ประเทศไทยน้ำท่วมนาข้าวเสียหาย แต่ผลผลิตข้าวโลกเพิ่มขึ้น 3%


วิกฤตการณ์ทั้งด้านอาหารและพลังงานทำให้แต่ละประเทศต่างปรับตัวเน้นเพาะปลูกพืชอาหารและพืชพลังงานทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง ประเทศไทยเราโดยเฉพาะเกษตรกรควรเตรียมตัววางแผนการผลิต วางแผนการใช้ชีวิตให้สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนและสมดุลย์กับสิ่งแวดล้อมและสภาวะธรรมชาติ

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเมินว่าผลผลิตข้าวทั้งโลกโดยรวมจะเพ่ิมขึ้นร้อยละ 3 โดยประมาณ ถึงแม้จะเกิดวิกฤตน้ำท่วมประเทศที่ได้ชื่อว่าปลูกข้าวส่งออกมากที่สุดในโลกอย่างประเทศไทย  ที่มหาวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้สร้างความเสียอย่างหนักทั้งพื้นที่เกษตร ที่อยู่อาศัยและภาคธุรกิจอื่นๆ  อีกทั้งยังมีประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียเราอย่าง  ลาว กัมพูชา ฟิลิปินส์  พม่า ปากีสถาน เกาหลีใต้  อินโดนีเซีย มาดากัสการ์ต่างก็ประสบภัยธรรมชาติด้วยเช่นกัน แต่ใช่ว่าจะประสบเหมือนกันทั้งโลกยังมีประเทศอื่น  ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบแถมยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวได้มากกว่าเดิม  อย่างเช่น จีน อินเดีย  เวียดนาม บังคลาเทศ อียิปต์  ซึ่งช่วยทดแทนทดแทนผลผลิตที่เสียหายจากภัยธรรมชาติ มองอีกมุมหนึ่งในแสดงใหเห็นว่าในแต่ละประเทศเร่ิมมีความระมัดระวังเรื่องอาหารการกินโดยใช้วิธีเพาะปลูกกันเองมากกว่ารอการนำเข้ามากขึ้น

การเพาะปลูกข้าวที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มประเทศผู้ปลูกข้าวทั่วโลก ส่งผลทำให้ปริมาณข้าวเพิ่มขึ้นในปี 2554 มากถึง 721 ล้านตัน สูงจากที่คาดการณ์เม่ือเดืินสิงหาคม ถึง 2.4 ล้านตัน  โดยสูงกว่าปี 2553 ประมาณ 3 เปอร์เซ็น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เห็นว่าสัดส่วนที่หายไปจากมหาวิกฤตอุทกภัยในประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก แต่สามารถทดแทนด้วยข้าวที่มาจากประเทศอินเดีย โดยตัวเลขประมาณการณ์ค้าข้าวในปี 2555 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 33.8 ล้านตัน น้อยกว่าในปี 2554 ซึ่งมียอดค้าสูงถึง 34.3ล้านตัน ซี่งเป็นปีที่มีการค้าขายข้าวมากที่สุด ถึงแม้ราคาโดยรวมจะสูงอย่างมากก็ตาม

จากวิกฤตการณ์ทั้งด้านอาหารและพลังงานทำให้แต่ละประเทศต่างปรับตัวเน้นเพาะปลูกพืชอาหารและพืชพลังงานทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง  ประเทศไทยเราโดยเฉพาะเกษตรกรควรเตรียมตัววางแผนการผลิต วางแผนการใช้ชีวิตให้สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนและสมดุลย์กับสิ่งแวดล้อมและสภาวะธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วให้ได้  โดยเฉพาะชาวนา ชาวนาชาวไร่  อย่าคิดแต่เพียงว่าผลผลิตข้าวภายในประเทศของเราเสียหายมากแล้วราคาจะแพงขึ้นแล้วปลูกแต่ข้าวเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้สังเกตุจากตัวเลขประมาณการขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ประเทศผู้ปลูกข้าวทั้งหลายอย่างเวียดนามคู่แข่งที่หายใจรดต้นคอเราทุกขณะ และยังมี จีน อินเดีย ต่างมีการตื่นตัวและปรับปรุงรูปแบบการผลิตด้วยตนเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน  จนสามารถสร้างผลผลิตโดยรวมทดแทนความต้องการของตลาดหรือผู้ผลิตทั่วโลกได้  แม้ประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งอย่างไทยจะเสียหายหนัก ฉะนั้นถ้าไม่ต้องการใช้ชีวิตอย่างประมาทควรมีการศึกษาวางแผนการผลิตให้รอบคอบ  ไม่ควรปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว  ควรเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่  เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก เพาะเห็ดร่วมไปด้วยก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงไม่ให้มีมากเกินไป

มนตรี บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ. www.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 472649เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2011 13:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม 2012 14:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท