บันทึก (สุดท้าย) ของพ่อ (๑)


                                                                           ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๑

     กราบเท้า พ่อที่เคารพรักอย่างสูง

                  พ่อครับนานมาแล้วนะครับที่ผมไม่ได้เขียนจดหมายถึงพ่อ ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้พ่อฟังมากมาย ผมกับแม่สบายดีครับ ถึงแม้ว่าแม่จะอายุมากขึ้นตามกาลเวลา หากทว่าท่านก็ยังแข็งแรงเป็นเพราะออกกำลังกายและดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เป็นประจำ แต่ผมก็ยังอดที่จะเป็นห่วงท่านไม่ได้จากโรคประจำตัวคือความดันอย่างที่พ่อรู้นั่นแหละครับ พ่อครับไม่รู้ว่าพ่อยังจำได้หรือเปล่า เมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่แล้ว ที่ผมเคยติดตามไปช่วยพ่อหาเสียงเมื่อครั้งที่พ่อลงสมัคร ส.ส. เป็นครั้งที่สาม หลังจากที่สองครั้งแรกพ่อสอบตกมาตลอด ผมได้พูดกับพ่อว่า

              “พ่อครับ พ่อไม่มีเงินแล้วจะไปสู้กับเสี่ยอิทธิพลได้ยังไงครับ”

              “ลูก...ฟังพ่อนะ ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่มีเงิน แต่พ่อมีความดีเป็นอาวุธยังไงหละ”

              “พ่อครับเหมือนหนังม้วนเก่าเลยนะครับ ผมได้ยินพ่อพูดอย่างนี้มาสองครั้งที่หาเสียงแล้ว นี่ก็เป็นครั้งที่สาม ผมว่าพ่อเตรียมตัวเตรียมใจไว้ในการทำแฮตทริก สอบตกครั้งที่สามอีกแน่นอน” ผมแกล้งพูดแซวพ่อในขณะที่พ่อยิ้มก่อนเอามือลูบศีรษะผมเบา ๆ “ลูกถึงแม้ว่าพ่อจะสอบตกสักกี่ครั้ง แต่พ่อก็ยังภูมิใจที่ได้ใช้ความดีในการต่อสู้ สักวันหนึ่งชาวบ้านก็คงเข้าใจ ลูกจำไว้นะ อำนาจของเงินไม่ยั่งยืนและคงที่ แต่อำนาจแห่งความดีสิคงทน” พ่อย้ำหนักแน่นในประโยคสุดท้าย

               ในท้ายที่สุดผลของการเลือกตั้งออกมาไม่มีพลิกล็อก เสี่ยอิทธิพลได้รับเลือกตั้งอีกสมัยซึ่งเป็นการทำแฮตทริกเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน เช่นเดียวกับ (อดีต) ผู้ใหญ่พอเพียงพ่อของผมที่ทำแฮตทริกในการสอบตกเป็นสมัยที่สามติดต่อเช่นเดียวกัน มันช่างเป็นแฮตทริกที่แตกต่างกันซะเหลือเกิน!

              ผมกับพ่อเริ่มมีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องทางการเมือง ทัศนะคติของเราเปรียบเสมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่ผลักดันเคลื่อนห่างจากกันไปเรื่อย ๆ จนเหมือนยืนอยู่กันคนละขั้วอย่างชัดเจน ผมมีความเชื่อว่า การจะเป็นที่ยอมรับและเป็นผู้ทรงเกียรติ (ส.ส.) ได้นั้นต้องมีความมั่งคั่งหรือทรัพย์สินเงินทองก่อนและใช้เงินเหล่านั้นให้ทำงานในการสร้างเกียรติ ซึ่งตรงกันข้ามกับพ่อโดยสิ้นเชิงที่ยังคงยึดมั่นถือมั่นในคุณธรรมและความดีเป็นที่ตั้ง ผมจำได้ว่าเคยเถียงกับพ่ออย่างรุนแรงในเรื่องนี้ พ่อจำได้ไหมครับที่ผมพูดว่า

