บ้านเปร็ดใน : ชุมชนที่อยู่กันได้แม้ความคิดต่าง
เมื่อ "ความรู้" คืออาวุธ สร้างการเปลี่ยนแปลง
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังจากไปนั่งคุย เดินคุย กับชาวบ้านเปร็ดใน หมู่ 2 ต.ห้วงน้ำขาว จ.ตราด กลับมานั่งประมวลภาพของชุมชนเข้มแข็งที่คนในชุมชนสามารถฟื้นฟูและอนุรักษ์ผืนป่าชายเลนในพื้นที่ 12,000 ไร่ ไว้ได้อย่างดี จนกลายเป็นชุมชนตัวอย่างที่มีหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ในประเทศก็มี ต่างประเทศก็มา อยากจะต่อยอดกันทั้งนั้น ในหมู่บ้านจึงมีป้ายดีเด่นด้านโน้น ด้านนี้อยู่เต็มไปหมด เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า แล้วพวกเขาอยู่กันอย่างไร จัดการกันอย่างไร
![]() |
![]() |
“ทั้งตำบลห้วงน้ำขาวเรามีกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก แต่กลุ่มแกนหลักจริง ๆ คือ กลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน และ กลุ่มองค์กรการเงินชุมชน ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ก็เกิดขึ้นขยายต่อออกมาครอบคลุมคนทั้งตำบล เรียกได้ว่าทุกคนในเปร็ดในล้วนเป็นสมาชิกกลุ่มกิจกรรมไม่กลุ่มใดก็กลุ่มหนึ่ง ลืมตาเกิดมาก็เป็นสมาชิกกลุ่มแล้ว” ผู้ใหญ่สำเนา เป็ดแก้ว บอก
การเป็นสมาชิกกลุ่ม ซื้อของสหกรณ์ ร้านค้าชุมชน ร่วมกิจกรรมพัฒนาชุมชน ร่วมเป็นนักวิจัยชาวบ้าน กลางแสดงความคิดเห็น “พูดคุยกันด้วยข้อมูล” คือสิ่งที่เห็นจากบ้านเปร็ดใน การคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิง (ดุเดือด ขนาดแบ่งฝ่ายลุกขึ้นชี้หน้ากัน) ก็มีออกบ่อย การรวมกลุ่มระดมความคิดเห็นหาข้อสรุปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอาจต้องจัดเวทีกันหลายรอบ บางครั้งคุยกันไม่ได้ แต่ละฝ่ายก็กลับไปทบทวน แล้วกลับมาคุยกันใหม่ หาคนกลาง(ผู้นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาจเป็น ผู้ว่าฯ หรือผู้นำที่คนในชุมชนนับถือ)มาอยู่ด้วย ซึ่งบางทีก็ไม่ได้ผล แต่ในหลาย ๆ เวทีที่ไม่สำเร็จพวกเขาก็เรียนรู้ว่าในที่สุดแล้วยุติได้ด้วยการ นำ “ข้อมูล” มาคุยกัน ความร่วมมือกับภายนอกทั้งงานวิจัย งานพัฒนาต่าง ๆ ก็เพื่อให้ได้องค์ความรู้ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งชาวบ้านหลายคนยืนยันว่า เมื่อมีข้อมูลเราจะทำอะไรก็ได้
Ø ความรู้ช่วยฟื้นฟู อนุรักษ์ป่าØ ความรู้ช่วยแก้ปัญหาØ ความรู้สร้างอาชีพ Ø ความรู้สร้างความสัมพันธ์ชุมชนØ ความรู้ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง
ผู้ใหญ่สำเนา เป็ดแก้ว ม.2 |
น้ากำธร ห้วงน้ำ |
“คนเปร็ดในว่ากันตามจริงก็เป็นเครือญาติกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเห็นต่างกันอย่างไร เช่นบางกลุ่มมองว่าต้องใช้ความเด็ดขาดในการจัดการกับปัญหา บางกลุ่มก็มองว่าเหตุผลสิต้องเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน แต่เมื่อใดมีใครมาสร้างปัญหาให้กับชุมชน คนเปร็ดในก็รวมตัวกันได้เพื่อจัดการกับปัญหานั้น และทำทุกรูปแบบ เพราะเราผ่านประสบการณ์ต่อสู้ร่วมกันมาเยอะ” น้ากำธร ห้วงน้ำ 1 ในแกนนำที่ร่วมต่อสู้เรื่องป่ากันมา บอก และว่า คนในเปร็ดในเราถึงยุคที่ต้องใช้สมอง แม้ปัญหาในเปร็ดในยังคงอยู่ (จากความคิดต่าง) แต่สังคมโดยรวมสงบขึ้น อยู่กันด้วยดี เป็นความภูมิใจจากการทำงานของเราที่ช่วยกันเติมทุนทางสังคมของชุมชน แต่ความสำเร็จอย่างนี้ที่ไม่สามารถปั้นเป็นตุ่มเป็นโอ่งได้ (เปรียบเทียบว่าอาจไม่เห็นเป็นผลงานที่จับต้องได้) แต่เรารับรู้กันว่ามันดีขึ้น
เมื่อให้ความสำคัญกับการมีข้อมูลความรู้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือของการทำทุกเรื่องของชุมชน พวกเขาจึงยินดีที่จะร่วมมือกับหน่วยงานหรือองค์กรภายนอกที่เข้ามา แต่ก็เป็นไปอย่างระมัดระวัง และมีการทบทวนกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็จะไม่ทำ
ที่ยกเรื่องนี้มาเล่า ก็เพื่อจะบอกว่า การเรียนรู้ของบ้านเปร็ดในเขาเรียนรู้กันไม่ใช่แค่มองกันแต่เรื่องดี ๆ แต่เขาก็เรียนรู้จากปัญหาและความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในชุมชนง และใช้ "ความรู้"เป็นเครื่องมือคลี่คลายปัญหา ดังนั้นแม้มีความคิดแตกต่างแต่พวกเขาก็อยู่ร่วมกัน และแสดงออกถึงความเป็น คนเปร็ดใน อย่างชัดเจนเมื่อภัยมาถึง ถ้าพูดอย่างหนังจีนก็คงต้องออกมาประมาณว่า "ชุมชนข้าใครอย่าแตะ....แต่เราแตะกันเองได้" ก้อน่าสนใจไปอีกแบบ