ชีวิตต้องสู้ ตอนตาแป๊ะ สามปริญญา


เดินตามความฝัน

ปางน้อยสำเหนียกรู้เรียนคุณ

ผมมีน้องชายกับเขาคนเดียว  อายุใกล้เคียงกัน เพราะเขาเกิดตามผมมาหลังผมปีหนึ่ง ตอนเข้าโรงเรียนชั้นประถมเขาก็ร้องไห้ตามผมไปโรงเรียนด้วย สมัยนั้นคงไม่มีกฏเกติกาอะไรมากมายทางโรงเรียนก็เลยอนุญาตให้น้องชายมาเรียนชั้นเดียวกัน เรียนด้วยกันถึงจนถึงชั้นมัธยมปีที่หนึ่งถึงได้แยกทางกันเดิน  เพราะต้องเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพสอบได้คนละโรงเรียน  

ต่อยกันทุกวัน ไม่เคยมีอะไรที่จะเข้ากันได้เลย  ผมตอนนั้นต้องสั่งซื้อหนังสือคู่มือมวยไทย มาฝึกกระบวนท่าไว้ต่อสู้กับน้องชาย ในหนังสือมีท่าจระเข้ฟาดหางด้วย ฝึกไว้แต่ไม่กล้าใช้เพราะกลัวพลาดท่าโดนน้องชายแตะเข้าข้างหลัง  ต่อยกันเป็นประจำจนน้าชายหัวเราะ บอกว่ามันจะต่อยกันก็ตามใจ ไม่มีใครเข้ามาห้าม มาหยุดต่อยกันก็ประมาณชั้นมัธยมปีที่สาม  หยุดไปเฉยๆ ไม่ต้องมีใครบอก


ครั้นใหญ่ย่อมหาทุนทรัพย์ไว้

น้องชายผมจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ผมจบปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณทิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จบแล้วก็เดินทางมาศึกษาต่อเมืองนอกพร้อมกันอีกขึ้นเครื่องบินลำเดียวกัน  ตอนเรียนปริญญาโทที่อเมริกานั้นต้องทำงานด้วยครับ  พี่เขยมีร้านขายฟิซซ่า ผมสองคนก็เลยกลายเป็นคนทำฟิซซ่า ผมละชอบมาก ทำไปกินไป ใส่พริกใส่กระเทียมอะไรก็ได้ให้มันถูกปากเป็นรสไทยๆหน่อย มาใหม่ๆรับประทานไม่ลงครับ น้องชายผมเขาเกลียดมากๆ มองนาฬิกาทุกวันว่าเมื่อไรจะเลิกงานเสียที  พวกผมทำงานเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาต้องไปมหาวิทยาลัยไปเรียนหนังสือ  ทำงานแทบตายสามสี่เดือน พอวันต้องจ่ายค่าเทอม ต้องถอนเงินทั้งหมดมาจ่ายค่าเทอม เงินเหลือไม่กี่ร้อยบาท ลืมบอกไปแม่ให้เงินผมกับน้องชายติดตัวมาคนละหมื่นบาท จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวให้  แบบที่เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้า

เสื่อผืนหมอนใบครับ

พองานไปได้สักพัก พี่เขยขายร้านฟิซซ่า  ผมก็เลยต้องไปหาที่ทำงานใหม่ เพื่อนพี่เขยชวนไปทำงานร้านฟิซซ่าใหม่ ผมกับน้องชายก็เลยต้องย้ายร้าน  น้องชายเขาก็เบื่องานทำฟิซซ่าเป็นอย่างมาก เลยลาออกมาทำอู่ซ่อมรถเบนซ์ กับบีเอ็ม ดับเบิลยู

พอตอนนี้แหล่ะครับ วิญญาณนักวิศวะเริ่มออก เจ้านายชอบมากเพราะเจ้าน้องชายมันจบวิศวสาขาเครื่องยนต์ อ่านสเป็ครถได้หมด แล้วยังรู้อีกว่าแต่ละชิ้นมันมีหน้าทำอะไร น้องชายรู้ขนาดว่าสเป็ครถบางทีมันต้องปรับตัวเลขตามอายุของรถ รถเก่าเครื่องหลวม ก็ต้องจูนเครื่องอีกแบบหนึ่ง  ลูกค้าชอบฝีมือถามหาเป็นประจำ เวลาน้องชายไปทำงานอู่  ถึงโอเวอร์ไทมไม่จ่าย  ก็ยังอยากจะทำ ขอให้ได้จับเครื่องรถเบนซ์แล้วมันชื่นใจ กลับมาถึงบ้านมือไม้เปื้อนหมด บางครั้งกลับมาบ้านเกือบเที่ยงคืน หนาวก็หนาว แต่คนเราเวลาทำอะไรที่ชอบ มันเป็นอิทธิบาทสี่จริงๆ บางวันน้องชายขับคนบีเอ็มของลูกค้ากลับบ้าน  บอกต้องขับลองรถ เป็นอย่างไรบีเอ็มเครื่องแน่นดีนะ  ผมก็มัวแต่กลัวว่าน้องชายมันจะเอารถลูกค้าคันงามไปถูกชนเสียมากกว่า  ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์กับรถแพงๆ น้องชายมันยังสอนเราเสียอีกว่าเวลาขับรถต้องดูกระจกหลังบ้างเป็นครั้งเป็นคราว ดูว่ามีใครตามหรือเปล่า เผื่อจะต้องเปลี่ยนเลนกระทันหัน จะได้ไม่มีอุบัติเหตุ  คุณคิดเอาเองก็แล้วกัน พี่น้องที่ต่อยกันทุกวันเป็นเวลาสิบกว่าปี  พอโตขึ้นมันก็มีแต่ความห่วงไยซึ่งกันและกันมากกว่าพี่น้องคนอื่นเสียอีก

พอน้องชายทำอู่ไปได้สักพัก เอาผมไปฝากงานเติมปั้มน้ำมัน  น้องชายเขาฉลาดหลอกผมว่า ลูกผู้ชายต้องซ่อมรถเป็น เวลารถเสียจะเปลี่ยนยาง เปลี่ยนไฟ เปลี่ยนหัวเทียน รถตายกลางทางต้องรู้จักวิธีซ่อมรถ  

ตอนนี้ทุกอย่างกลับกัน  ผมมองนาฬิกาทุกวันว่าเมื่อไรมันจะหมดวันเสียที มือไม้มันเปื้อนหมด ไม่ถูกใจเอาเสียเลย 

พอปิดเทอม น้องชายกลับไปเที่ยวบ้าน ไปเจอสาวเชียงใหม่เพื่อนแนะนำให้รู้จัก คงเป็นคู่บุญคู่กรรม พอกลับมาอเมริกาไม่กี่วัน น้องชายบินกลับไปแต่งงานเลย พี่สาวแต่ละคนพูดไม่ออก  บอกมันแล้วแต่บุญและกรรม ภรรยาของน้องชายมีการค้าของพ่อแม่  น้องชายก็เลยมาเป็นช่วยทำงานให้กับร้านของภรรยา  

ไปใหม่ๆคนข้างบ้านตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนเมืองนอกมันจะขยันอย่างนี้ ตื่นเช้ามาน้องชายก็เริ่มทำงานเลย  เสาร์อาทิตย์ชาวบ้านกำลังนอนกันอยู่ น้องชายก็ออกมาล้างรถ ซ่อมรถ ทำอะไรจิปาถะ ภรรยาก็ใช้น้องชายทุกอย่างไม่ให้มีเวลาว่าง เพราะตอนนั้นน้องชายเขาหล่อมาก  ให้ยุ่งไว้ก่อนเสียละดี จะได้ไม่มีปัญหา

คุณอย่าคิดว่าทำงานให้กับร้านภรรยาเป็นของดี  เพราะบางวันก็ต้องทะเลาะกัน ความภูมิใจมันไม่มีเพราะต้องอาศัยข้าวของภรรยากิน พี่สาวรึก็โกรธน้องชายว่ามันจบปริญญาตรีวิศวะ ปริญญาโทเอ็มบีเอเมืองนอก น่าจะไปทำงานเป็นอาจารย์หรือบริษัทใหญ่ๆจะได้มีตำแหน่งสูงๆ พี่สาวคิดถูกครับ อีกไม่นานน้องชายทนไม่ได้ต้องแยกทางกันเดิน พี่สาวบอกผมว่าในใจส่วนลึกน้องชายยังรักและเป็นห่วงภรรยาเก่าเสมอๆ  สมัยอยู่ด้วยกันถ้าภรรยาเดินไม่ไหว น้องชายจะเป็นคนอุ้มพาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ มีความสุขประสาสามีภรรยาล่ะครับ

พอหย่ากันพี่สาวบอกกับผมว่า น้องสะไภ้มันหมดบุญ  น้องชายมันหมดเวรน้องชายออกจากบ้านมาตัวเปล่า ไม่เอาอะไรเลย ทุกอย่างยกให้ภรรยาหมดทุกบาททุกสตางค์  เป็นอันว่าทำงานให้ภรรยาฟรีๆมาร่วมสิบกว่าปี  ชีวิตต้องมาเริ่มต้นใหม่

 

เมื่อกลางแก่แสวงบุญธรรมชอบ

คนที่จะมาช่วยก็คงจะต้องเป็นแม่เหมือนเดิม แม่ไม่พูดอะไรสักคำ ส่งเงินมาช่วยให้เปิดอู่ซ่อมรถ  น้องชายทำทุกอย่าง ซ่อมรถ ขายอะไหล่รถ เลี้ยงหมู ทำไปทำมาไล่คนงานออกหมด เพราะคนไทยเวลาวันหยุดโดยเฉพาะวันหยุดยาวเช่นวันสงกรานต์ ขอลางานไปสามวัน หายไปครึ่งเดือนพอหมดเงินถึงจะกลับมาทำงานใหม่  น้องชายยังติดนิสัยการทำงานจากเมืองนอก ต้องทำงานตรงเวลา บอกว่าจะกลับมาทำงานวันไหนก็ต้องกลับมาทำงานวันนั้นเพราะงานที่รับไว้กับลูกค้าจะเสีย  เลยไล่ลูกน้องออกหมด ปิดอู่  ขายแต่อะไหล่รถอย่างเดียว ทำคนเดียวสบายใจกว่า

 

ร้านอะไหล่รถของน้องชายไม่เหมือนของใครในเมืองไทย  เพราะน้องชายเอาอย่างร้านอะไหล่ในเมืองนอก  มีทางเดินเล็กๆ มีช่องกระจก ให้ลูกค้าถามปัญหา ของห้ามจับ ห้ามชม  บอกมาว่าจะเอาอะไร  หรือบอกสาเหตุของรถมาจะหาอะไหล่ให้ ปรึกษาฟรี เพราะน้องชายเขาเก่งมาก เขาบอกลูกค้าว่าพวกคุณต้องเรียกผมเป็นอาจารย์  เพราะผมรู้มากกว่าพวกคุณจริง จะถามเป็นภาษาอังกฤษก็จะตอบเป็นภาษาอังกฤษให้ก็ได้   

เปิดร้านมาไม่นาน น้องชายไปเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ ได้ปริญญากฏหมายมาอีกหนึ่งใบ  ผมถามน้องชายว่าจะเรียนไปทำไมอายุก็ป่านนี้แล้ว  น้องชายตอบว่าเรียนไว้กันคนโกง 


