อ่านงานของคุณดอกหญ้าน้ำก็ทำให้คิดถึงครั้งหนึ่งเคยไปเป็นครูดอยสอนเด็กม้งที่กิ่งอ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เดี๋ยวนี้เด็ก ๆ ที่เคยสอนต่างเติบโตและมีวิถีทางของตนเอง บางคนก็กลายเป็นครูทวิภาษา บางคนก็มาใช้ชีวิตที่พื้นราบ บางคนก็ไปใช้ชีวิตเมืองนอก ดีใจที่ติดต่อบางคนได้ ถึงเวลาจะผ่านไปนับนิ้วไปมา 1 2 3 .... หุ หุ หุ จะ 15 ปี เดือนหน้าแล้ว เหมือนเพิ่งผ่านไปแค่ 2-3 ปีเอง
การจุดประกายเป็นครูดอยต้องขอบคุณอาจารย์ (ขอโทษค่ะหนูจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่หนูยังจำหน้าอาจารย์ได้นะคะ) ภาควิชาเทคโนฯ ที่ราชภัฎจันทรเกษม พอดีเรียนวิชาโทเทคโนโลยีทางการศึกษา อาจารย์ชวนไปออกค่ายกับภาควิชาเทคโนฯ รายการดี ๆ อย่างนี้จะพลาดได้ไง สรุปก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแถไปกับเขา ทั้งคันรถมีเราเอกภาษาไทย วิชาโทเทคโนฯคนเดียว (เอาวิชาโทมาแฝง) นอกนั้นชาวเทคโนฯหมดเลย อาศัยที่ตัวเองเป็นแม่มนุษยสัมพันธ์ดีเด่น (ได้ฉายานี้ตั้งแต่เรียน ป.ตรี ยันเรียน ป.ปัจจุบัน) จึงทำตัวกลมกลืนได้อย่างง่ายดาย ( 555 ตลกบริโภคหาประสบการณ์ชีวิตฟรีครับท่าน)
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขึ้นเหนือไปยังดอยแม่สลอง จ.เชียงราย ต้องเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถตู้ และก็เพิ่งเคยเห็นถนนอะไรว่ะคดเคี้ยวเหมือนงูมากเลยพี่โชเฟอร์ต้องแวะให้พวกเราบนรถตู้ได้พักเอาอาหารเช้าออกจากกระเพาะ หน้าเขียว หน้าเหลืองไปตาม ๆ กัน ในที่สุดก็ถึงเป้าหมาย...โรงเรียนสันติคีรี...ท้องที่ของจอมพลต้วน อดีตผู้นำชาวจีนที่มาปักหลักบนพื้นแผ่นดินไทย
คนในหมู่บ้าน และเด็ก ๆ ต่างตื่นเต้นที่มีคนหน้าแปลก ๆ ขึ้นมาเยือนบ้านเขา ยังจำแก้มป๋อง ๆ สีแดง ๆ เพราะความหนาวได้ ขนาดห่างกันแค่ 2 ช่วงแขนก็ไม่เห็นหน้ากันแล้ว เพราะหมอกหนามาก แค่ร้องทักเด็ก ๆ ก็ยิ้มให้ด้วยความเขินแล้วก็รีบวิ่งหนีไป ไอ้เรารึก็อยากจะชวนคุยทั้ง ๆ ที่พูดภาษาของเขาไม่ได้ พวกเราอยู่ที่นั่น ช่วยกันซ่อมห้องสมุด นำหนังสือ สื่อการสอนที่ทำส่งอาจารย์มาบริจาคให้ที่นี่ นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกและครั้งเดียวทีี่่ออกค่ายอาสาฯ ไม่เสียแรงที่เคยอ่านหนังสือยุคปัญญาชนเบ่งบาน ปาจารยสาร และหนุ่มสาวผู้แสวงหาเสรีภาพมาตั้งแต่เรียน ม.ปลาย
หลังจากนั้นเมื่อเรียนจบเราก็สานฝันตัวเองมาเป็นครูดอยสอนเด็กชาวม้ง จำได้วันแรกก็ได้รับมอบหมายให้สอน ป. 1 ตกบ่ายไม่ทำอะไรหรอกต้อนเด็ก ๆ ให้ไปอาบน้ำที่ริมห้วยเพราะเราทนกลิ่นไม่ไหวแล้ว พอระยะหนึ่งผ่านไปเราก็รู้สึกว่าสามารถทำตัวกลมกลืนได้เพราะหนาวเหลือเกิน ฮา ฮา ฮา
สมัยก่อนนั้นการคมนาคมก็ลำบาก เราเคยขับมอเตอร์ไซค์เพื่อมาหาหมอในอำเภอ หลบไก่นิดเดียวทั้งคนทั้งรถกลิ้งขนานกันไปตามถนนเลยดีนะไม่เป็นอะไรมาก ทั้งตัวหุ้มหมด หมวกกันน็อค เสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์ รองเท้าหนัง แต่ไงแว่นตาหัก 3 ท่อนได้ก็ไม่รู้ยังไม่ทันไปถึงโรงพยาบาลเลย ตลอดอาทิตย์ต้องทนกับการไม่ใส่แว่น และต้องขับมอเตอร์ไซค์มาซ่อมบังโคลนกับแว่นตาที่เชียงคำ จ.พะเยา จิ๊บ ๆ 100 กว่ากิโลเอง มาถึงวันนี้แล้วก็สนุกดี แต่ตอนนั้น (ความลับ) นอนร้องไห้คิดถึงแม่เลย
ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับครูดอย และคนทำงานทุกคนที่มุ่งมั่นทำงานบนดอยสูง ถึงแม้บางที่การคมนาคมจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วก็ตาม ต้องนับถือใจของทุกคนโดยเฉพาะบุคคลที่ไม่ใช่คนทางถิ่นเหนือ ท่านกำลังเสียสละทำงานช่วยชาติของเราอยู่นะคะ ขอส่งกำลังใจฝากไปกับลมหนาวเบา ๆ ที่กำลังพัดอยู่รอบกายของทุกคนนะคะ
ไม่มีความเห็น