การศึกษาไทยกับอาเซียน 58
เหตุการณ์ของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี แต่เด็กไทยยังไม่ตื่น ให้ความสำคัญกับการเรียนน้อยมาก ไม่ขยันเรียน ขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ มีผลกระทบที่อาจจะเกิดกับการศึกษาไทยเมื่อเปิดประชาคมเสรีอาเซียน (AEC) ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งต้องมีการเปิดเสรีทางการศึกษา จะเห็นได้ว่าขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในการ
เตรียมตัวเปิดประเทศ เมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะเรื่องของภาษา แม้แต่ระบบการศึกษาเพื่อรับกับนโยบายเปิดเสรีอาเซียนในกรุงเทพมหานครก็เช่นเดียวกัน ค่อนข้างปรับตัวช้า บางหน่วยงาน ยังไม่มีนโยบายหรือกระตุ้นให้หน่วยงานหรือองค์กรได้รับรู้เรื่องหรือเกิดการตื่นตัวกับอาเซียนเสรีว่ามีความสำคัญและเข้ามามีบทบาทในชีวิตความเป็นอยู่ของตนอย่างไรบ้าง ตรงข้ามกับการโฆษณาสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ไร้สาระ สิ่งมอมเมาเยาวชน นำมาประชาสัมพันธ์ทุกระบบข้อมูลการสื่อสาร การเรียนรู้เกิดจากการทำอะไรก็ตามเมื่อทำซ้ำ ๆ ก็จะเกิดการจำ และนำมาลองใช้ โดยไม่คิดถึงโทษที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อเกิดแล้วค่อยคิดแก้ปัญหา กว่าจะแก้ได้ก็สายเสียแล้ว เข้าสำนวนไทยที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” นี่คือลักษณะนิสัยเด่นของคนไทย ขณะนี้หลายประเทศเตรียมตัวเรื่องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองคนไทยก็ไม่น้อยหน้า เตรียมตัวเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกัน พยายามส่งเสริมการเรียนด้านภาษาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับนักเรียน แต่ขาดการติดตามประเมินผลและการนำไปใช้อย่างจริงจัง และขณะนี้ประเทศอินโดนีเซียเรียนภาษาไทยเป็นภาษาที่สามแล้ว
การที่ประเทศไทยได้เปรียบเรื่องภูมิศาสตร์ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหา เรื่องภัยธรรมชาติที่กระทบกับการศึกษาสักเท่าไหร่ อีกทั้งมีความเข้มแข็งทางวิชาการ และความพร้อมด้านต่างๆ พอสมควร ด้วยเหตุผลนี้หรือเปล่าจึงทำให้เด็กไทยขาดความกระตือรือร้น เพราะมีความพร้อม สุขสบายทุกอย่างจึงเสพเอาแต่วัตถุนิยม ที่บ่อนทำลายล้างสมองเด็กไทยให้ฝ่อลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มาจากผู้ใหญ่เป็นสาเหตุทั้งสิ้น เกิดจากความมักง่าย เห็นแก่ได้ ขาดวินัย จึงทำให้เกิดทุกข์ที่เพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ใหญ่อีกนั่นแหละเป็นผู้ขายชาติ ขายแผ่นดินเสียเอง ฆ่าคนทั้งชาติด้วยมือของตนเอง อีกไม่นานประเทศไทยจะกลายพันธุ์เป็นชนชาติใดยังไม่ทราบได้ ดังนั้น จึงคิดว่าฝ่ายบริหารต้องชัดเจนและจริงจังในเรื่องนโยบายการศึกษาให้มากกว่านี้ พร้อมทั้งดำเนินการตามแผนการศึกษารับเสรีอาเซียนที่ได้วางไว้ให้เป็นรูปธรรมด้วยและที่ยังขาดอีกเรื่องหนึ่ง คือองค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศในอาเซียน เพราะถ้าเด็กได้ไปทำงานในต่างประเทศการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพฯ ซึ่งได้ลงนามกันที่วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม การกินดีอยู่ดีบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก ในปัจจุบันอาเซียนมีสมาชิกรวมทั้งหมด 10 ประเทศเป็นการรวมตัวของกลุ่มประเทศที่มีพลังต่อรองในเวทีการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความก้าวหน้าของอาเซียนมีปัจจัยสำคัญจากความไว้ใจกันระหว่างรัฐสมาชิก อันก่อให้เกิดบรรยากาศที่สร้างสรรค์และเอื้อต่อการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกัน
จากพฤติกรรมของเด็กไทยดังกล่าว พอมองเห็นอนาคตประเทศไทยได้อย่างชัดเจนเลยว่า ประเทศไทยจะไปได้ดีคืองานบริการ และเป็นไปได้ในกลุ่มของพนักงาน เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยงานย่อย โดยมีผู้บริหารเป็นคนต่างชาติ
จากนโยบายทางกระทรวงศึกษาธิการ ที่ว่าจะเปิดโอกาสให้ทุกคนในสถานศึกษาพูดภาษาอังกฤษหนึ่งวันในหนึ่งสัปดาห์ นั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นการฝึกฝนให้เกิดความเคยชิน และกล้าที่จะพูดสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
อยากให้มีการตื่นตัวเรื่องนี้ให้มากขึ้น
ถึงมากที่สุดเลยนะครับ