ยามหง่อมทำใดได้แต่ล้วนอนิจจัง

ถ้าคุณไปชานเมืองเชียงใหม่ ได้ไปเจอร้านขายอะไหล่รถ ร้านเล็กๆ เจ้าของเป็นตาแป๊ะแก่ๆคนหนึ่ง จะถามปัญหาอะไร เจ้าของร้านก็ตอบได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์ การบริหาร ตัวบทกฏหมาย การบ้านการเมือง ถามได้ทุกอย่าง ให้คำปรึกษาฟรีๆ  

คนๆนั้นคือน้องชายผมเองครับ 

 


 ปางน้อยสำเหนียกรู้     เรียนคุณ

 ครั้นใหญ่ย่อมหาทุน    ทรัพย์ไว้

 เมื่อกลางแก่แสวงบุญ   ธรรมชอบ

 ยามหง่อมทำใดได้      แต่ล้วนอนิจจัง

หมายเลขบันทึก: 469003เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2011 11:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2013 03:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

เดินตามความฝัน

เพื่อหาความหมายของชีวิต

กำลังอ่านสนุกๆ จบเลยค่ะ ^^

สวัสดีครับ  เพิ่งคุยกับพี่สาวมาเมื่อกี้นี้  เธอบอกว่าบางทีมันก็เป็นบุญของน้องชายที่ได้กลับไปใช้ชีวิตสบายๆ ที่เมืองไทย  มีร้านตัวเอง เป็นเจ้านายตัวเอง   ทำสิ่งเขาอยากจะทำ บางครั้งการไม่มีภรรยาก็เป็นลาภอันประเสริฐน่ะครับ

มีให้อ่านสามตอนแล้วครับ ถ้าชอบก็ต้องหาเรื่องมาเล่าให้ฟังอีก

สวัสดีค่ะ Ico48   แวมาอ่านมาชื่นชมชีวิต...ตาแป๊ะ สามปริญญา...การไม่มีภรรยาเป็นลาภอันประเสริฐ... แต่การที่เขาได้ช่วยเหลือดูแลภรรยาด้วยความรักและความห่วงใย...เป็นสิ่งที่เขาจะต้องได้การตอบแทน...สวรรค์มีตาค่ะ

  • เข้ามาอ่านรอบสองค่ะ
  • ที่บอกว่า "ผมมีน้องชายกับเขาคนเดียว  อายุใกล้เคียงกัน เพราะเขาเกิดตามผมมาหลังผมปีหนึ่ง ตอนเข้าโรงเรียนชั้นประถมเขาก็ร้องไห้ตามผมไปโรงเรียนด้วย สมัยนั้นคงไม่มีกฏเกติกาอะไรมากมายทางโรงเรียนก็เลยอนุญาตให้น้องชายมาเรียนชั้นเดียวกัน" ทำให้พี่คิดถึงตนเองที่ต้องไปนั่งเรียนชั้นป.1 พร้อมกับพี่สาวที่อายุ 6 ปีเต็ม แต่พี่เองอายุ 4 ปีเต็ม เพราะพ่อเสียไม่มีใครดูแล น้องชายที่อายุ 2 ปีต้องไปขอให้ท่านเจ้าอาวาสวัดช่วยเลี้ยง และน้องชายคนสุดท้องที่อายุได้ 20 วันไปโรงเรียนกับแม่ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่พอครบปีเขาก็ไม่ให้พี่เลื่อนชั้นหรอกนะคะ พี่สาวได้เลื่อนไปเรียนชั้นป.2 แต่พี่ต้องเรียนป.1 ใหม่ตอนอายุ 5 ปีเต็มซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ (ตามเกณฑ์ต้อง 6 ปีเต็มย่างปีที่ 7 การเรียนก่อนเกณฑ์เลยทำให้พี่เรียนจบครูแล้วแต่เป็นครูไม่ได้เพราะอายุแค่ 17 ปี
  • ข้อความ "ผมตอนนั้นต้องสั่งซื้อหนังสือคู่มือมวยไทย มาฝึกกระบวนท่าไว้ต่อสู้กับน้องชาย ในหนังสือมีท่าจระเข้ฟาดหางด้วย ฝึกไว้แต่ไม่กล้าใช้เพราะกลัวพลาดท่าโดนน้องชายเตะเข้าข้างหลัง  "อ่านแล้วขำมาก หัวร่อเลยค่ะ
  • ชอบที่เล่าเรื่องการทำงาน และสรุปว่า "คนเราเวลาทำอะไรที่ชอบ มันเป็นอิทธิบาทสี่จริงๆ" 
  • เวลาพี่ขับรถพี่ไม่ได้ดูแต่ว่าตัวเองจะไปยังไงนะคะ พี่ดูทั้งกระจกหลัง กระจกข้างซ้าย/ขวา เพื่อจะอำนวยความสะดวกให้คนอื่น เป็นต้นว่า ถ้าเห็นรถหลังเขามาเร็วพี่ก็จะเบี่ยงซ้ายให้เขาแซง ขับรถมา 20 กว่าปีไม่เคยมีอุบัติเหตุ พี่ขับรถเร็วนะคะ เร็วกว่าผู้ชายจำนวนไม่น้อยในจังหวัดอุบลฯ และอาจารย์ชายส่วนใหญ่มี่มรภ.อุบลฯ  
  • "คนไทยเวลาวันหยุดโดยเฉพาะวันหยุดยาวเช่นวันสงกรานต์ ขอลางานไปสามวัน หายไปครึ่งเดือนพอหมดเงินถึงจะกลับมาทำงานใหม่" เป็นเรื่องจริงเลยแหละค่ะ พ่อใหญ่สอมีปัญหามาก คนช่วยงานที่ฟาร์ม มี 3 คน ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ วันละ 4 ชม. 06.30-10.30 น. แต่เขานึกจะหยุดเขาก็หยุดโดยไม่เคยบอก บางอย่างก็เป็นงานที่ต้องทำต่อเนื่อง อย่างเช่น ใส่ปุ๋ยสวนยางประมาณ 2,500 ต้น ใส่ไปได้ 1 ใน 5 แล้วก็หายไปเป็นอาทิตย์ก็มี หรือตัดหญ้าค้างไว้ หายไปอีก เบิกเงินไปกินไปเที่ยวแล้วก็ติดลม กลับมาใหม่ไอ้ที่ตัดไปแล้วก็ขึ้นมาอีก
  • จะนำบันทึกนี้ไปให้นักศึกษาเรียนรู้เรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลค่ะ
  • สงสัยว่าน้องชายอายุเท่าไหร่คะ ถึงต้องใช้คำว่า "ร้านขายอะไหล่รถ ร้านเล็กๆ เจ้าของเป็นตาแป๊ะแก่ๆ " เพราะดูแล้วก็ไม่น่าจะอยู่ในวัยที่เรียกว่า "ตาแป๊ะ"
  • ขอบคุณมากนะคะ ที่บันทึกให้ได้รู้จักภูมิหลังของคุณน้องคนบ้านไกลมากขึ้น
  • พี่คุยยาวอีกแล้ว (ไม่ได้คุยยาวอย่างนี้กับทุกคนหรอกนะคะ)

สวัสดีครับคุณพี่

ที่เรียกว่าตาแป๊ะนั่น  เพราะพี่สาวเล่าให้ฟังว่า น้องชายจะไปซื้อ iPad ที่ร้านค้าที่เชียงใหม่ ไม่ได้แต่งตัวไป ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เสื้อยืดธรรมดา  พนักงานขายไม่ยอมมาต้อนรับด้วย เพราะคิดว่าเป็นตาแป๊ะแก่ๆ ไม่มีความรู้ ไม่มีเงิน ที่จะซื้อของเขา น้องชายโมโหมากถึงกับมาเล่าให้หลานชายฟังว่า มันนึกว่าเราไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ น้าอ่าน web เป็นภาษาอังกฤษเอาเองก็ได้ มันไม่อยากได้เงินน้าก็แล้วไป ว่าจะซื้อ iPad สักสองเครื่อง มันเลยอดได้เงินน้า ไม่ซื้อก็ได้ 

