ลูกศิษย์เพื่อนผมอาจารย์ดร.อัจริยะ อุปการะกุล อาจารย์ชาว AI อีกคนเล่าให้ฟังว่า.."ผมทำงานให้ธนาคารของรัฐครับ..เป็นกรรมการฌาปนกิจสงเคราะห์..ปัญหาคือ..ตอนนี้ยอดสมาชิกลดจาก 9,000 ถึง 3,000 คน..ปัญหาที่มากกว่านั้นคือ..ที่ผ่านมาเรามาวิเคราะห์ว่าปัญหาคืออะไร คุยแต่ปัญหาทุกวัน..พอมาเรียน AI ก็เลยลองตั้งคำถามใหม่..ลองถามว่า..แล้วที่ได้ผลมีอะไรบ้างไหม.." "ผมเอาคำถามเชิงบวก..เชิงบวก ไปคิด แล้วเราก็ถามกันเองว่า..ที่จังหวัดเรามีฌาปนกิจสงเคราะห์กว่าห้าแห่ง อีกสี่แห่งไม่มีปัญหา..เขาทำอย่างไร อะไรที่ต่างจากเรา"
...
"ที่สุด เราก็ได้คำตอบครับ..สี่แห่งที่เหลือมีคณะกรรมการณาปนกิจสงเคราะห์ในระดับตำบล..ในขณะที่เรามีแค่ในระดับจังหวัด..สมาชิกของเขามีปัญหาอะไร เขาตามถึงตัว..ไปคุยไปเจรจาต่อรอง..ของเราพอขาดส่งก็แค่ส่งจดหมายตาม..ถ้าขาดชำระ เราก็ตัดเขาออกจากสมาชิกเลย..ไม่แปลก สมาชิกเราลดลงไป 6,000 คน.."
...
"เราเลยปรับกระบวนการทำงานใหม่..ตอนนี้เรามีคณะกรรมการประจำตำบล..ล่าสุดมีคนขาดส่ง..ผมลองตามไปคุย ถามปัญหา ที่สุดสองรายเราได้เงินกลับมา 3,900 บาท..แล้วก็ยังรักษาสมาชิกไว้ได้..."
...
"ผมว่าเราเริ่มมาถูกทางแล้ว..ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น..จำนวนสมาชิกเริ่มไม่ลด แถมเพิ่มขึ้น..ผมจะรอติดตามผล ราวๆเดือนกุมภา ปีหน้า น่าจะเห็นอะไรชัดกว่าเดิม..คือดีขึ้นมากๆ.."
...
นี่ไงครับ..ตัวอย่างโครงการ AI..
...
ใช้ได้ทุกวงการ นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ..จริงๆแล้ว ทุกปัญหามีคำตอบครับ..แต่ถ้้าถามด้วยคำถามเชิงบวก แทนที่จะถามเชิงลบ จะได้คำตอบ ที่จริงๆ..แล้วก็อยู่ตรงหน้าของคุณมาตั้งนานแล้วครับ
...
คุณล่ะ คิดอย่างไร
คิดเชิงบวก ได้ผลเชิงบวกนะคะอาจารย์
โหลงไปในระดับชุมชนจริงๆค่ะ