บุนนาค
ดร. วรนันท์ มุฮัมมัด รอมฎอน บุนนาค

ถ้าเราพบเจอมุสลิมที่ไม่ดีเราจะทำอย่างไร?


ทุกศาสนิกมีทั้งคนดีและไม่ดี คงไม่แปลกใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรายังได้มีพระบรมราโชวาทว่า ต้องหาคนดีขึ้นมาปกครองดูแลบ้านเมือง อย่าให้คนไม่ดีคนเลวขึ้นมาดูแลบ้านเมือง ในองค์กรมุสลิม(ที่นับถือแนวทางอิสลาม)บ่อยครั้งเราจะพบเจอคนไม่ดี คนเลว และบางครั้งเลวทั้งความคิดและการกระทำ แต่ในสังคมมุสลิมไม่ค่อยมีใครกล้ามาเปิเเผย บอกกล่าว ให้สังคมรับรู้ ปล่อยให้ความเลวดำรงอยู่ ฝังตัวอยู่ เกาะกินเป็นสนิมสังคม อยู่เรื่อยไป บางคนอาวุโสแล้ว ทำงานองค์กรต่างของมุสลิม แต่ก็ยังกระทำโดยสันดานที่เลวๆอยู่ จนพี่น้องมุสลิมเขาเอือมระอา และบางครั้งต้องปล่อยให่เลยตามเลย คือป่อยให้คนเลวๆเหล่านี้ดำรงอยู่ ทำงานอยู่ แอบอ้างอยู่ในองค์กรอิสลาม นี่แหละเป็นเหตุให้องค์กรอิสลามตกต่ำไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนองค์กรอื่นๆ รูปธรรมที่เราพบเจอกัน อาทิ ทำงานเป็นประธานมูลนิธิฯมุสลิมไปหาหลอกเงินองค์กรระหว่างประเทศมา แอบอ้างมามาทำงานกับพี่น้องมุสลิมอีสานแต่ไม่เช่นนั้น เอาเงินเหล่านี้มาหาประโยชน์ในครอบครัว หาใช่มาทำงานเพื่อพัฒนามุสลิมอีสานแต่อย่างใด บางคนมันหาแต่งงานกับมุสลิมผู้หญิงไปทั่ว และบ่อยครั้งทำร้าย ตบตีคนรัก เลิกลาไปหลายคน แต่มันก็ยังทำตัวเสเพลหาผู้หญิงมาทำร้ายอยู่เรื่อยไป บางคนอ้างเป็นรุ่นพี่ชมรมนักศึกษาอิสลามในมหาวิทยาลัย พบเห็นอะไรที่ไม่ดีไม่งามกับนิ่งเฉย ปล่อยปละละเลย มีการยืมเงินชมรมไปเป็นหลายหมื่นแต่ไม่เคยใช้คืน สร้างภาพทำตัวเป็นผู้รู้ เป็นนักเขียนบทความ แต่พฤติกรรมเลว สกปรก หน้าไหว้หลังหลอก คบใครก็ล้วนจะหาประโยชน์ม่มีความจริงใจ พยามยามควบคุมนักศึกษา กันท่า ไม่ให้ใคร องค์กรไหนเข้าไปทำงานในชมรม นักศึกษาเองก็อ่อนแออย่างมาก แยกแยะไม่ออก ระหว่าง ความดีและความเลว บางคนเป็นถึงประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดก็หาอยู่หากินกับเงินฮาล้าล ไม่มีความจริงใจในการทำงานอยู่มา 5 ปีแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นในจังหวัดขอนแก่นเลย มีแต่ความเลวร้าย จนมุสลิมในจังหวัดเขาสุดทน กับผู้ทำชั่วๆแบบนี้ นี่เป็นรูปธรรมหนึ่งที่หยิบยกมาให้ทราบ ให้รู้ว่า ในสังคมมุสลิมก็มีคนชั่วในคราบของคนทำงานศาสนาเช่นกัน และองค์กรเช่นนี้ก็จัดการกับคนพวกนี้ยากเพราะคนที่อยู่รอบข้างอ่อนแอ ไม่มีองค์กรที่เข้มแข็ง

 

ถือเป็นความผิดหรือไม่  เมื่อเรามีความรู้สึกที่อึดอัดต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกัน  บ่อยครั้งทนไม่ไหวกับพฤติกรรม ความเลวที่คนเหล่านี้กระทำอยู่ อึดอัด และอยากจัดการแต่ทำไม่ได้ ไม่มีองค์กรไหน หรือใครจัดการ นิสัย สันดานที่เลวร้ายเหล่านี้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนเหล่านี้จะมีสำนึก ซึ่งกว่าคนเหล่านี้จะมีสำนึก สังคม ชุมชนเสียหายไปแล้ว  เราเชื่อมั่นว่า         บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮ์ และตามหลักคำสอนของอิสลามมีไว้ว่า

 


           สิ่งที่มุสลิมควรจะทำก็คือ  การงดเว้นจากการรู้สึกเกลียดชังหรือเคียดแค้นต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกัน  ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงตรัสต่อบรรดาปวงบ่าวผู้ศรัทธาของพระองค์ในซูเราะฮฺ al-Hashr ว่า

“และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขาโดยพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเราทรงโปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเราผู้ซึ่งได้ศรัทธาก่อนหน้าเรา และขอพระองค์อย่าได้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเราแท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (ในซูเราะฮฺ al-Hashr 59:10)