ผมเองก็ได้ครับการอบรม(แกล้มบังคับ)จากภรรยาจะไปไหน ภรรยาหรือลูกสาวจะเป็นคนจัดเสื้อผ้าให้  สีทุกอย่างต้องเข้ากัน เสื้อจะเป็นตราจระเข้หรือตราจิ้งจกก็ไม่เป็นไร รีดให้เรียบร้อย ไปไหนถ้าพนักงานเรียกว่า ท่าน ดูภรรยาดูจะพอใจเป็นอันมาก ถึงกับยิ้มแก้มตุยเลยครับ

พี่สาวที่เป็นครูก็เหมือนกัน  เวลาไปติดต่อกับสถานที่ราชการ เธอต้องแต่งตัวเรียบร้อย พูดจาน่าเลื่อมใส พี่สาวบอกว่าให้คิดว่าเราพูดกับเด็กนักเรียนของเรา  เด็กมันเกรงใจเอง การงานก็เดินสดวก 

ผมเคยไปซื้อของกับพี่ชายที่เป็นอธิบดี เวลาพนักงานมาต้อนรับ ท่านเรียกพนักงานผู้หญิงว่า สาว  ถ้าเป็นพนักงานผู้ชายท่านเรียกว่า หนุ่ม 

"เอ้า สาว ของชิ้นนี้ราคาเท่าไร ลดได้หรือเปล่า" อะไร ทำนองนั้นครับ

สาวๆ ยินดีต้อนรับ ของอย่างนี้ต้องฝึกครับ  เผอิญน้องชายไม่ได้รับการฝึก ผลออกมามันก็ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จะไปโทษใครก็ไม่ได้  

เลยมีเรื่องมาเล่าให้พวกเราได้ฟังสนุกๆ จะแอบยิ้มด้วยก็ไม่ว่ากระไรครับ

 

 

สวัสดีครับ

อากาศเป็นอย่างไรครับ  พี่สาวสองคนกับหลานเพิ่งออกไปเที่ยวแอลเอ น้องชายตอนนี้เขาสบายมากกว่าผมเสียเอง วันอาทิตย์ก็ออกไปทำบุญที่วัด เที่ยวกันสบายๆ ไม่ต้องมาสู้รบกับอากาสหนาวเย็นอย่างอาจารย์กับผมต้องเจออยู่ตอนนี้

  • ทึ่งในน้องชายคนบ้านไกล
  • หักมุม อยากอ่านอีก
  • ตอนสมัยเด็กๆผมกับพี่ชายก็ต่อยกันทุกวัน
  • จนแม่เบื่อ
  • ตอนนี้พี่ชายเป็นช่าง
  • มีเรื่องการแต่งกายมาบอก
  • เหมือนตาแป๊ะไหมครับ
  • ตอนเป็นครูใหม่ สอนอยู่มัธยมฯ ชอบแต่งตัวเหมือนคนสวนรดน้ำต้นไม้
  • มีชาวบ้านมาถามผมว่าเห็นครูไหม
  • ผมก็ชี้ไปบนตึก
  • แล้วแกก็เจอผมตามขึ้นไปทีหลัง ฮาเลย
  • อีกเรื่อง ผมตัวมอมแมมเพราะไปช่วยพี่ชายคนโตล้างเครื่องรถซ่อมรถ ตัวดำเพราะเลอะน้ำมัน
  • เข้าไปร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่ง
  • เจ้าของร้านเดินตาม เพราะกลัวผมขโมยของหรือไม่มีเงินจ่าย 555

 นึกไม่ถึงว่า จะมีพี่ชายกับน้องชายที่ต่อยกันทุกวันเหมือนผม

พวกเราคงเป็นสหชาติกระมังครับ

แต่พอโตขึ้นกับรักกันมากกว่าพี่น้องคนอื่นเสียอีก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท