สิบห้าปีแห่งความหลัง


หุ หุ หุ จะ 15 ปี เดือนหน้าแล้ว เหมือนเพิ่งผ่านไปแค่ 2-3 ปีเอง

            อ่านงานของคุณดอกหญ้าน้ำก็ทำให้คิดถึงครั้งหนึ่งเคยไปเป็นครูดอยสอนเด็กม้งที่กิ่งอ.เวียงแก่น  จ.เชียงราย  เดี๋ยวนี้เด็ก ๆ ที่เคยสอนต่างเติบโตและมีวิถีทางของตนเอง บางคนก็กลายเป็นครูทวิภาษา  บางคนก็มาใช้ชีวิตที่พื้นราบ  บางคนก็ไปใช้ชีวิตเมืองนอก  ดีใจที่ติดต่อบางคนได้  ถึงเวลาจะผ่านไปนับนิ้วไปมา  1 2 3 ....  หุ  หุ  หุ  จะ 15 ปี  เดือนหน้าแล้ว  เหมือนเพิ่งผ่านไปแค่ 2-3 ปีเอง

           การจุดประกายเป็นครูดอยต้องขอบคุณอาจารย์  (ขอโทษค่ะหนูจำชื่อไม่ได้แล้ว  แต่หนูยังจำหน้าอาจารย์ได้นะคะ)  ภาควิชาเทคโนฯ  ที่ราชภัฎจันทรเกษม พอดีเรียนวิชาโทเทคโนโลยีทางการศึกษา  อาจารย์ชวนไปออกค่ายกับภาควิชาเทคโนฯ  รายการดี ๆ อย่างนี้จะพลาดได้ไง  สรุปก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแถไปกับเขา  ทั้งคันรถมีเราเอกภาษาไทย  วิชาโทเทคโนฯคนเดียว  (เอาวิชาโทมาแฝง) นอกนั้นชาวเทคโนฯหมดเลย  อาศัยที่ตัวเองเป็นแม่มนุษยสัมพันธ์ดีเด่น  (ได้ฉายานี้ตั้งแต่เรียน  ป.ตรี ยันเรียน  ป.ปัจจุบัน) จึงทำตัวกลมกลืนได้อย่างง่ายดาย  ( 555 ตลกบริโภคหาประสบการณ์ชีวิตฟรีครับท่าน)

           เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขึ้นเหนือไปยังดอยแม่สลอง  จ.เชียงราย ต้องเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถตู้ และก็เพิ่งเคยเห็นถนนอะไรว่ะคดเคี้ยวเหมือนงูมากเลยพี่โชเฟอร์ต้องแวะให้พวกเราบนรถตู้ได้พักเอาอาหารเช้าออกจากกระเพาะ หน้าเขียว หน้าเหลืองไปตาม ๆ กัน  ในที่สุดก็ถึงเป้าหมาย...โรงเรียนสันติคีรี...ท้องที่ของจอมพลต้วน  อดีตผู้นำชาวจีนที่มาปักหลักบนพื้นแผ่นดินไทย

           คนในหมู่บ้าน  และเด็ก ๆ  ต่างตื่นเต้นที่มีคนหน้าแปลก ๆ ขึ้นมาเยือนบ้านเขา  ยังจำแก้มป๋อง ๆ สีแดง ๆ เพราะความหนาวได้ ขนาดห่างกันแค่ 2 ช่วงแขนก็ไม่เห็นหน้ากันแล้ว  เพราะหมอกหนามาก  แค่ร้องทักเด็ก ๆ ก็ยิ้มให้ด้วยความเขินแล้วก็รีบวิ่งหนีไป  ไอ้เรารึก็อยากจะชวนคุยทั้ง ๆ ที่พูดภาษาของเขาไม่ได้  พวกเราอยู่ที่นั่น ช่วยกันซ่อมห้องสมุด  นำหนังสือ  สื่อการสอนที่ทำส่งอาจารย์มาบริจาคให้ที่นี่  นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกและครั้งเดียวทีี่่ออกค่ายอาสาฯ  ไม่เสียแรงที่เคยอ่านหนังสือยุคปัญญาชนเบ่งบาน  ปาจารยสาร  และหนุ่มสาวผู้แสวงหาเสรีภาพมาตั้งแต่เรียน ม.ปลาย 

          หลังจากนั้นเมื่อเรียนจบเราก็สานฝันตัวเองมาเป็นครูดอยสอนเด็กชาวม้ง  จำได้วันแรกก็ได้รับมอบหมายให้สอน ป. 1 ตกบ่ายไม่ทำอะไรหรอกต้อนเด็ก ๆ ให้ไปอาบน้ำที่ริมห้วยเพราะเราทนกลิ่นไม่ไหวแล้ว  พอระยะหนึ่งผ่านไปเราก็รู้สึกว่าสามารถทำตัวกลมกลืนได้เพราะหนาวเหลือเกิน  ฮา ฮา ฮา

           สมัยก่อนนั้นการคมนาคมก็ลำบาก  เราเคยขับมอเตอร์ไซค์เพื่อมาหาหมอในอำเภอ  หลบไก่นิดเดียวทั้งคนทั้งรถกลิ้งขนานกันไปตามถนนเลยดีนะไม่เป็นอะไรมาก  ทั้งตัวหุ้มหมด  หมวกกันน็อค  เสื้อแขนยาว  กางเกงยีนส์ รองเท้าหนัง แต่ไงแว่นตาหัก  3  ท่อนได้ก็ไม่รู้ยังไม่ทันไปถึงโรงพยาบาลเลย ตลอดอาทิตย์ต้องทนกับการไม่ใส่แว่น  และต้องขับมอเตอร์ไซค์มาซ่อมบังโคลนกับแว่นตาที่เชียงคำ  จ.พะเยา  จิ๊บ ๆ 100  กว่ากิโลเอง มาถึงวันนี้แล้วก็สนุกดี  แต่ตอนนั้น (ความลับ) นอนร้องไห้คิดถึงแม่เลย 

          ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับครูดอย  และคนทำงานทุกคนที่มุ่งมั่นทำงานบนดอยสูง  ถึงแม้บางที่การคมนาคมจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วก็ตาม  ต้องนับถือใจของทุกคนโดยเฉพาะบุคคลที่ไม่ใช่คนทางถิ่นเหนือ  ท่านกำลังเสียสละทำงานช่วยชาติของเราอยู่นะคะ  ขอส่งกำลังใจฝากไปกับลมหนาวเบา ๆ ที่กำลังพัดอยู่รอบกายของทุกคนนะคะ

หมายเลขบันทึก: 469277เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2011 23:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2012 21:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท