อัลเลาะห์(ซ.บ.) ทรงยืนยันว่า เราะซูลของพระองค์นั้น เป็นผู้ที่มีมารยาทงดงามยิ่ง โดยตรัสว่า :
"และแท้จริง เจ้านั้น ตั้งอยู่ในจริยธรรม อันยิ่งใหญ่" (อัลกอลัม / 4)
และทรงกล่าวชมเชยบรรดาผู้ที่มีจริยธรรม และศีลธรมอันดีงาม ไว้ในซูเราะฮ์ อาละอิมรอน ว่า
"และบรรดาผู้ระงับความโกรธ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ อัลลอฮ์ทรงรักผู้ที่ทำดีทั้งหลาย" (อาละอิมรอน / 134)
มีรายงานจากท่าน อนัส (ร.ด.) กล่าวว่า :
"ท่านเราะซูล เป็นบุคคลที่มีมารยาทงดงามยิ่งกว่าผู้ใด" (บันทึกโดย บุครีย์ ละมุสลิม)
วามอ่อนโยน ละมุนละม่อม
อิสลามสนับสนุนให้ใช้ความอ่อนโยน ทั้งในคำพูดและการกระทำ เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน อิสลามไม่ส่งเสริมให้เกิดความขัดแย้ง ทะเลาะ
วิวาท หรือใช้ความรุนแรงต่อกัน ท่านศาสดา กล่าวว่า
“ แท้จริง อัลลอฮ ทรงเป็นผู้มีความละมุนละม่อม อ่อนโยน พระองค์ทรงชอบความละมุนละม่อมอ่อนโยนในกิจการทั้งปวง” (บันทึกโดยอิมามบุคอรีย์ )
ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า
“ แท้จริงความละมุนละม่อม อ่อนโยน เมื่ออยู่ในสิ่งใด จะทำให้สิ่งนั้นดีงามขึ้น และความละมุนละม่อม อ่อนโยน เมื่อถูกถอนออกจากสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะทำให้สิ่งนั้นเลว
ลง ”(บันทึกโดยอิมาม มุสลิม )
ความละมุนละม่อม อ่อนโยนนี้เอง ที่เป็นคุณลักษณะดึงดูดให้ผู้คนรักใคร่และเอ็นดูเมตตา สร้างสัมพันธไมตรีอันดีงามต่อกัน และให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ตัวอย่างชัดเจนในเรื่องนี้เห็นได้จากการที่ท่านศาสดามุฮัมมัด เป็นผู้ที่อ่อนโยนต่อมวลชน
สุภาพ และมีไมตรี จึงทำให้ท่านเข้าไปอยู่ในใจสาวกและมิตรสหายของท่าน ตลอดจนทุกคนที่พบเห็นและรู้จักกับท่าน ต่างก็สัมผัสได้ถึงคุณธรรมอันประเสริฐของท่าน
อัลลอฮ ตรัสว่า :
"เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮนั่นเอง เจ้า (มุฮัมมัด) จึงได้สุภาพอ่อนโยนแก่พวกเขา และถ้าหากเจ้าเป็นผู้ประพฤติหยาบช้า และมีจิตใจแข็งกระด้าง
แล้วไซร้ แน่นอน พวกเขาย่อมกระเจิดกระเจิง แยกตัวออกไปจากเจ้ากันแล้ว" ( อาละอิมรอน 3 / 159 )
พระผู้เป็นเจ้า ทรงแจ้งให้ท่านศาสดาทราบว่า ความเอ็นดูเมตตาที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ท่านนั้น นับเป็นสาเหตุแห่งการสุภาพอ่อนโยนต่อบรรดาผู้ศรัทธา
ถ้าหากท่านมีลักษณะแข็งกระด้าง หยาบช้า แน่นอนประชาชาติของท่านย่อมเตลิดหนี กระเจิดกระเจิงไปจากท่าน แม้ว่า คำสั่งดังกล่าวจะเจาะจงถึงท่านศาสดา แต่ใน
ขณะเดียวกันก็รวมไปถึงประชาชาติของท่านด้วย สิ่งใดที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ท่านศาสดาปฏิบัติ ย่อมหมายรวมถึงบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมด ยกเว้นในสิ่งที่เป็นกรณี
พิเศษ เฉพาะเจาะจงเท่านั้น อิสลามใช้ให้แสดงออกถึงความอ่อนโยนกับทุกคน ไม่ให้เลือกปฏิบัติ ทั้งกับคนใกล้ชิดและห่างไกล ทั้งแก่ผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธศรัทธา
และทั้งแก่คนดีและคนชั่ว พระคัมภีร์ระบุว่า :
" และเจ้าอย่าหันแก้ม (ใบหน้า) ของเจ้าให้แก่ผู้คนอย่างยะโส และอย่าเดินไปตามแผ่นดินอย่างไร้มรรยาท แท้จริง อัลลอฮ์ มิทรงชอบทุกผู้หยิ่งจองหอง
และผู้คุยโวโอ้อวด" ( ลุกมาน 31 / 18 )
ท่านศาสดา มุฮัมมัด ครองใจประชาชาติของท่าน ด้วยจริยธรรมและมารยาทอันงดงาม
ของท่าน ท่านอ่อนโยนกับทุกคนแม้กระทั่ง สาวกรับใช้ ดังปรากฏใน คำบอกเล่าของท่านอนัส อิบนุ มาลิก ว่า
“ ฉันได้รับใช้ท่านนบี 10 ปี ตลอดระยะเวลานั้น ท่านไม่เคยบ่น หรือแสดงอาการไม่พอใจเลยแม้สักครั้งเดียว ท่านไม่เคยกล่าวตำหนิฉันเลย ว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น
ทำไมถึงไม่ทำอย่างนี้ ” (บันทึกโดยอิมามบุคอรีย์ และอิมาม มุสลิม )
ท่านศาสดา มุฮัมมัด กล่าวว่า “ แท้จริง อัลลอฮ ได้ประทานวะฮีย์ ( บัญชา ) ให้ฉันนอบน้อม
ถ่อมตน จนกระทั่ง ไม่ให้มีการโอ้อวด เหยียดหยามและ อธรรมต่อกัน ” (บันทึกโดยอิมาม มุสลิม )
ส่วนหนึ่งจากวจนะศาสดา มุฮัมหมัด เกี่ยวกับจริยธรรมอิสลาม
1. ห้ามการประพฤติเลียนแบบผู้กลับกลอก
2. ห้ามการพูดจาหยาบคาย นินทา ใส่ร้าย
3. เกี่ยวกับการปฏิบัติตามในสิ่งที่ดีงาม
4. เกี่ยวกับความรักและมีเมตตาต่อกัน
5. เกี่ยวกับการให้เกียรติเพื่อนมนุษย์
ท่านศาสดา กล่าวว่า
“ ลักษณะของการเป็นมุนาฟิก ( ุ้หน้าไหว้หลังหลอก ) มี 3 ประการ คือ เมื่อพูดก็จะโกหก เมื่อสัญญาก็บิดพลิ้ว และเมื่อได้รับความไว้วางใจก็ทรยศ หัก
หลัง” (บันทึกโดยอิมามบุคอรีย์ และอิมาม มุสลิม )
อันเนื่องมาจากการที่เขาเหยียดหยามพี่น้องของเขา” อัลเลาะห์(ซ.บ.) ตรัสว่า : "และบรรดาผู้ระงับความโกรธ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ อัลลอฮ์
ทรงรักผู้ที่ทำดีทั้งหลาย" (อาละอิมรอน / 134)
ไม่มีความเห็น