ชีวิตที่พอเพียง : 1450ข. ทำการบ้านส่งโรงเรียนขามป้อมพิทยาคม
เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ธ.ค. ๕๔ หลังวิ่งออกกำลัง ผมนั่งอ่านเอกสาร “สรุปรายงานผลการจัดทำโครงงาน เครือข่าย LLEN มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โรงเรียนขามป้อมวิทยาคม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม” เพื่อทำการบ้านส่งท่านอาจารย์โรงเรียนนี้ ที่กรุณามอบเอกสาร นี้ให้แก่ผมในวันที่ ๙ ธ.ค. ๕๔ โดยที่ผมก็จำไม่ได้ว่าท่านผู้มอบเอกสารชื่ออะไร
แต่ผมเห็นว่าท่านตั้งใจมอบเอกสารให้ผม ก็คงจะต้องการ feedback เพื่อนำไปพัฒนางานจัดการเรียนรู้ ของศิษย์ให้ดียิ่งขึ้น ผมจึงทำการบ้านส่งท่าน ด้วยตระหนักในความตั้งใจของท่านที่จะจัดการเรียนรู้ให้แก่ศิษย์ ให้ดียิ่งขึ้น
ครูเพื่อศิษย์ ที่ทุ่มเทลงมือทำจริงเช่นนี้ ผมยกย่อง และยินดีรับใช้
แต่คงต้องทำความตกลงกันก่อนว่า feedback ย่อมมีทั้งด้านบวกและด้านลบ หรือด้านชมและด้านติ ทั้งหมดนั้น เพื่อให้การทำหน้าที่ครูเพื่อศิษย์ ทำได้ดียิ่งขึ้น
การทำเอกสารชิ้นนี้อย่างตั้งใจ ย่อมเป็นความดีในตัวอยู่แล้ว ยิ่งเอามามอบให้ผม ซึ่งเป็นที่รู้กัน ไปทั่วว่าผมมีนิสัยชมตรงๆ ติตรงๆ ย่อมเป็นสัญญาณว่าท่านต้องการความเห็นหรือข้อแนะนำ และผมยินดี รับใช้
คณะครูที่ทำเอกสารรายงานนี้ได้คะแนนส่วน ๘๐% เป็นคะแนนเต็มไปแล้ว ส่วนที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นส่วน ๒๐% ที่จะปรับปรุงหรือไม่ ท่านก็สอบผ่านไปแล้ว
ผมชื่นชม (๑) ความเอาใจใส่ของคณะครู ต่อผลการประเมินคุณภาพทางการศึกษาของ สมศ. ว่า คะแนนด้านการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนค่อนข้างต่ำ และต้องการปรับปรุง (๒) การออกแบบการแก้ไข โดยจัดค่ายพัฒนาการคิด ร่วมกับโรงเรียนนาข่าวิทยาคม และชื่นชมว่า (๓) มีครูถึง ๑๓ คน เข้าร่วมกิจกรรมค่าย ในวันที่ ๒๓ - ๒๔ ก.ค. ๕๔ ซึ่งเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ (๔) ชื่นชมการเชิญนายก อบต. มาเปิดงาน พร้อมผู้นำชุมชน เพื่อหาทางดึงดูด อปท. และผู้นำชุมชน เข้ามาสนใจสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในพื้นที่ (๕) ชื่นชมทีมงาน จาก มมส. ที่ไปร่วมสนับสนุน กิจกรรมนี้ ชื่นชมที่ทีมงานมีทั้งคณาจารย์ และนิสิต เพราะการไปร่วมกิจกรรม เช่นนี้คือ ช่องทางการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับนิสิต (๖) ชื่นชมการออกแบบให้นักเรียนเรียนรู้จากผู้ทรงภูมิปัญญา ในท้องถิ่น
จากการอ่านเอกสารชิ้นนี้ ผมเกิดความรู้สึกว่าครูโรงเรียนขามป้อมพิทยาคมที่เป็นทีมจัดทำรายงานชิ้นนี้ ต้องพัฒนาความละเอียดลออ แม่นยำ เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ คือเอกสารควรมีการใส่หน้าด้วย และในบันทึก ข้อความรายงานผู้อำนวยการโรงเรียนระบุว่ามีนักเรียนเข้าร่วม ๒๗ คน เป็นชาย ๘ หญิง ๑๘ รวมแล้วเพียง ๒๖ ไม่ใช่ ๒๗ ความบกพร่อง เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ครูควรเอาใจใส่ เป็นตัวอย่างความละเอียดรอบคอบแก่ศิษย์ เพราะ การทำเป็นตัวอย่างสำคัญกว่าการสอน การฝึกฝนให้เป็นคนละเอียดรอบคอบ เป็นการเรียนรู้ทักษะชีวิตที่ สำคัญยิ่ง
อีกตัวอย่างหนึ่งของความแม่นยำละเอียดลออ อยู่ที่เอกสารที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า แนวทางการดำเนิน โครงการการสร้างระเบียบวินัยและความรับผิดชอบแก่นักเรียน โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม ร่วมกับเครือข่าย LLEA …. ในหน้านี้มีคำผิดคือ LLEA ถึง ๔ ที่ คำที่ถูกต้องคือ LLEN
