ขณะที่แวะทักทายกับชาวบ้าน ได้พบกับชายคนหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่ากวีท้องถิ่น เมื่อได้พูดคุยด้วยแล้ว เขาเป็นผู้ที่หลงไหลในประเพณีวัฒนธรรมของตนเอง ชอบเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวในชุมชนมาเล่าให้พวกเราพร้อมทั้งให้เราได้อ่านบทกวีต่าง ๆ ที่บรรจงแต่งขึ้น ทั้งนี้ได้หยิบยกตัวอย่างบทกวีที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของช้างไถนาและข้อคิดถึงอนาคตของช้างไถนาให้คิดกัน ดังต่อไปนี้ :
ถิ่นช้างไถนา
ณ
หมู่บ้านนาเกียนถิ่นแอ่งเขา มีเรื่องเล่าให้ควรได้ศึกษา
เมื่อเป็นถิ่นกำเนิดช้างไถนา
คล้ายนิทานปรัมปราเขาว่ากัน
อดีตเมื่อปีสองห้าสองสาม
คนหนึ่งนายพะก่าโหนะคิดสร้างสรรค์
จากการใช้คันไถกับควายนั้น
จึงแปรผันเชื่อมันใช้ช้างไถแทน
ด้วยเชื่อว่าช้างแรงกว่าเป็นไหน
ใช้คันไถหลายอันอาจโลดแล่น
ชักชวนมิตรฝึกช้างอย่างแร้นแค้น
ณ
ดินแดนผืนป่าบ้านนาเกียน
ผ่านวันแล้ววันเล่าจนได้ผล
จากที่เคยถูกคนหาว่าเพี้ยน
หลังจากนั้นคนตามเป็นบทเรียน
บ้านนาเกียนจึงขึ้นชื่อช้างไถนา
ช้างตัวแรกไถนาชื่อปุ๊น่อย ช้างตัวอื่นสานรอยปรารถนา
แต่นานวันควายเหล็กหลั่งไหลมา
ช้างจึงลดไถนาไปตามวัน
อีกไม่นานช้างไถนาจะสูญหาย
เมื่อเทคโนฯย่างกรายมากีดกั้น
เมื่อนั้นแหละช้างไถนาจะสูญ
เหลือตำนานช้างไถนาบ้านนาเกียน
ภาพควายไถนา วาดโดย นายพะลาโป๊ะ ประยูนยืนยง
ลูกหลานของชุมชนบ้านนาเกียน
ภาพช้างเล่นน้ำ วาดโดย นายพะลาโป๊ะ ประยูนยืนยง
ลูกหลานของชุมชนบ้านนาเกียน
กลอนดี ภาพงาม เช่นเคยครับ ;)...
ไพเราะค่ะ อาจารย์โสภณ ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทายค่ะ