กินอร่อยอ่อยนรก (ตอน..กินเลวแต่สุขภาพดี)
กินอร่อยคอยนรก (ตอน..กินเลวแต่สุขภาพดี)
แต่สมัยโบราณนานมา คนไทยเราก็กินข้าวผักปลาเป็นหลัก โดยเฉพาะผักนั้นเรามีกินหลากหลายนับร้อยชนิด ซึ่งมีให้เก็บกินหลากหลายตามรั้วบ้าน ริมทาง ริมคลอง ริมนา ริมสวน
แต่วันนี้อนิจจา...เข้าไปหาซื้อในซุปเปอร์ หรือแม้ในตลาดสดท้องถิ่น มีผักให้เลือกซื้อได้ไม่เกินสิบ ..คะน้า ขาว แครอท บรอคคอลลี่ หล่ำปี (cabbage) ผักกาดไต้หวัน เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดหอมญี่ปุ่น อะไรประมาณเนี้ย ส่วนผลไม้ก็แอปเปิ้ล องุ่น แพร์ เป็นหลัก
ผมไปเห็นกองแครอทสองกองในตลาดสด กองหนึ่งพร่องไปมาก อีกกองหนึ่งพร่องไปน้อยมาก ถามแม่ค้าได้ความว่ากองที่พร่องไปมากขายดีกว่ามาก ทั้งที่แพงกว่า เนื่องเพราะเป็นแครอทที่มาจากออสเตรเลีย ส่วนกองที่ขายไม่ค่อยดีเป็นเพราะเป็นแครอทไทยที่มาจากเพชรบูรณ์นี่เอง...โอ พระเจ้าช่วยกล้วยตาก
ในวันนี้ หาซื้อผักไทยเดิมกินได้ยากมาก แม้แต่ผักบุ้งนาก้านเล็กๆ ในวันนี้ก็หาซื้อกินได้ยากมาก ไม่ต้องพูดถึง ดอกแค กระเฉด สโน กระถิน บวบต่างๆ ตำลึง ซึ่งเป็นของพื้นบ้านเดิมๆ ของไทยเรา แต่โบราณ (วิญญาณปู่คงไม่รู้จะรัองเพลงอะไรดี)
เมื่อพศ. ๒๕๔๒ ผมตระเวณอีสานหลายรอบ ไปชมตลาดเช้าในจังหวัดและอำเภอต่างๆแล้วสนุกมากๆ เพราะมันมีพืชพรรณธัญญาหารพื้นบ้านหลากหลายมาก เห็ด ผัก แมลง กบ เขียด ปลา ผลไม้ป่า โอ๊ย...สารพัดจะบรรยาย....มาวันนี้พศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา ความหลากหลายลดลง 10 เท่า เห็นมีแต่ผักปลาจากส่วนกลาง รวมทั้งผักผลไม้จากต่างประเทศดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ส่วนปลานับร้อยชนิดทั้งประเทศไทยวันนี้ก็เหลือเพียงสามตัวคือ นิล ทับทิม และ กะพง (แต่นานที่ก็มีแซลมอน และซาบะ โผล่เข้ามาแจมด้วย)
ผมเชื่อว่ามันเป็นกระแสนิยมที่มาจากโรงเรียน ที่ครูสอนสุขศึกษาสอนกันตามตำราที่เขียนโดยนักวิชาการที่จบมาจากเมืองนอก ซึ่งคนพวกนี้ไม่รู้จักคุณค่าของผักปลาพื้นบ้าน ก็ไปอ้างฐานวิชาการจากต่างประเทศ เช่น ต้องกินอาหารครบห้าหมู่ แล้วไอ้ห้าหมู่ที่ว่านี้มาจากผักเนื้ออะไรบ้างเล่า ก็มีแต่ข้อมูลการวิจัยผักปลาของฝรั่งทั้งนั้น ดังนั้นนักวิชาการพวกนี้ก็เขียนยัดเยียดแสดงภูมิรู้อันสูงส่งกันเข้าไปในตำราเรียน
.... เบต้าแคโรทีน..มาจาก”แครอท” ไขมันไม่อิ่มตัว..มาจากบรอคคอลลี่ (สมมติ) วิตามินมาจากเห็ดหอมญี่ปุ่น (สมมติ) ...โอเมก้าthree มาจากปลาซาบะ (ว้าว)
ส่วนกระถิน ตำลึง กระเฉด ขี้เหล็ก ไทยเรา ไม่ได้รับการกล่าวถึงเลย ..จากนักวิชาการ"กรรมมารอ"พวกนี้ ..เสียแรงส่งเสียเงินภาษีไปร่ำเรียนเมืองนอก แทนที่จะฉลาดขึ้น..เฮ้อออออ
ช้างม้าวัวควายมันไม่เห็นต้องเรียนรู้ว่าจะกินอะไรให้ครบห้าหมู่ เช่นควายมันกินหญ้าอย่างเดียวก็เห็นว่ามันแข็งแรงดี มีอายุขัยสมวัยกันแทบทุกตัว ไม่ตายก่อนวัยด้วยมะเร็ง เบาหวาน เหมือนพวกฝรั่งที่พวกนักวิชาการเรานิยมชมชื่นเลย (ซึ่งส่งผลมาให้พวกเราพลอยนิยมชมชื่นไปด้วยโดยปริยาย ทั้งที่พวกนี้มันได้และกำลังจะมาเขมือบเมืองเราอีกรอบ)
อยากให้พวกนักวิชาการสุขศึกษาพวกตามก้นฝรั่งพวกนี้ไปศึกษาพระป่า พระธุดงค์ ดูบ้าง เพราะท่านเหล่านี้ไม่สนอาหารฝรั่งหรอก ท่านมักฉันอาหารมื้อเดียว แถมอาหารที่ฉันส่วนใหญ่ก็ผักพื้นบ้านจิ้มน้ำพริกกินกะข้าวเท่านั้น ...แต่ทำไมท่านเหล่านี้อายุยืนเป็นร้อยปี โรคภัยเบียดเบียนน้อยมาก ส่วนพวกฝรั่ง และนักวิชาการไทยที่สอนให้เรากินครบห้าหมู่แบบฝรั่งกลับล้มตายก่อนวัยอันควรกันมากมาย
...คนถางทาง (๑๘ มกราคม ๒๕๕๕)
ความเห็น (2)
เล่าตอนที่ไปชมตลาดเช้า ไว้เสียน่าสนใจ ทำให้อยากไปดู พืชพรรณธัญญาหารพื้นบ้านอันหลากหลาย ดังที่ว่ามา ทั้ง เห็ด ผัก แมลง กบ เขียด ปลา ผลไม้ป่า โอ๊ย...สารพัดจะบรรยาย วันไหน นึกสนุก อยากไปอีก เอาภาพมาฝาก ด้วยนะคะ อยากเห็น เป็นอะไรที่ชอบมากๆ เวลาไปเดินตลาดแล้วเห็นอะไรที่ไม่รู้จัก ก็จะตื่นเต้น ถามแม่ค้าว่า มันคืออะไรคะ ? (แต่ไม่ได้ซื้อหรอกนะ) แม่ค้าก็ไม่ได้ว่าไร แต่เค้ายิ้มๆ ทำไมไม่รู้สิ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางดีมานด์
ความหลากหลายทางซัพพลาย
ความหลายหลาก มิมีที่สุด ของมนุษย์ :)
ขอบคุณมุมคิดดีๆ ธรรมชาติเท่านั้น ที่ ... :)