พ่อครับพ่อจำลุงใสได้ไหมครับพ่อ ลุงใสที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของพ่อยังไงครับ ตอนนี้แกเป็นแกนนำภาคประชาชนในการต่อต้านการคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ลุงใสแกเปลี่ยนไปเยอะพอสมควร แกดูแก่ลงมากแต่ก็ยังดูแข็งแรง หุ่นที่เคยท้วม ๆ ในสมัยก่อนตอนนี้ดูผอมลงเยอะ คงจะเป็นผลมาจากการที่แกต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่แกไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปสักกี่ร้อน กี่หนาวนั่นก็คือ อุดมการณ์ของความเป็นคนดีมีคุณธรรมตามแบบฉบับของพ่อครับ
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มเล่นการเมือง เส้นทางของผมกับลุงใสก็เคลื่อนห่างไกลออกจากกันไปเรื่อย ๆ เหมือนดังกรณีของผมกับพ่อนั่นแหละครับ ผมไม่เคยสนใจและใส่ใจในคำเตือนของลุงใส เพราะ ผมคิดว่า คุณธรรมและความดีในแบบฉบับของแกที่เป็นเสมือนคู่แฝดกับแบบฉบับของพ่อนั้น มันไร้สาระสิ้นดีสำหรับนักการเมืองรุ่นใหม่อย่างผม จวบจนเมื่อไม่นานมานี้ผมได้เจอกับลุงใส นับได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ที่ผมกับแกได้มีโอกาสพูดคุยอย่างเป็นกันเองเหมือนสมัยก่อนตอนที่แกเป็นผู้ช่วยของพ่อ ลุงใสได้ยื่นสมุดบันทึกซึ่งเก่ามากให้กับผมเล่มหนึ่ง แต่ดูแล้วลุงใสคงเก็บมันไว้เป็นอย่างดีเพราะไม่มีร่องรอยของการฉีกขาดหรือชำรุดเลยนอกจากความเก่าของมันเท่านั้นที่ปรากฏ
“ลุงคิดจะมอบให้หลานมาตั้งนานแล้ว แต่คิดว่าตอนนั้นมันคงไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับหลานเท่าไหร่ ดีไม่ดีมันอาจจะทำให้หลานหงุดหงิด รำคาญใจ และฉีกมันทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์” ลุงใสพูดขึ้นพร้อมกับยื่นสมุดบันทึกเล่มนั้นให้กับผม
“ลุงคิดว่าตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้วที่จะให้หลาน...แม้ว่ามันอาจจะดูสายเกินไปสำหรับหลานในวันนี้ แต่ลุงก็คิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคตสำหรับหลาน”
ผมค่อย ๆ เปิดสมุดบันทึกเล่มเก่าที่บ่งบอกถึงอายุที่มากของมันได้เป็นอย่างดี ข้างในเป็นลายมือของพ่อ ผมจำได้ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นมานานกว่า ๒๐ ปีแล้ว แต่ลายมือของพ่อนั้นยังอยู่ในความทรงจำและในใจผมตลอดมา
๑๐ ธันวาคม ๒๕๓๐
เกียรติ ลูกรัก
พ่อไม่เคยโกรธหรือโมโหที่ลูกมีความคิดทางการเมืองไม่ตรงกับพ่อ วันก่อนที่เราถกเถียงกันอย่างรุนแรง ในเรื่องของความดี ความมั่งคั่ง และเกียรติยศนั้น พ่อเข้าใจและเคารพในมุมมองและความคิดของลูก สิ่งที่ลูกคิดและลูกเห็นตลอดถึงการกระทำของพ่อที่ยึดมั่นในคุณธรรมและความดีนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ส่งผลเป็นรูปธรรมนำมาซึ่งความนับหน้าถือตาของคนทั่ว ๆ ไป เหมือนกับคนที่ร่ำรวยและมั่งคั่ง แต่พ่อขอให้ลูกเชื่อและศรัทราในคุณธรรมและความดีว่า สามารถที่จะนำพาชีวิตของลูกให้ประสบกับความสำเร็จในอนาคตได้ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือลูกจะได้รับกับความสุขใจที่เกิดขึ้นจากการได้กระทำความดีนั้น!
พ่อไม่ได้ห้ามหรือต่อต้านลูกในการสร้างความมั่งคั่งและร่ำรวย และพ่อจะสนับสนุนด้วยซ้ำไปหากการได้มาและใช้ไปซึ่งความร่ำรวยและมั่งคั่งนั้น มีคุณธรรมและจริยธรรมคอยกำกับอยู่ตลอดเวลา พ่อเป็นห่วงความคิดของลูกมากเหลือเกิน กลัวว่าลูกจะถลำลึกและหลงเสพติดในกับดักของ “เกียรติยศ” จนเกิดมิจฉาทิฏฐิหรือความหลงผิดอย่างแรงกล้าในเรื่องของเกียรติและความมั่งคั่ง พ่ออยากจะบอกและเตือนลูกว่า
“การเมือง” ตามนัยที่คนส่วนใหญ่ซึมซับและเข้าใจก็คือ “การเมือง เป็นเรื่องของการใช้อำนาจของผู้ที่มีอำนาจในการปกครองสังคม เป็นไปในทางการจัดสรร ผลประโยชน์ ให้กับสังคมเพื่อบรรลุซึ่งเป้าหมายของการอยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข” ซึ่งลูกจะเห็นได้ว่าในเรื่องของการเมืองก็จะอยู่ในบริบทของ “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์” ซึ่งในปัจจุบันที่ลูกไปช่วยพ่อหาเสียงนั้นคงจะเคย ได้ยินชาวบ้านและคนทั่ว ๆ ไป มักจะพูดเสมอว่า “การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์” คำว่า “ผลประโยชน์” ในที่นี้สามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ
๑. ผลประโยชน์ส่วนตน
๒. ผลประโยชน์ของพวกพ้อง และ
๓.ผลประโยชน์ของส่วนรวม
ซึ่งนัยของคำว่า “ผลประโยชน์” ตามความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในสังคมปัจจุบันแล้วลูกจะเห็นและสัมผัสได้ว่าส่วนใหญ่ จะมองนักการเมืองที่ข้อ (๑) และ (๒) คือ “ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง” เป็นสำคัญ ดังนั้นในอีกแง่มุมหนึ่งจึงทำให้เกิดมายาคติทางด้านการเมืองของการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่จะรักษา “ผลประโยชน์ของส่วนรวม” เอาไว้ถึงแม้ว่าจะยังมีไม่มากนักในสังคมไทยยุคปัจจุบัน เนื่องจาก คนส่วนใหญ่มองว่า “ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง” ของนักการเมือง มันได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาและชาชิน ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาช้านานแล้ว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะโกงกินบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้หว่านเงินมาแจกชาวบ้านเพื่อปิดปาก ปิดหู และปิดตาด้วยก็แล้วกัน จนมักมีคำพูดที่ฮิตติดปากของชาวบ้านเสมอ ๆ ว่า “มันก็โกงกันทุกรัฐบาลนั่นแหละ อยู่ที่ว่าโกงมากโกงน้อยก็เท่านั้นเอง” ซึ่งมายาคติในทัศนะเรื่องดังกล่าวเป็นการสะท้อนออกมาถึง การยอมรับ ในเรื่องของ “การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ (ส่วนตนและพวกพ้อง)” ว่า เป็นเรื่องปกติในสังคมไทย ที่ทุกคนต้องยอมก้มหน้ารับกรรม การที่การเมืองตกอยู่ในวังวนของเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ (ส่วนตนและพวกพ้อง) ซึ่งพ่อคิดว่าในอีกไม่นานนัก อาจะเป็นในยุคของคนรุ่นใหม่อย่างลูก เมื่อการเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้นการตรวจสอบก็จะมีมากขึ้น พ่อจึงไม่อยากให้ลูกเดินเข้าสู่กับดักของค่านิยมที่ผิด ๆ ในเรื่องของการได้มาซึ่งเกียรติยศ ซึ่งหากว่าลูกหลงผิดติดในกับดักนั้นแล้วมันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่วงจรหลักแห่งวิกฤติทางการเมือง