           “ไหนหละ...ความดีที่พ่อเพียรทำ มันเป็นตัวอย่างไร? จับต้องได้ไหม? สุดท้ายพ่อก็ต้องสอบตกแล้วสอบตกเล่า ผมถามพ่ออย่างหนึ่งซิครับ หากมีใครมาถามชาวบ้านหรือคนทั่ว ๆ ไปว่า หากให้นึกถึงบุคคลที่มีเกียรติจะนึกถึงใคร ร้อยทั้งร้อยผมเชื่อได้เลยจะต้องตอบว่า นายอิทธิพล ส.ส. ผู้ทรงเกียรติยังไงหละ เพราะอะไรหรือครับพ่อ เพราะ “เงินและความมั่งคั่ง” ไงครับพ่อ พ่อครับผมจะบอกให้ฟังนะครับ สมัยนี้เงินและความมั่งคั่งสร้างเกียรติยศ ไม่ใช่ ความดีบ้าบอคอแตก ไร้สาระ อย่างที่พ่อเพียรทำอยู่ทุกวันนี้ ไหนหละครับผลตอบแทนของมันที่พ่อพร่ำบอกว่าต้องรอ...รอ...รอ จะรอไปถึงไหนครับ หรือต้องรอไปชั่วลูกชั่วหลานอย่างนั้นหรือ!” ผมพูดระบายซะยืดยาวในขณะที่พ่ออนั่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไร แม่จึงพูดขึ้น

                        “ ลูก... แม่ว่า...พ่อเขา...”

            ผมรู้ว่าแม่จะพูดอะไรต่อจึงรีบแย้งขึ้น “แม่ครับ...ผมรู้ว่าแม่จะพูดอะไรครับ แต่แม่กับผมก็เห็นอยู่แล้วนี่ครับ ว่าความจริงมันเป็นยังไง เราอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงครับแม่ ไม่ใช่โลกแห่งความเพ้อฝันหรือโลกในอุดมคติ ที่มีคุณธรรมและความดี ที่ไร้สาระ บ้าบอแบบพ่อนั่น”

          ทันทีที่ผมพูดจบบ้านทั้งบ้านถูกกลืนกินไปด้วยความเงียบ! ผมสังเกตเห็นแม่บีบมือพ่อเบา ๆและพ่อบีบตอบพร้อมกับส่ายหน้ากับแม่เป็นเชิงบอกว่า ‘ไม่เป็นไรแม่...ไม่เป็นไร’

         พ่อจำได้ไหมครับ หลังจากนั้นเราสองคนก็เป็นความเหมือนที่แตกต่างกันเหลือเกิน ถึงแม้ว่าหน้าตาและท่าทางของผมจะเหมือนพ่อ แต่ความคิดของเราช่างแตกต่างกันมากมาย ผมอยากเป็นนักการเมืองเหมือนพ่อแต่วิธีการของเรากลับสวนทางกัน พ่อมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อความคิดของพ่อที่ว่าเกียรตินั้นสร้างเสริมมาจากคุณธรรมและความดีเหมือนขาหยั่งที่ฝังรากลึกไม่หวั่นไหวแม้มีสิงใดมากระทบก็ตามที แต่สิ่งที่ซื่อสัตย์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนั้นก็คือความเชื่อและความศรัทธาของผมที่ว่าเกียรตินั้นสามารถซื้อหามาได้ด้วยความมั่งคั่งและทรัพย์สินเงินทอง!

         ผมทำทุกอย่างทุกวิถีทางเพื่อก่อร่างสร้างตัวในการปีนป่ายไปบนเส้นทางแห่งความมั่งคั่ง ที่ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า มันจะนำพามาซึ่งความมีเกียรติในสังคมให้กับผมได้