 

          นอกจากนี้ฮะดีษที่รายงานโดยท่านอนัส บิน มาลิก (ขอความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ ทรงมีแด่ท่านด้วยเทอญ) ได้รายงานว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวว่า

“โอ้ปวงบ่าวของอัลลอฮฺ พวกท่านจงอย่าเกลียดชังกัน อย่ามีความอิจฉาต่อกัน  อย่าหันหลังหนีจากกัน และจงเป็นพี่น้องกันเถิด  ไม่เป็นที่อนุญาตสำหรับพวกท่านที่จะหมางเมินต่อพี่น้องของท่านเกิน 3 วัน”

 (รายงานโดยอัล-บุคอรีย์ 5718 และมุสลิม 2559)

 

          ท่าน Ibn ‘Abd al-Barr ได้กล่าวว่า คำว่า “พวกท่านจงอย่าเกลียดชังกัน” นั้นถือเป็นข้อห้ามสำหรับมุสลิมที่พวกท่านตั้งใจว่าจะไม่รักกันและกัน (Al-Istidhkaar, 8/289)

 

           แต่สำหรับความรู้สึกไม่ชอบที่มีต่อบุคคลหนึ่งนั้น  จนทำให้ท่านไม่สามารถจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้  แม้ว่าท่านจะได้นำสิ่งที่อิสลามได้สั่งใช้  นำมาปฏิบัติต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกันแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นการตอบสลาม การกล่าว ยัรฮัมมุกัลลอฮฺ  (ขอความเมตตาจากพระองค์อัลลอฮฺ จงมีแด่ท่านด้วยเทอญ) เมื่อมีผู้จาม  หรือการให้ความช่วยเหลือต่อพี่น้องมุสลิมที่ต้องการความช่วยเหลือ  และการกระทำอื่น ๆ แต่ท่านก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบพี่น้องของท่านอยู่  ซึ่งในกรณีนี้ไม่ถือว่าท่านได้ห่างเหินหมางเมินต่อพี่น้องของท่านหรือมีความรู้สึกต้องการที่หลีกเลี่ยงไปจากพี่น้องของท่าน  ซึ่งเราหวังว่าพระองค์อัลลอฮฺ จะทรงอภัยให้แก่ท่าน  (อินชาอัลลอฮฺ) 

 

          มีฮะดีษที่รายงานโดย ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่าท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวเอาไว้ว่า 

“กลุ่มวิญญาณนั้น คือกลุ่มก้อนของวิญญาณหลาย ๆ วิญญาณที่มาอยู่ร่วมกัน (ซึ่งกลุ่มก้อนของวิญญาณนี้จะอยู่ในอาณาเขตหนึ่งก่อนที่จะมาอยู่ในตัวของมนุษย์ในโลกนี้)  ถ้าในโลกของวิญญาณ  กลุ่มวิญญาณเหล่านี้มีความเข้ากันได้  เมื่อวิญญาณมาอยู่ในตัวมนุษย์ในโลกนี้  มนุษย์เหล่านี้ก็จะมีความเข้ากันได้  แต่ถ้ากลุ่มวิญญาณที่เข้ากันไม่ได้ตั้งแต่ในโลกของวิญญาณ  เมื่อวิญญาณเหล่านี้มาอยู่ในตัวของมนุษย์ในโลกนี้  มนุษย์เหล่านี้ก็จะยังคงเข้ากันไม่ได้เช่นเดิม” 

(รายงานโดยอัล-บุคอรีย์ 3158 และมุสลิม 2638)

 

         ท่าน Al-Khattaabi ได้กล่าวว่า สิ่งที่กล่าวในขั้นต้นนั้น  สามารถเข้าใจได้ว่า  วิญญาณและมนุษย์นั้นมีความคล้ายคลึงกันกล่าวคือ  ทั้งวิญญาณและมนุษย์นั้น  มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งความถูกต้องและความผิดศีลธรรม   ดังนั้นคนที่ดีนั้นก็จะชื่นชอบและอยู่กับคนที่ดีเหมือนกัน  ส่วนคนที่ไม่ดีนั้นก็จะชื่นชอบและเลือกอยู่กับคนที่ไม่ดีเหมือนกัน  ดังนั้นวิญญาณของมนุษย์นั้นก็คือความเป็นตัวตนของแต่ละคน  ซึ่งบ่งบอกว่าใครคือคนดีหรือคนไม่ดี  ซึ่งคนที่เหมือนกันก็จะเข้ากันได้และคนที่มีความแตกต่างกันก็จะเข้ากันไม่ได้ 

 

         ท่าน Al-Qurtubi ได้กล่าวว่า  จากพื้นฐานที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น  เราจึงพบว่า  ผู้คนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเขาก็จะสามารถเข้ากันได้ดี  แต่สำหรับบุคคลที่มีความแตกต่างกัน  พวกเขาก็จะเข้ากันไม่ได้  นั่นเป็นเพราะแต่เดิมนั้นวิญญาของเรามีความแตกต่างกัน

หมายเลขบันทึก: 464744เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2011 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 11:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

From above, it seems that all muslims must forgive or tolerate wrong-doers among them within 3 days.

It is not clear that this rule applies to non-muslims living in the same community.

It may even suggest that this rule only applies among muslims, but not for muslims to forgive or tolerate non-muslims (within the same comunity).

I am a buddhist. I tolerate muslims' calls to pray 5 times a day every day.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท