จิตสาธารณะ : วาทกรรมใหม่สำหรับค่ายอาสาพัฒนา ณ โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน บ้านโคกแสลง ที่ต้องพัฒนาอีกอย่างมาก


การออกค่ายครั้งนี้จึงเป็นเพียงการทำงานที่เรียกว่า "ทำงานสักแต่ว่าทำงาน" น่ากลัวครับ ที่กล่าวว่ากลัวคือ การให้ความสำคัญหรือเป้าหมายของการทำค่ายอยู่ที่ความสนุกสนานไม่ใช่ "เรียนรู้
จิตสาธารณะวาทกรรมใหม่ที่เราพึ่งถูกนำและเริ่มนำมาปรับใช้สำหรับการพัฒนานักศึกษาของคณะ โดยการเริ่มต้นจากค่ายอาสาเล็กที่โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน บ้านโคกแสลง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก อันหมายถึงพื้นที่ที่พึ่งผ่านสงครามมาไม่นาน กิจกรรมถูกดำเนินการขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วย การทำความสะอาดสระน้ำที่ขุดไว้สำหรับเลี้ยงปลา การทำแปลงปลูกผัก และกิจกรรมนันทนาการ ภายในเวลา ๑วัน ๑ คืน ด้วยความสดใหม่ของมิติด้านกิจกรรมค่ายอาสา ความไม่คุ้นเคยกับคำว่าค่าย และนิยามของจิตสาธารณะ นับเป็นอุปสรรคสำคัญมากสำหรับกิจกรรมค่ายในครั้งนี้ แต่ถามว่างานผ่านพ้นมาได้ด้วยดีหรือไม่ ? งานก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี แต่ผู้ประกอบกิจกรรมได้ได้รับ(ความรู้ กระบวนการ)อะไรจากค่ายนี้ ประเด็นนี้ตอบอยาก ที่ตอบแบบนี้สืบเนื่องมาจากธรรมชาติบางประการของนักศึกษาที่ชอบความสะดวกสบาย และความสนุกสนานเพียงประการเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน หลังจากที่เราได้ประชุมและมอบหมายงานเป็นที่เรียบร้อย ต่างคนต่างก็ลงสู่พื้นที่รับผิดชอบของตนเองเพื่ิอจับกลุ่มพูดคุยกัน(ในเรื่องเฮฮาไร้สาระสนุกสนาน)โดยไม่สนใจภาระกิจที่ได้รับมอบหมายว่าตนมีเวลาจำกัดหรือว่างานจะต้องเสร็จ งานที่ได้รับมอยหมายจะถูกดำเนินการขึ้นที่ครั้งเมื่อครูเดินแวะผ่านมาทักทาย(แต่ก็ยังมีคนสบายใต้ร่มไม้ให้เห็นอย่างไม่ละอายต่อสายที่มอง) และจบลงหลังจากที่คณุเดินจากไป ลักษณะการทำงานที่ว่าจึงจึงเกิดแนวทางการทำงานในลักษณะของการคุมงานอย่างใกล้ชิด ด้วยเวลาที่มีน้อยและภาระที่ได้มอบหมายที่มากให้สมบูรณ์ทันต่อเวลาจึงต้องใช้วิธีการดังกล่าว ซึ่งมันขัดต่อธรรมชาติและวิธีการที่ถูกต้องอยู่พอสมควร ซึ่งหากแต่ความสนใจของคนที่เข้าร่วมในค่ายส่วนใหญ่อยู่ที่การได้แสดงออกบาบาทของความเป็นพี่ต่อหน้าน้องนักเรียน โดนละเลยที่จะให้ความสำคัญและความสนใจมิติของงานในด้านอื่นๆ ที่ตนเองได้รับมอบหมาย ซึ่งหากเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ทำกิจกรรมกับน้องๆๆ จะสามารถดำเนินการเองได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องมีใครคอยดูแล และใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ได้โดยไม่ได้สนใจต่อกำหนดการที่ร่วมเขียนกันขึ้นมาและหน้าที่ที่มอบหมาย การออกค่ายครั้งนี้จึงเป็นเพียงการทำงานที่เรียกว่า "ทำงานสักแต่ว่าทำงาน" น่ากลัวครับ ที่กล่าวว่ากลัวคือ การให้ความสำคัญหรือเป้าหมายของการทำค่ายอยู่ที่ความสนุกสนานไม่ใช่ "เรียนรู้" ที่กล่าวเช่นนั้น ในรุ่งเช้าของวันต่อมาผมได้เปิดเวทีเพื่อที่จะถอดบทเรียน เพียงแค่พูดสั้นๆ ว่า "ต่อไปเรามาสรุปบทเรียนจากค่ายกันว่าเราได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง" สิ้นเสียงผมพูด เสียงโห่ร้องโฮก็ดังขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อกิจกรรมในลักษณะที่เป็นวิชาการ แต่ด้วยความจำใจด้วยอำนาจที่ผู้พูดมีมากกว่าจึงไม่สามารถที่จะยุติกิจกรรมนี้ได้ ทุกกลุ่มต่างมิได้มีการประชุมสรุปกันแม้แต่น้อยนอกเสียจากการการออกเสียงสนันสนุนให้ใครเป็นตัวแทนที่จะออกมาพูดนำเสนอ และจากการนำเสนอการถอดบทเรียนในครั้งนี้มีอยู่สามประเด็นที่เห็นตรงกันและออกมาในทิศทางเดียวกันคือ "รู้สามัคคี มีความเสียสละ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์" ซึ่งข้อสรุปเหล่านี้ยังมองไม่เห็นถึงการได้รับองค์ความรู้ กระบวนการในการทำงานในเรื่องต่าง ๆ ในขณะที่กิจกรรมเหล่านี้ทำให้ผมมองเ็ห็นความรู้ในหลายเรื่อง และความรู้นี้สามารถใช้ได้จริง ยกตัวอย่างเช่นการปลูกข้าวโพด ในการปลูกครั้งนักศึกษาได้ยกร่อง แต่การปลูกแทนที่จะปลูกในร่องกลับปลูกลงไปบนเนินดินระหว่างร่องที่ยกสูงขึ้นมา อันที่จริงในการปลูกดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่อาจจะไม่เหมาะสมมากกว่า เนื่องด้วยระยะเวลาต่อจากนี้ไปอีกสามถึงสี่เดือนมันเป็นช่วงระยะเวลาแล้ง การปลูกด้วยวิธีการดังกล่าวจึงไม่เหมาะสมอันเนื่องมาจากการที่ต้นข้าวโพดจะได้รับผลประโยชน์จากน้ำที่รดน้อย เพราะรดลงไปเท่าไหร่น้ำก็จะไหลลงสู่ร่อง กว่าดินบริเวณนั้นจะชุ่มชื้นจะเห็นน้ำในร่องขัง นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการเรียนรู้ โดยผมพยายามใช้กระบวนการทำงานที่มีประสบการณ์มาจากครั้งยังเป็นนิสิต ที่เรามุ่งหวังว่างานที่ออกมาจะได้ประโยชน์อย่างมากต่อนักศึกษา แต่มันกลับเป็นเพียงความสนุกสนานที่ละเลยและมองข้ามความมีสาระ ซึ่งกิจกรรมถอดบทเรียนในวันนี้จึงหยุดเพียงแค่การเริ่มต้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เวลาที่เหลือคือการมุ่งมั่นถ่ายภาพของเหล่านักศึกษาอย่างมีความสุขกับท่าทางที่แสดงเพื่อบันทึกไว้เป็นภาพที่ระลึก ผมรู้สึกท้อ และเริ่มกลับมามองบริบทของคำว่า "คนค่าย" สำหรับวัฒนธรรมที่นี่ ผมอยากจะละทิ้งประสบการณ์กิจกรรมของผมทิ้งทั้งหมด และกลับมาเริ่มต้นเรียนรู้และใช้นิยามของที่นี่ เพื่อจะไม่ต้องเป็นตัวประหลาดในสายตาของผู้ร่วมค่าย หรืออาจจะละวางมือทางด้านนี้ เพื่อกลับไปทบทวนและคิด ศึกษาประวัติศาสตร์ ผลงานด้านกิจกรรมเพื่อรอเวลาที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ สำหรับผมคิดว่า "งานนี้คงอีกยาวไกล กว่าจะได้ดังที่ใจมุ่งหวัง"
หมายเลขบันทึก: 475684เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2012 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท