จันทรุปราคา : ธรรมชาติสอนคน คนสอนกันเอง


อีกความคิดหนึ่ง "จันทรุปราคา" ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการกวีคือ ธรรมชาติต่างหากที่สร้างสิ่งนี้มาเพื่อสอนเรา เนื่องจากดวงจันทร์นับว่าเป็นดาวที่สวยงามและให้แสงสว่างแก่มนุษย์ ซึ่งจะทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตก แต่ในขณะเดียวกัน การทำหน้าที่ของดวงจันทร์ก็ไม่ได้เดินไปโดยความราบรื่นเสมอ หากปะปนไปด้วยอุปสรรคเช่นเดียวกัน ซึ่งหากเปรียบได้กับการใช้ชีวิตที่ต้องมีอุปสรรค และอีกประการหนึ่งดวงจันทร์แม้จะส่องแสงสว่างได้เพียงใด สักวันก็ต้องถูกปิดปังแสงนั้นไว้ เปรียบได้กับมนุษย์ที่ไม่มีความเที่ยงแท้ วันนี้เราอาจโชคดี มีหน้ามีตา มีโชคลาภวาสนา แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งมันอาจจะตกต่ำถึงขั้นไม่มีแสงสว่างอย่างดวงจันทร์ก็เป็นได้

       เสียงปืนดังขึ้นในคืนที่ลมหนาวกำลังวิ่งเล่นอย่างมีความสุข นำเอาความเย็นที่น่าเกลียดสู่กายของเราอย่างไม่รู้จะด่าอย่างไรจึงจะพอใจ เวลานี้เป็นเวลา ๒๑.๐๐ น. ของวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในขณะที่หน้าผมกำลังจดจ้องอยู่กับคอมพิวเตอร์อย่างไม่สนใจสิ่งรอบกาย

       เสียงปืนได้ฉุดพรากสายตาและความสนใจไปจากคอมพิวเตอร์เสียแล้ว สมองอันน้อยนิดของผมมันหลั่งไหลภาพและเสียงจากหน้าจอโทรทัศน์เมื่อครั้งที่ได้ถูกบันทึกไว้เมื่อตอนเย็น พร้อมกับกระชากออกมาโดยอัติโนมัติ "วันนี้มีจันทรุปราคา" เกิดขึ้นแล้วหรือพร้อมกับเสียงปืนที่ดังถี่ขึ้นทุกขณะ

       ทันที่ความคิดผุดขึ้น สมองได้กระชากเอารางอันผอมบางของผมลุกออกจากที่สู่ระเบียงหลังห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกล้องถ่ายภาพคู่กาย สายตาทั้งคู่สอดส่ายไปยังที่เกิดเหตุ แทนที่กล้องในมือจะถูกหยิบเอาขึ้นมาบันทึกไว้สักแชะสองแชะ แต่กลับลืมไปเสียสิ้นเสมือว่าไม่มีกล้องอยู่ในมือ

       สองไม่ได้บอกผมหรอกว่ามันมีความสวยงามหรือความน่ากลัวอย่างไร แต่มันได้เผยให้เห็นถึงสายเลือดนักกวีที่พอจะมีอยู่บ้างโดยการส่งให้เกิดข้อความขึ้นว่า

                    สุดอ้าวว้าง เปลี่ยวเหงา ในคืนหนาว

                    ในคืนดาว ศศิธร ต้องมนต์ขลัง

                    ไม่ส่องแสง สู่โลกได้ แม้แสงยัง

                    เช่นเรานั่ง รอคอยรัก จะส่องทาง

                    เมื่อไหร่หนอ ดาวรัก จะทอแสง

                    พอมีแรง กำลังใจ หายอ้างว้าง

                    นั่งขอพร วอนจันทร์ เมื่อมนต์จาง

                    โปรดชี้นาง ที่รอรัก มาทักทาย

             ในความคิดที่มาจากจินตการได้สร้างพลังเร้าสมองให้คิดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อครั้งยังเด็กเมื่อมีปรากฏการณ์ดังกล่าวเช่นนี้ขึ้น ตายายมักจะใช้ไม้ไล่ทุบสิ่งของต่าง ๆ โดยเฉพาะผลไม้เป็นสำคัญ โดยความสงสัยตามประสาเด็กกับคำตอบที่เราไม่ได้ใส่ใจ คือ การปลุกให้เขาตื่นจากความหลับไหล

            ซึ่งคำตอบดังกล่าวได้ชวนให้คิดถึงนิทานเรื่อง จันทรคาด ที่เคยได้ศึกษามาถึงต้นเหตุของการเกิดหลายประการ แต่สำคัญคือเรื่องของการทะเลาะกัน โดยเฉพาะพี่และน้อง นั่นก็คืออุดมการณ์อย่างหนึ่งที่มนุษย์มีหรือใช่สอนซึ่งกันและกัน

           นั่นคือมนุษย์สอนกังเอง แต่วันนี้อีกความคิดหนึ่ง "จันทรุปราคา" ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการกวีคือ ธรรมชาติต่างหากที่สร้างสิ่งนี้มาเพื่อสอนเรา เนื่องจากดวงจันทร์นับว่าเป็นดาวที่สวยงามและให้แสงสว่างแก่มนุษย์ ซึ่งจะทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตก แต่ในขณะเดียวกัน การทำหน้าที่ของดวงจันทร์ก็ไม่ได้เดินไปโดยความราบรื่นเสมอ หากปะปนไปด้วยอุปสรรคเช่นเดียวกัน ซึ่งหากเปรียบได้กับการใช้ชีวิตที่ต้องมีอุปสรรค และอีกประการหนึ่งดวงจันทร์แม้จะส่องแสงสว่างได้เพียงใด สักวันก็ต้องถูกปิดปังแสงนั้นไว้ เปรียบได้กับมนุษย์ที่ไม่มีความเที่ยงแท้ วันนี้เราอาจโชคดี มีหน้ามีตา มีโชคลาภวาสนา แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งมันอาจจะตกต่ำถึงขั้นไม่มีแสงสว่างอย่างดวงจันทร์ก็เป็นได้

        

หมายเลขบันทึก: 470921เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2011 21:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2012 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กำลังดูอยู่เหมือนกัน ลมเย็นๆ พัดมา ได้บรรยายกาศดีเหมือนกัน นั่งคุยและดูกันอยู่นาน

แต่ไม่เห็นราหูจะคลายดวงจันทร์เสียที นานมากกกกก ก็เลยแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน

ว่าแต่ว่าทำไมผู้คนเค้าต้องเคาะ ตี โน่นนี่ เพื่ออะไร เมื่อกี้ก็จุดพลุกับประทัดกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท