแล้ว
บางคนก็จบโทแล้วก็มองตัวเองว่าตัวเองนั้นเก่ง มีความรู้ถึงปริญญาโทแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นบางคนที่จบระดับดอกเตอร์ ก็มองว่านี่แหละสูงสุดของระดับการศึกษาในโลกนี้แล้ว แปลว่าเราเก่งที่สุดแล้ว
แต่จริงๆ แล้วเรื่องของการเรียนรู้นั้นไม่มีวันสิ้นสุดจริงๆ นะครับ หลังจากที่เรียนจบเข้าทำงาน เราก็ต้องเรียนรู้ในเรื่องของการทำงาน วิธีการทำงาน รวมถึงวัฒนธรรมในการทำงาน และการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานให้ได้ พอเราเริ่มมีลูกน้อง ก็ต้องเรียนรู้วิธีการทำงานให้เข้ากับลูกน้องของเราให้ได้ เรียนรู้วิธีการบังคับบัญชาที่ดี ภาวะผู้นำที่ดี พอเริ่มมีลูกน้องรุ่นใหม่ๆ เข้ามา ก็ต้องเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการกับคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความมั่นใจในตนเองสูงมาก
เราต้องเรียนรู้ถึงความผิดพลาดที่เราได้ทำลงไป เพื่อใช้ความผิดพลาดนั้นเป็นบทเรียนที่จะบอกเราว่า อนาคตเราจะต้องไม่พลาดแบบนั้นอีก
พอเริ่มมีครอบครัวเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับครอบครัวของเรา มีลูก ก็ต้องเรียนรู้วิธีการเลี้ยงดูลูก ลูกเริ่มโตเป็นวันรุ่นก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้ากับลูกในวัยนี้ให้ได้
พอลูกโตเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เริ่มมีความรู้มากขึ้น ก็ต้องเรียนรู้วิธีการปรับตัวให้เข้ากับลูกที่เริ่มไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ และเริ่มที่จะออกเดินทางหาเป้าหมายในชีวิตของตนเอง
พอเริ่มแก่ตัวลง ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความแก่ อยู่กับความเหงา อยู่กับความเจ็บป่วย และสุดท้ายก็ต้องเรียนรู้ที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ
จะเห็นว่าทุกจังหวะของชีวิตเรานั้น ต้องอยู่กับการเรียนรู้เสมอ ไม่มีวันที่จะเรียนรู้ได้หมดสิ้น แม้กระทั่งจนถึงวันที่เราจากโลกนี้ไป เราก็ยังเรียนรู้ได้ไม่หมด
ดังนั้นจงใช้ชีวิตด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั้นไม่จำเป็นต้องผ่านระบบการศึกษา หรือการฝึกอบรมเลย เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาจะนอน เราก็เรียนรู้ได้ มีนิทานเซ็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตและเอามาถ่ายทอดให้อ่านกันครับ
วันหนึ่ง ศิษย์ผู้ปฏิบัติธรรมมาหลายปีได้เข้าพบอาจารย์และได้กล่าวว่า
“อาจารย์ครับ ผมร่ำเรียนมากพอแล้ว ลงจากเขาได้หรือยังครับ”
“อะไรคือมากพอแล้ว” อาจารย์ถาม “ก็คือเต็มแล้ว ใส่ไม่ได้แล้วหรือ งั้นเจ้าจงไปเอาชามใบใหญ่แล้วใส่ลูกหินมาดู” ครั้นลูกศิษย์ปฏิบัติตามแล้วยกมาให้ท่านอาจารย์
“เต็มหรือยัง” อาจารย์ถาม
“เต็มแล้ว” ศิษย์ตอบ จากนั้นอาจารย์ก็เอาทรายหนึ่งกำใส่ลงไปในชาม ก็ยังไม่ล้น
“เต็มหรือยัง” อาจารย์ถาม”
“เต็มแล้ว” ศิษย์ตอบ จากนั้นอาจารย์เอาขี้เถ้าหนึ่งกำใส่ลงไปในชาม ก็ยังไม่ล้น
“เต็มหรือยัง” อาจารย์ถาม
“เต็มแล้ว” อาจารย์เอาน้ำเทลงไปหนึ่งถ้วยก็ยังไม่ล้น
“เต็มหรือยัง…??”