มิจฉาทิฏฐิเรื่อง “เกียรติ” อย่างที่เราเคยคุยกันหลาย ๆ ครั้ง ลูกจำได้ไหมในครั้งหนึ่งที่ลูกเคยพูดกับพ่อในทำนองที่ว่า หากมีคนตั้งคำถามว่า บุคคลใดในประเทศถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีเกียรติ คนส่วนใหญ่ก็จะตอบออกมาในแนวทางที่เป็นบุคคลที่สังคมรู้จักเป็นอย่างดี เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคม เป็นบุคคลที่ร่ำรวย เป็นต้น น้อยคนนักที่จะนึกถึงบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เป็นคนดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงหยั่งรู้ด้วยปัญญาญาณ และพระองค์ทรงตรัสไว้กว่า ๒๕ ศตวรรษที่ผ่านมา เป็นสัจธรรมมิเสื่อมคลายในสาระสำคัญที่ว่า “…ในหมู่คนที่คิดว่าตนเองเจริญแล้วเรื่องเกียรติถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่และหลงผิดคิดว่าดัชนีชี้วัดในเรื่องดังกล่าว คือ ความมั่งคั่งทางด้านวัตถุ...” ๑
คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันรวมทั้งตัวของลูกเองเชื่อและเข้าใจว่า “เกียรติ” มีความสัมพันธ์กับความมั่งคั่งทางวัตถุอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ เมื่อมีความมั่งคั่งทางด้านวัตถุมากขึ้น ก็จะมีเกียรติมากขึ้น และถ้าหากมีความมั่งคั่งทางด้านวัตถุลดลงก็จะส่งผลทำให้เกียรติลดลงมาด้วย
ทุกคนเกิดมาก็ย่อมปรารถนาให้ตัวเองเป็นผู้มีเกียรติทั้งนั้น ซึ่งเรื่องเกียรตินี้ถือเป็นความต้องการในแรงจูงใจลำดับที่สี่ตามทฤษฎีลำดับขั้นของแรงจูงใจ (Maslow’s hierarchical theory of motivation) ที่กล่าวไว้ว่า แรงจูงใจลำดับที่สี่ เป็นแรงจูงใจที่แสวงหาและรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติยศทั้งโดยตนเองสำนึกและผู้อื่นกล่าวขวัญยกย่องเชิดชู เช่น ความต้องการมีเกียรติ มีหน้ามีตา ความต้องการมีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่องนับถือ ความรู้สึกนับถือและเชิดชูตัวเอง เป็นต้น
ในความเป็นจริงทางสังคมที่ลูกเห็นและได้สัมผัสนั้นทุกคนเกิดมาก็ย่อมปรารถนาให้ตัวเองเป็นผู้มีเกียรติทั้งนั้น เมื่อความเข้าใจและความเชื่อในมายาคติแห่งเกียรติ (ที่อิงกับความมั่งคั่งทางวัตถุ) ครอบงำและบดบังปัญญาของมนุษย์ มนุษย์ส่วนใหญ่ก็แสวงหาเกียรติในรูปแบบของการกอบโกยและตักตวงเอาความมั่งคั่งทางวัตถุไปสู่ตนเองและพวกพ้องให้มากที่สุด โดยมองข้ามและก้าวข้ามพ้นผ่านเส้นแบ่งของเรื่อง “คุณธรรมและจริยธรรม”ไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือมุ่งเน้นที่จะกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องในการเป็นแนวทางไปสู่การสะสมเกียรติ อำนาจและบารมี ซึ่งมายาคติเรื่องเกียรติดังกล่าว ถือเป็นกับดักและหนทางในการนำไปสู่การมัวเมาในอำนาจอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสะสมความมั่งคั่งทางวัตถุในการตักตวงมูลค่าส่วนเกินทางเศรษฐกิจ มากกว่า การมุ่งเน้นสะสมความดีทางด้านจิตใจ เมื่อสะสมความมั่งคั่งแล้วก็มุ่งที่จะสร้างฐานอำนาจของตนเองเพื่อที่จะเก็บรักษาและแสวงหาความมั่งคั่งมาเก็บสะสมเพิ่มเติม (มุ่งกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง) เมื่อมีอำนาจและความมั่งคั่งก็จะใช้อำนาจความมั่งคั่ง (อำนาจเงิน) ครอบงำองค์กรและประชาชนเพื่อยืดอายุงานของการใช้อำนาจนั้นออกไปให้ยาวนานที่สุด เมื่อครอบงำองค์กรและประชาชนได้แล้วทำให้เกิดความเหลิงและมัวเมาในอำนาจ ก่อเกิดการลุแก่อำนาจ (ใช้อำนาจไปในทางมิชอบ) ใช้อำนาจเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและพวกพ้องเอาไว้ และท้ายที่สุดก็นำไปสู่จุดวิกฤติทางการเมือง
วงจรหลักแห่งวิกฤติทางการเมืองสามารถป้องกันได้ด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมโดยการร่วมกันสร้างจิตสำนึกใน “คุณธรรมและจริยธรรม” โดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะต้องมีระดับของมาตรฐานทางด้านคุณธรรมที่สูงเพื่อรักษาและสร้างผลประโยชน์ให้กับส่วนรวม ดังคำกล่าวที่ว่า “การเป็นรัฐบาลหรือการปกครองที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” ซึ่งพ่อก็ได้แต่หวังและภาวนาให้ลูกเป็นอย่างนั้น...
นอกเหนือจากคุณธรรมและจริยธรรมที่ต้องมีระดับที่สูงแล้วนักการเมืองต้องตระหนักและพึงระลึกไว้เสมอ คือ ต้องรักษาและธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ท้ายที่สุดพ่อหวังว่าเกียรติ ลูกรักของพ่อคงจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จิตใจมีคุณธรรม มองผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน พ่อหวังว่าลูกรักของพ่อคงจะเป็นฟันเฟืองอีกหนึ่งฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่สำคัญในการขับเคลื่อนทำให้ประเทศชาติของเราหลุดพ้นออกจากวงจรหลักแห่งวิกฤติทางการเมืองในอนาคต
รักลูกเสมอ
พ่อ
ผมอ่านบันทึกของพ่อจบน้ำตามันเอ่อไหล ไม่ใช่ด้วยมารยาหรือการแสดงที่ผมเฝ้าเพียรทำกับประชาชนเหมือนเมื่อครั้งต้องขอคะแนนความสงสาร แต่มันเป็นน้ำตาที่เอ่อล้นไปด้วยความตื้นตันใจระคนกับความเสียใจกับการกระทำของตนเองที่ผ่านมา
ถึงตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าเป็นอย่างมาก เหมือนกับคนที่เดินทางมายาวนาน ซึ่งอีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว...ผมสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าเต็มปอด พยายามรวบรวมสติและพลังที่มีอยู่ทั้งหมดก่อนที่จะอ่านจดหมายที่ตัวเองเขียนถึงพ่อต่อ...
พ่อครับผมถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ในสมัยที่สองของการรับตำแหน่งหลังจากครั้งแรกที่ได้เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ด้วยข้อหาใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่มิชอบ ซึ่งหลังจากที่ผมได้เป็นรัฐมนตรี มันได้สร้างความอหังการในการใช้อำนาจให้กับผมเสมือนเป็นการติดปีกให้กับเสือ (หิว) อย่างผม ทุกโครงการที่ผมทำจะต้องมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นโครงการเล็กหรือใหญ่ ผมถูกศาลอาญาแผนกคดีนักการเมืองสั่งจำคุก และถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้งอีก ๕ ปี จากการร้องเรียนของภาคประชาชนซึ่งนำโดยลุงใส จนนำมาสู่กระบวนการการตรวจสอบขององค์กรอิสระและการถอดถอนผมในท้ายที่สุด!
พ่อครับสุดท้ายนี้ บันทึกที่พ่อตั้งใจที่จะเขียนเตือนสติของผม ซึ่งลุงใสบอกว่า พ่อตั้งใจจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผม แต่พ่อก็มาเสียชีวิตในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าซะก่อน โดยที่ผมไม่มีโอกาสอวยพรปีใหม่ให้กับพ่อในปีนั้นเลย ทุกคนรู้ดีว่าพ่อเสียชีวิตเพราะอะไร...แต่พ่อครับ การเสียชีวิตของพ่อไม่ได้สูญเปล่านะครับ คุณความดีที่พ่อยึดมั่น ถือมั่น และทำมาโดยตลอดตราบชั่วอายุของพ่อ ได้มีลุงใสและประชาชนคนอื่น ๆ สานต่อจนทำให้ในปัจจุบันนี้การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้นมากสมดังที่พ่อปรารถนา
ถึงแม้ว่าบันทึกของพ่อที่ตั้งใจจะเขียนให้ผมอ่านเพื่อเตือนสติ ลุงใสจะนำมาให้ผมช้าเกินไป แต่ผมก็คิดเหมือนอย่างที่ลุงใสคิดครับพ่อ...หากว่าแกนำมาให้ผมเมื่อครั้งที่ผมหลงมัวเมาในอำนาจ มันก็อาจจะเป็นได้เพียงแค่เศษกระดาษที่ไร้คุณค่าสำหรับผม แต่ในวันนี้บันทึกของพ่อถึงแม้จะผ่านมาแล้วกว่า ๒๐ ปี แต่มันมีคุณค่ามากมายมหาศาลสำหรับผมเหลือเกิน ผมสัญญาครับพ่อ ผมจะเก็บรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดีตราบชั่วชีวิตของผม เพื่อเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตใหม่ให้กับผม ดังที่พ่อตั้งใจและปรารถนาครับ ผมสัญญา!
รักและเคารพพ่อสุดหัวใจ
ลูก
หลังจากอ่านจดหมายจบ ส.ส.สมเกียรติ ค่อย ๆ พับจดหมายที่เขาตั้งใจเขียนบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาให้พ่อฟังใส่ลงในกล่องไม้ที่แกะสลักด้วยลวดลายที่สวยงามเก็บไว้หน้ารูปถ่ายของพ่อ พร้อมกราบลา ก่อนที่จะหันกลับมาพูดกับแม่
“แม่ครับ...ผมรักแม่ครับ” เขาก้มลงกราบแทบเท้าของแม่ แม่ดึงลุกขึ้นและสวมกอดเขาเอาไว้จนเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอันมากมายจนเอ่อล้นที่แม่ถ่ายทอดมาให้ผสมด้วยกำลังใจและความเข้มแข็ง ที่เข้ามาช่วยเติมกำลังใจอันอ่อนล้าและแห้งเหี่ยวของเขา
หลังจากที่พ่อเสียชีวิตไป ความผูกพันระหว่างเขากับแม่ก็ไม่ค่อยราบรื่นและแนบแน่นมาตลอดของช่วงชีวิตในการเป็นนักการเมืองของเขา แต่วันนี้ ส.ส. สมเกียรติ กลับรู้สึกถึงความอบอุ่น ความแนบแน่น และความผูกพัน ในวันเก่า ๆ ได้หวนกลับคืนเข้ามาสู่ชีวิตของเขาอีกครั้ง
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”
“แม่ก็เช่นเดียวกันนะครับ ลาก่อนครับแม่”
ส.ส.สมเกียรติเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปขึ้นรถ เพื่อไปอยู่ในสถานที่ที่เขาสมควรอยู่ จากผลการกระทำของนักธุรกิจในคราบนักการเมืองที่คอยแสวงหาส่วนเกินทางเศรษฐกิจผ่านเมนูการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายอย่างอหังการตลอดเส้นทางอาชีพนักการเมืองที่ผ่านมาของเขาเอง
๑พุทธโอวาท ก่อนปรินิพพาน ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้โอวาทภิกษุทั้งหลาย ด้วยพระธรรมเทศนา อันเป็นไปเพื่อ โลกุตตราริยธรรม กล่าวคือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ และวิมุติญาณทรรศนะ ในระหว่างที่เสด็จไปยังภัณฑุคามและโภคนคร ตามลำดับ
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบชนิดนี้สามารถหาได้ในตัวเรานี้เอง ตราบใดที่มนุษย์ยังวิ่งวุ่นแสวงหาความสุขจากที่อื่น เขาจะไม่พบความสุขที่แท้จริงเลย มนุษย์ได้สรรค์สร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นไว้เพื่อให้ตัวเองวิ่งตาม แต่ก็ตามไม่เคยทัน การแสวงหาความสุขโดยปล่อยใจ ให้ไหลเลื่อนไปตามอารมณ์ที่ปรารถนานั้น เป็นการลงทุนที่มีผลไม่คุ้มเหนื่อย เหมือนบุคคลลงทุนวิดน้ำในบึงใหญ่เพื่อต้องการปลาเล็กๆ เพียงตัวเดียว มนุษย์ส่วนใหญ่มัววุ่นวายอยู่กับเรื่องกาม เรื่องกิน และเรื่องเกียรติ จนลืมนึกถึงสิ่งหนึ่ง ซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้ทุกเวลา สิ่งนั้นคือ ดวงจิต ที่ผ่องแผ้ว เรื่องกามเป็นเรื่องที่ต้องดิ้นรน เรื่องกินเป็นเรื่องที่ต้องแสวงหา และเรื่องเกียรติเป็นเรื่องที่ต้องแบกไว้ เมื่อมีเกียรติมากขึ้นภาระที่จะต้องแบกเกียรติเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งของมนุษย์ผู้หลงตนว่าเจริญแล้ว ในหมู่ชนที่เพ่งมองแต่ความเจริญทางด้านวัตถุนั้น จิตใจของเขาเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยประสบความสงบเย็นเลย เขายินดีที่จะมอบตัวให้จมอยู่ในคาวของโลกอย่างหลับหูหลับตา เขาพากันบ่นว่าหนักและเหน็ดเหนื่อย พร้อมๆ กันนั้นเขาได้แบกก้อนหินวิ่งไปบนถนนแห่งชีวิตอย่างไม่รู้จักวาง"
เป็นเรื่องสั้นที่เตือนสติได้ดีมากๆครับผม และที่สำคัญสอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วย อ่านแล้วเห็นภาพตามตลอดเลยครับ
ขอบพระคุณในการแบ่งปันครับผม