ในเอกสารชิ้นนี้ มีบันทึกของผู้อำนวยการโรงเรียนขามป้อมพิทยาคม นายคมณ์ แคนสุข ว่า ทราบ เป็นการประจานผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างแรง ในสายตาของผม ว่ามีสติปัญญาและความเอาใจใส่แค่รับทราบ ไม่เห็นคุณค่าของกิจกรรมนี้ ไม่เห็นโอกาสในการต่อยอดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน โรงเรียนที่ตนรับผิดชอบ สะท้อนภาพการบริหารโรงเรียน และเป็นการประจานคุณภาพการบริหารการศึกษา ของ สพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการด้วย ว่าได้สร้างวัฒนธรรมการบริหารโรงเรียนแบบนี้หรือ
ที่จริงคณะผู้จัดทำรายงานเขาบอกว่า เพื่อโปรดทราบและพิจารณาสั่งการ แต่ ผอ. โรงเรียนแค่เขียนว่า ทราบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพื่อการดำเนินการต่อเนื่องทั้งสิ้น ผมมองว่านี่คือตัวอย่างและหลักฐานแสดงการบริหาร การศึกษาที่ผิดพลาด เป็นตัวอย่างของสาเหตุความล้มเหลวของการศึกษาไทย
สิ่งที่ขาดไปในรายงานฉบับนี้คือ AAR (After Action Review) ทั้งของครู และของนักเรียน ต่อกิจกรรมค่ายพัฒนาทักษะฯ โดยตอบคำถามหลัก ๕ ข้อคือ
ผมอ่านระหว่างบรรทัดในรายงานฉบับนี้แล้วสงสัยว่าณะผู้จัดทำรายงานเข้าใจผิดว่าการเข้าร่วมกิจกรรม LLEN มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นการจัดกิจกรรมหนึ่งชิ้น คือกิจกรรมค่ายพัฒนาทักษะฯ ก็เป็นอันจบ สะท้อนกระบวนทัศน์แบบ project-based หรือคิดสั้นๆ เพียงหนึ่งกิจกรรมแล้วจบ ในขณะที่โครงการ LLEN ต้องการสร้างกระบวนทัศน์ที่มีความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับวงการศึกษาในพื้นที่เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพการศึกษาของพื้นที่ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องยาวนาน
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ธ.ค.๕๔
ขอบคุณท่านอาจารย์หมอมากครับ ผมสังเกตความรู้สึกตนเองขณะอ่านและหลังจากอ่านบันทึกนี้ แปลกมากที่ใจผมแทนที่จะ "ห่อเหี่ยว" กลับ "หึกเหิม" เหมือนกลองศึกปลุกใจให้ "คึก" อีกหลายเท่า แน่นอนว่า ทักษะชีวิตที่ต้องคิดและทำให้ละเอียดลออนั้น ผมเองต้องฝึกอีกมาก ล่าสุดๆคือ "ก้าวที่สามของ LLEN มหาสารคาม" ที่เขียนว่า www.gotoknow.com แทนที่จะเป็น www.gotoknow.org อย่างไรก็ตาม ยังคง "ทำเหตุ ไม่ยึดผล" ต่อไปครับ
สิ่งที่อยากรู้ที่สุดสำหรับผมคือ ผอ.คมณ์ ซึ่งเป็น ผอ.เบอร์หนึ่งที่ผมประทับใจในวิถีการสร้างเครือข่ายกับสถาบันการศึกษา และครูเพียรศรีหนึ่งในครูที่ผมชวนไปเวที PLC_2nd มีความเห็นอย่างไร จะมีใจหึกเหิมและน้อมไปปรับปรุงเหมือนผมหรือไม่ แต่ผมว่าเรื่อง "ใจกว้างขวาง" ผอ.คมณ์ไม่น่าจะด้อยกว่าใคร และจิตใจที่อุทิศเพื่อเด็กและโรงเรียนของครูเพียรศรีนั้นหนักแน่นและมั่นคงอยู่แล้ว....
ชอบใจประโยคนี้ของอาจารย์มากๆค่ะ เพราะเมื่อได้มีโอกาสตรวจงานคนอื่น จะพบความบกพร่องที่เกิดจากขาดความละเอียดรอบคอบบ่อยมาก จนบางครั้งเราหมดโอกาสที่จะได้ดูภาพใหญ่ เพราะเรื่องปลีกย่อยขาดสิ่งสำคัญนี้
"เป็นตัวอย่างความละเอียดรอบคอบแก่ศิษย์ เพราะ การทำเป็นตัวอย่างสำคัญกว่าการสอน การฝึกฝนให้เป็นคนละเอียดรอบคอบ เป็นการเรียนรู้ทักษะชีวิตที่ สำคัญยิ่ง"
น่าคิดนะคะว่า ระบบการศึกษาเราในปัจจุบันก็ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับความละเอียดแบบนี้ และถ้าคนที่ควรเป็น "ต้นแบบ"ไม่ให้ความสำคัญด้วย ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงมาก หวังว่าสิ่งที่อาจารย์ทักท้วงจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความตระหนักได้ในวงกว้าง
สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราญช์ยังรู้พลั้ง...เพราะมนุษย์มีความเปลี่ยนมีลักษณะพลวัต..