         และแล้วในวันที่ผมจะได้พิสูจน์ให้พ่อรู้ว่าผมคิดถูกในขณะที่พ่อคิดผิดก็มาถึง เมื่อการเลือกตั้ง ส.ส. อีกครั้งหนึ่งในเวลาต่อมา ผมลงสมัครแทนพ่อแต่ผมไม่ได้อยู่พรรคเดิมที่พ่อเคยอยู่ ผมเลือกอยู่กับพรรคใหม่ที่ดูดีมีอนาคต อุดมไปด้วยนายทุน มหาเศรษฐีและบุคคลที่มีชื่อเสียงชั้นนำในแวดวงต่าง ๆ ของประเทศ ผมชอบอุดมการณ์ของพรรคนี้เพราะเป็นอุดมการณ์ที่เป็นเสมือนคู่แฝดทางความคิดของผมที่ว่า ‘เกียรติแสวงหามาได้ด้วยความมั่งคั่ง’ ผมนึกย้อนหลังกลับไปเมื่อครั้งที่ผมติดตามไปช่วยพ่อหาเสียง พ่อต้องตื่นตั้งแต่เช้ากว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ เพื่อที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่าทุกนาทีในการไปพูดคุยกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด กลับเข้าบ้านอีกทีก็ดึกดื่น ผมรู้ว่าพ่อต้องเหนื่อยมาก แต่พ่อก็ไม่เคยแสดงอาการท้อให้เห็นหรือบ่นให้ผมกับแม่ได้ยิน ขนาดตัวผมเองที่หนุ่มแน่นยังรู้สึกได้ว่าเหนื่อยจนสายใจแทบขาด ผมยังนึกโกรธและโมโหทุกครั้งที่ผมเหนื่อย ผมเคยคิดในใจว่า ‘พ่อเหนื่อยโดยไร้สาระ...ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา’

        มาวันนี้ผมไม่ต้องเหนื่อยเหมือนอย่างพ่อ ผมใช้เงินทำงานแทนมากกว่าการใช้แรงกายของผม โดยเฉพาะช่วงคืนหมาหอน ผมจะใช้มัน (เงิน) ทำงานหนักมากเป็นพิเศษ ในท้ายที่สุดผมก็ได้พิสูจน์ให้พ่อเห็นเป็นที่ประจักษ์และตอกย้ำด้วยรูปธรรมว่า ผมคิดถูกพ่อคิดผิด เกียรติสามารถซื้อขายได้ด้วยความมั่งคั่ง (เงิน)

         ผมได้รับชัยชนะเหนือเสี่ยอิทธิพลคู่แข่งตัวฉกาจที่ผูกขาดการชนะในพื้นที่มาโดยตลอด นับได้ว่าเป็นข่าวใหญ่พอสมควรที่เด็กหนุ่มลูกชายของอดีตผู้ใหญ่บ้าน (ที่ลงสมัครแล้วพ่ายแพ้มาโดยตลอด) กลับเป็นฝ่ายกำชัยชนะโค่นเจ้าของพื้นที่เดิมคือเสี่ยอิทธิพลลงได้อย่างราบคาบ!

         การเลือกตั้งในครั้งนั้นผมได้ใช้เงินทำงานไปเป็นจำนวนมากมายหลายเท่ากว่าเสี่ยอิทธิพล ทั้งทุนส่วนตัวและทุนจากน้ำเลี้ยงของพรรค ที่สำคัญพรรคของผมที่ถึงจะเป็นพรรคน้องใหม่ แต่อุดมไปด้วยนายทุน มหาเศรษฐี และบุคคลที่มีชื่อเสียง ได้รับชัยชนะถล่มทลายทั่วประเทศ จนได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พ่อครับเห็นไหมครับ ถึงผมจะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งแรกก็ได้รับเลือกตั้งมันช่างแตกต่างจากพ่อที่ลงสมัครไม่ว่าจะกี่ครั้งก็สอบตกทุกครั้งซะเหลือเกิน และเหนือสิ่งอื่นใดพรรคของผมยังได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

            พ่อครับเห็นหรือยังครับว่า สิ่งที่ผมคิดและเชื่อมั่นรวมทั้งศรัทธามาตลอดชีวิตนั้น เป็นเครื่องยืนยันและพิสูจน์ได้ว่า ผมคิดถูกในเรื่องของเกียรติ ผมมีความภาคภูมิเต็มหัวใจและผมก็คิดว่าพ่อก็คงมีความภาคภูมิใจในตัวของผมเช่นเดียวกัน

             ในสมัยแรกของการเป็น ส.ส. ของผม ปรากฏว่าหัวหน้าพรรคของผมได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี จากการเป็นพรรคที่มีจำนวน ส. ส. มากที่สุดในสภา ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาล แต่ผมก็ช่วยงานในพรรคอย่างเต็มที่ และเต็มความสามารถ ผู้ใหญ่ในพรรคสั่งอะไร ไม่มีคำว่าทำไม่ได้สำหรับผม ซึ่งผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำในการตอบสนองความต้องการในทุก ๆ เรื่องให้กับผู้ใหญ่ในพรรค สักวันหนึ่งน่าจะเป็นบันไดให้ผมปีนป่ายไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จทางการเมืองได้ในอนาคต และที่สำคัญผมได้ใช้ความมีเกียรติจากการเป็น ส.ส. ของผมหาช่องทางในการสะสมความมั่งคั่งให้กับธุรกิจของตัวเอง เพื่อที่จะเสริมสร้างอำนาจและบารมี รอให้พรรษาทางการเมืองของผมสุกงอม ผมก็จะได้ใช้อาวุธทั้งเงิน อำนาจ และบารมี เหล่านั้น สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง แล้วผมจะพิสูจน์บันไดในขั้นต่อไปให้พ่อได้เห็น

                ผมยอมรับว่าผมหลงเสน่ห์เงินตราและอำนาจเป็นอย่างมากครับพ่อ มันเหมือนกับเป็นสิ่งเสพติดสำหรับผมไปแล้ว ยิ่งนับวันผมยิ่งมีความต้องการพวกมันในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฐานของความมั่งคั่งและอำนาจเริ่มสุกงอม ในสมัยของการได้รับเลือกตั้งครั้งที่สองของผม จากการกระทำที่ผมช่วยงานผู้ใหญ่ภายในพรรค สนองความต้องการให้พวกท่านได้ทุกอย่างที่สั่งให้ทำ ในที่สุดสิ่งเหล่านั้นก็แสดงผลกลับมายังผมเป็นรูปธรรมจนได้ ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลและบารมีเป็นอย่างสูงภายในพรรคคนหนึ่งเรียกผมเข้าไปคุย

              “คุณสมเกียรติ ผมจะเสนอชื่อของคุณเป็นรัฐมนตรีช่วย ในการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้”

              “อะ...อะไรนะครับท่าน” ผมรู้สึกตกใจระคนดีใจจนยากที่จะควบคุมสติสัมปชัญญะให้อยู่ในความสงบได้ ณ ช่วงเวลานั้น

              “คุณฟังไม่ผิดหรอกคุณสมเกียรติ คุณ (ท่านชี้นิ้วมาที่ผม) กำลังจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยที่หนุ่มแน่นสุดจากการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้” ท่านย้ำหนักแน่น

                ผมยกมือขึ้นไหว้ “ขอบพระคุณท่านมากครับ เป็นเพราะท่านกรุณาและมีเมตตา ผมถึงมีวันนี้ได้ ผมจะไม่ลืมพระคุณของท่านในครั้งนี้เลยครับ”

                   ท่านหัวเราะหึ หึ หึในลำคอพร้อมกับจิบไวน์ตามสไตน์ของท่าน “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคุณสมเกียรติ คุณเองก็มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของผมและท่านนายก เพราะตั้งแต่ที่คุณมาทำงานกับพรรคของเรา คุณได้แสดงให้ผมและท่านนายกเห็นแล้วว่า อุดมการณ์ของพวกเราตรงกัน” ท่านหยุดจิบไวน์อีกครั้งก่อนพูดต่อ

                “ดังนั้น! คุณจึงมีวันนี้ยังไงหละ”

                “กราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงครับ”

                ก่อนออกจากห้องท่านได้ย้ำกับผมอีกครั้งว่า “คุณสมเกียรติ อย่าลืมนะว่า อุดมการณ์ของเราตรงกัน!”

              “ครับท่าน! อุดมการณ์ตรงกัน” ผมย้ำกลับไป...แล้วผมกับท่านก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างมีความสุข

          

หลังจาก ที่ผมได้รับทราบข่าวดีดังกล่าผมเฝ้าพูดกับตัวเองว่า “พ่อครับ เห็นหรือยังครับ การเมืองของคนรุ่นใหม่แบบฉบับของผม มันตรงกับอุดมการณ์ของคนที่มีอำนาจและบารมีส่วนใหญ่กันทั้งนั้น ไม่เหมือนกับการเมืองเก่า น้ำเน่าเรื่องคุณธรรมกับความดี ฉบับไร้สาระของพ่อ”

           ผมได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงสำคัญในการปรับคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในคณะฯขณะนั้น ภายนอกที่ประชาชนทุกคนเห็น เหมือนผมทำงานหนักถึงลูกถึงคน ความคิดเฉียบแหลม พูดจาฉะฉานมีหลักการ แต่เบื้องหลังที่แท้จริงนั้น ผมทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ที่มีศูนย์บังคับบัญชาอยู่ที่ท่านนายกและผู้ใหญ่ที่มีอำนาจบารมีที่ส่งเสริมผลักดันผม ผมไม่ต้องใช้ความคิด ความเห็นอะไรมากมายนอกจากยึดคติที่ว่า “ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับท่าน แบ่งปันผลประโยชน์ แก้ไขกฎให้ลงตัว สุมหัวคอร์รัปชั่น”

 

           นโยบายหลาย ๆ โครงการที่รัฐบาลเราเร่งรัดทำไม่ว่าจะเป็น โครงการระดับล่างจนถึงอภิมหาโครงการนั้น เข้าถึงชาวบ้านทุกชนชั้น ดูผิวเผินเหมือนชาวบ้านได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพมายา เป็นเพียงเศษเงินที่เราเจียดลงไปเพื่อปิดปาก ปิดหู และปิดตาชาวบ้านเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคของเราเท่านั้น แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการพันธนาการชาวบ้านให้เสพติดกับอำนาจของเศษเงินเหล่านั้น!

            ด้วยความที่เรียกง่าย ใช้คล่อง ทำให้ผมเป็นที่โปรดปรานของท่านนายกและผู้ใหญ่หลาย ๆ คนภายในพรรคเป็นอย่างมาก ผมได้ดูแลโครงการใหญ่ ๆ หลายโครงการที่มีเม็ดเงินมากมายมหาศาล เพื่อคอยจัดสรรในการเจียดเศษเงินไปให้กับประชาชนกับการสูบเม็ดเงินไปแบ่งปันให้กับผู้ใหญ่และพรรคพวกภายในพรรค ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน้าที่หลักอันดับหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญมันตรงกับอุดมการณ์ของผมอยู่แล้ว จึงทำให้ผมมีความสุขและสนุกกับมันเป็นพิเศษ

            “คุณสมเกียรติ ผมมีงานให้คุณทำอีกชิ้นหนึ่ง มันสำคัญมาก ผมไม่ไว้ใจใครนอกจากคุณ” ท่านนายกเรียกผมเข้าไปคุยในวันหนึ่ง ซึ่งภายในห้องมีผู้ใหญ่ที่มีอำนาจและบารมีภายในพรรคอีกสามท่านร่วมอยู่ด้วย

             “ได้ครับท่าน หากว่าท่านเห็นเป็นการสมควรและไว้วางใจกระผม” นี่ถือได้ว่าเป็นคำตอบที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายทางการค้าของผมนับตั้งแต่ที่ผมเริ่มต้นทำงานให้กับพรรค

             “ดี...ดีมากคุณสมเกียรติ คุณไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยจริง ๆ” ท่านนายกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ดี

            ท่านผู้ใหญ่ภายในพรรคที่เป็นคนสนับสนุนผมมาโดยตลอดพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ทุกโครงการที่พวกเราสูบเม็ดเงินมาก็เดินหน้าไปได้ด้วยดี แต่มันเริ่มมีปัญหาระแคะระคายมาว่า มีองค์กรอิสระบางองค์กรเริ่มขุดคุ้ยหาข้อมูลในโครงการเหล่านั้น เพื่อที่จะทำการตรวจสอบ ท่านนายกกับพวกเราคุยกันแล้วว่า อยากให้คุณไปดูแลเรื่องนี้หน่อย ท่านนายกและทางผมไม่อยากลงไปเล่นเอง แต่จะคอยเป็นแบ็คให้เหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา คุณคงรู้นะว่าต้องเล่นเกมนี้ยังไง”

               “ยินดีรับใช้ครับท่าน ถือได้ว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับผม ที่ท่านให้ความไว้วางใจเลือกใช้ รับรองผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ” ผมตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ

               “เยี่ยม...เยี่ยมมาก คุณสมเกียรติ มาพวกเราดื่มฉลองกันหน่อย” ท่านนายกพูดจบทุกคนภายในห้องรวมทั้งผมหัวเราะกันอย่างมีความสุข เสมือนหนึ่งว่าทุกอย่างนั้นกำลังจะตกอยู่ในกำมือ (อำนาจเงิน) ของพวกเราเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา!

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #เรื่องสั้น
หมายเลขบันทึก: 469564เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2011 10:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท