สัปดาห์นี้คงไม่มีเรื่องเล่าชาวเบาหวาน เนื่องจากอยู่เวรวันที่ 14 มค.55 เช้า-บ่าย และวันที่ 15 มค.55 เช้า-บีดี แต่เมื่อวานฝนตกหนักตรงตามคำพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ว่าไว้ ตกตั้งแต่เช้า ไม่มีคำว่าหยุด ดิฉันลงเวรกลับบ้านก็ปรากฎว่า น้ำปริ่ม ๆ จะเข้าบ้านอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะท่วมในบ้านสูงประมาณ 80 ซม.ไปเมื่อวันที่ 2 มค.55 นี่เอง ข้าวของส่วนใหญ่ก็ยังอยู่บนชั้นสอง มีบางส่วนที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันก็ต้องยกลงมาบ้าง เป็นอันว่าลงเวรแล้วก็ไม่ได้นอน ต้องยกของที่วางอยู่บนพื้น ขึ้นวางบนโต๊ะและชั้นวาง เก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้มาเก็บไว้ก่อน เพราะฝนสาดซ้ำจนเปียก เสร็จตอนตี 3 ก็เข้านอน ตี 4 ตื่นมาดูน้ำ เพราะประสบการณ์ตอนเดือนมีค.54 น้ำท่วมในบ้านประมาณ เกือบ 2 เมตร กลัวจะนอน ๆ อยู่แล้วลอยไปกับน้ำ หรือไม่ก็หาทางออกจากบ้านไม่ได้ หลับ ๆ ตื่น ๆ จน 6 โมงเช้า ตื่นขึ้นมาทำงาน ง่วงมาก ๆ แต่วันนี้มีคนมารับบริการไม่มากนัก ดิฉันก็เลยได้บุญไม่ค่อยมากเท่าไร (มีอาจารย์ท่านนึงบอกว่า เวลาอยู่เวร อย่าเรียกว่าอยู่เวร ให้เรียกว่าอยู่บุญ ท่านบอกว่าคน โรงพยาบาลไม่ต้องไปทำบุญที่วัดไหน มีบุญมาให้ถึงที่ทุกวัน )
ช่วงนี้รู้สึกจะเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมบ่อยขึ้น แต่โชคดีที่ไม่มีความเสียหาย ยกเว้น เสียแรง&เสียความรู้สึก ก็คงต้องทนกับสภาพนี้ไปอีกประมาณ 5 ปี เมื่อโรงพยาบาลก่อสร้างตึกใหม่เสร็จ และได้ให้บริการในตึกสูงทั้งหมด คาดว่าก็น่าจะแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน แต่ตอนนี้ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน นั่นคือ กั้นไม่ให้น้ำเข้า สูบน้ำออก ทำท่อระบายน้ำให้น้ำไหลลงทะเลให้เร็วขึ้น
ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากของโรงพยาบาลท่าศาลาเกิดจากการถมที่รอบ ๆ โรงพยาบาลเพื่อก่อสร้างถนน อาคารต่าง ๆ โดยไปขวางทางเดินของน้ำจากภูเขาลงสู่ทะเล ไม่มีการวางระบบระบายน้ำ ขณะนี้พื้นของโรงพยาบาลต่ำกว่าถนนหน้าโรงพยาบาลประมาณ 2 เมตร ก็คงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมฝนตกทางภาคใต้ทีไร โรงพยาบาลท่าศาลา ติดอันดับถูกน้ำท่วมทุกครั้ง เรียกว่า ชื่อเสียงโด่งดังเพราะน้ำท่วมนี่แหละ
น้ำท่วม น้ำท่วม น้ำท่วม
โดยจนอ่วมอรทัยใจละเหี่ย
เสียหยาดเหงื่อแรงกายพาอ่อนเพลีย
ประสาทเสียเรื่อยมาคราฝนพรำ
คงต้องมีแรงกายไว้สู้ต่อ
กำลังใจมีให้พออย่าบอบซ้ำ
ธรรมชาติเอาคืนให้หลาบจำ
ภัยธรรมชาติเกิดซ้ำ น้ำมือมนุษย์เอง
จะพยายามอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุข นุชนาฎ ตัสโต