การบ่มเพาะให้นิสิตตระหนักในความสำคัญของเรื่อง
“จิตสำนึกสาธารณะ” เป็นเรื่องใหญ่มาก
จำต้องอาศัยกระบวนการหลายอย่างเข้าขับเคลื่อน
อาศัยเพียงแค่การ
บรรยาย การสอนทฤษฎีในชั้นเรียน
และมอบนโยบายผ่านเวทีอย่างเดียวคงไม่พอ
หากแต่ในวิถีที่ผมรับผิดชอบนั้น
ผมพยายามมุ่งให้นิสิตเรียนรู้เรื่องดังกล่าวผ่าน “กิจกรรม”
หรือเรียนรู้ผ่านการ “ปฏิบัติจริง” เป็นที่ตั้ง
กรณีไม่นานมานี้ทั้งผมและนิสิตได้จัดตั้งกลุ่ม “มมส แทนคุณแผ่นดิน จิตอาสาเพื่อในหลวง” ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการเรื่องจิตสำนึกสาธารณะ โดยเน้นการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ทางสังคม ควบคู่ไปกับการบอกเล่าเรื่องราวที่ทำไปสู่สาธารณะในมิติต่างๆ เป็นต้นว่าในบางเวทีก็จัดเสวนาเล็กๆ บางเวทีจัดวงโสเหล่ในแบบกันเอง บางเวทีก็จัดนิทรรศการภาพถ่าย บ้างก็ทำหนังสือถอดบทเรียนกิจกรรมด้านจิตอาสา และล่าสุดเปิด Facebook ขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่ให้แต่ละคนบอกเล่าเรื่องราว หรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวอันดีงามร่วมกัน
เป็นที่น่ายินดีว่าทุกอย่างเริ่มก่อตัวเป็นรูปธรรมมากขึ้นกว่าทุกๆ ปีที่ผ่าน มีกิจกรรมผุดขึ้นเป็นระยะๆ มีนิสิตเขียนเรื่องเล่าส่งมามากขึ้นทุกวัน บางเรื่องเล่าด้วยตนเอง บางเรื่องฝากเพื่อนเล่าผ่านมายังผม หลายต่อหลายเรื่องส่งไฟล์โดยตรงมายังผมก็เยอะแยะอย่างน่ายกย่อง
นอกจากนั้น
โดยส่วนตัวผมก็เคยได้ผุดโครงการ “มมส ร่วมใจห่วงใยชุมชน” (๑
คณะ ๑ หมู่บ้าน) ขึ้นมารองรับกระบวนการที่ว่านี้
มีวาทกรรมชูโรงหลายกระบวนความที่เน้นบริบทใกล้ตัว เช่น
เพราะมหาวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน,บอกรักมหาวิทยาลัยอย่างสร้างสรรค์,บอกรักชุมชนอย่างสร้างสรรค์,
รวมถึงวาทกรรมในกิจกรรมเนื่องในวาระพิเศษที่กว้างและชัดลึก เช่น
แทนคุณแผ่นดินเกิด, ทำความดีเพื่อในหลวง, ฯลฯ
กรณีเช่นนี้เมื่อเจอวิกฤต “ฝนตกน้ำท่วม”
ทั้งนิสิตและเจ้าหน้าที่จึงไม่ดูดายต่อกระบวนการดังกล่าว
ทุกส่วนจะขยับเข้าหากัน เพื่อผนึกกำลังลงสู่ชุมชน
มีทั้งเป็นกลุ่มใหญ่และการแยกทีม เพื่อให้ได้พื้นที่ในวงกว้างขึ้น
เฉกเช่นกับไม่นานมานี้ องค์กรต่างๆ ก็จัดกิจกรรมลอยกระทงเพื่อระดมทุนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงกิจกรรมการนำพา “ลูกฮัก” กลับสู่หมู่บ้านรอบมหาวิทยาลัยฯ ตามแนวคิด “๑ คณะ ๑ หมู่บ้าน” เพื่อ “บรรเทาทุกข์บำรุงสุขชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วม”
ทันทีที่น้ำเริ่มลดลง ทีมงานและนิสิตจำนวนหนึ่งลงพื้นที่สำรวจสภาพของชุมชน เพื่อจัดวางกรอบแนวคิดในการจัดกิจกรรม “ฟื้นฟูชุมชนและชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม” ซึ่งกรณีบ้านเขียบนั้น ครัวเรือนและโรงเรียน หรือแม้แต่วัดวาอารามไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเท่าใดนัก เราจึงหันหัวเรือมายังจุดที่วิกฤตที่สุด นั่นก็คือ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเขียบ” อันเป็นพื้นที่หลักที่ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
โดยหลักๆ สภาพทรุดโทรมหรือได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก แต่เราก็พยายามวิเคราะห์ภารกิจเท่าที่เราพึงกระทำได้ จนเป็นมติร่วมระหว่างนิสิตกับชาวบ้าน เช่น การปรับแต่งพื้นผิวสนามเด็กเล่น การทาสีตัวอาคารและรั้วศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การตัดแต่งภูมิทัศน์ให้สะอาดสะอ้านและร่มรื่น การจัดหาอุปกรณ์การเรียนรู้มอบให้กับเด็กๆ ฯลฯ
ถึงแม้จะมีการประสานชุมชนและผู้เกี่ยวข้องร่วมสองสัปดาห์เศษๆ แต่ก็อย่างว่าเรื่องบางเรื่องในระบบราชการก็เต็มไปด้วยขั้นตอนอยู่ไม่ใช่ย่อย หากแต่ชาวบ้านและคณะครูผู้ดูแลยืนยันที่จะดำเนินการในเรื่องเช่นนั้น ผมและทีมงานจึงฝากย้ำให้เป็นภาระของชาวบ้าน หรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องให้การประสานแจ้ง หรือแม้แต่ขออนุญาตในการปฏิบัติการดังกล่าว พร้อมๆ กับการทิ้งประเด็นนัยยะของการมี “ส่วนร่วม” ไว้กับชาวบ้านและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ครับ ไม่มีกระบวนการใดที่ปราศจากปัญหาและอุปสรรค เพราะนั่นคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เป็นส่วนหนึ่งกับการงานที่จะมีขึ้น ซึ่งผมตระหนักในข้อนี้ดี จึงฝากย้ำผ่านผู้เกี่ยวข้องของชุมชนให้สื่อสารและกระตุ้นให้ภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาเป็น “เจ้าภาพ” ร่วมกัน ยิ่งหากชุมชนยืนยันในกำหนดการที่แจ้งไว้ ยิ่งต้องประสานภาคส่วนต่างๆ ให้แจ่มชัดและลงตัว...
ด้วยเหตุนี้ผมจึงฝากให้เจ้าหน้าที่และนิสิตสอบถามถึงแผนการฟื้นฟูในระดับชุมชน เพื่อที่จะผนึก หรือบูรณาการเข้าร่วมกัน ซึ่งหากไม่มีแผนก็ให้ชัดเจนว่าเราสามารถที่จะเข้าไปดำเนินการได้ และเมื่อลงมือทำงานต้องเห็นความร่วมมือ หรือการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียให้ได้มากที่สุด เพราะนั่นคือแนวทางที่ไม่ควรละข้ามและเพิกเฉย ยิ่งชุมชนใดมีวิถีกระแสการเมืองที่เข้มข้น ขาดความเป็นปึกแผ่น เรื่องเหล่านี้จึงจำต้องพึงระมัดระวังอย่างเป็นพิเศษ
นั่นคือสิ่งที่นิสิตจะต้องเรียนรู้ และเรียนรู้ให้มากพอเท่าๆ กับการไปลงแรงเพื่อขอความรู้ หรือให้บริการแก่สังคม...
วันนี้น้ำที่เคยท่วมขังได้เหือดแห้งลงแล้ว กิจกรรมจิตสำนึกสาธารณะของนิสิตที่มีต่อการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและชุมชนก็เริ่มทยอยเปิดตัวขึ้น เป็นการเคาะระฆังให้รู้ว่า “ได้เวลาลงสู่ชุมชน” อีกแล้ว
ครับ ครั้งนี้ไม่ใช่ไปสู้รบกับกระแสน้ำที่หลากไหลเหมือนวันที่ผ่านมา แต่เป็นการฟื้นฟูและเยียวยา หรือแม้แต่การทดสอบทักษะของการเรียนรู้และให้บริการแก่สังคมในตัวของนิสิตเป็นที่ตั้ง
นั่นคือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญและกำลังเฝ้ามอง....
...
๑๖ พ.ย.๕๔
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเขียบ
ขามเรียง-มหาสารคาม
...ขอให้มีความสุข..สงบ..สว่าง..ว่าง..สบายๆ..กับการทำงาน..ตลอดไปนะเจ้าคะ..สวัสดีปีใหม่เจ้าค่ะคุณแผ่นดิน..ยายธี
ชอบ MSU for ALL ค่ะ คุณแผ่นดิน สบายดีนะคะ หายเงียบไปโดน :)