....เลี้ยงยากจริงๆเจ้าลูกหมานี่ ดื้ออย่างก๊ะลูกลิงลูกค่าง
น่ากลุ้มใจจริงว๊อยยย ป่ะ ขึ้นไปเล่นบนยอดไม้กันดีก่า ฮึ๊บบบ !!!!!
ขอขอบคุณภาพจาก YouTube
ผมได้มีโอกาสร่วมกับทีมอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกันเรียนรู้ที่จะแบ่งปันความเชี่ยวชาญต่างสาขาและระดมพลังความเป็นสหวิทยาการระดับทีมและเครือข่ายวิทยาการ ให้สะท้อนไปสู่มิติใหม่ๆของการทำวิจัย สอนแบบทีม เสวนาสหสาขา และดูแลการทำวิจัยให้นักศึกษาที่มีหน่วยก้านดี มีกำลังความสนใจและกำลังทางวิชาการแบบไม่แยกส่วน ได้ทำวิจัยวิทยานิพนธ์ปริญญาโทและเอก ที่สร้างกรอบตัวแปรแบบสหวิทยาการ ทำให้นักศึกษาและงานของนักศึกษาจำนวนหนึ่ง มีกรอบการวิจัยในประเด็นต่างๆ ที่ใช้ความรู้ในการทำวิจัยจากหลายศาสตร์
นักศึกษาได้เกิดประสบการณ์ต่อสังคม ได้เคี่ยวกรำทางวิชาการ ได้เรียนรู้กับเครือข่ายวิชาการที่กว้างขวางของประเทศและนานาชาติ มีทักษะและภาวะผู้นำทางวิชาการเหมาะสมต่อการทำงานกับความแตกต่างและเปิดกว้าง ข้ามคณะ ข้ามสาขา ข้ามมหาวิทยาลัย ทีมอาจารย์ก็ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และได้เรียนรู้ไปกับการเป็นทีมวิจัยให้กับนักศึกษาในแนวทางที่จะระดมสรรพวิชา ที่มุ่งเชื่อมโยงกับปัญหาต่างๆของประเทศ เท่าทันต่อประเด็นแนวโน้มต่างๆของท้องถิ่นและของโลกด้วย
ทางด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรน้ำก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ได้มีโอกาสดูแลไปหลายชิ้น ผมมักได้รับการขอให้เน้นดูแลฐานทฤษฎีและระเบียบวิธีเพื่อศึกษาตัวแปรบางด้านให้ โดยเฉพาะทางด้านสังคมชุมชน ประชาคม การพัฒนาศักยการจัดการและการมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนาการเรียนรู้และวิธีปฏิบัติการเชิงสังคมทางสื่อกับการจัดการความรู้ จึงขอนำเอามาถ่ายทอดแบ่งปันไว้เพื่อเป็นแนวคิดสำหรับการวิเคราะห์ชุมชนและวางแผนบริหารจัดการน้ำท่วม ตลอดจนการจัดการทรัพยากรน้ำในชุมชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้นำชุมชน กลุ่มประชาคม กลุ่มจิตอาสา ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรท้องถิ่น ในการนำไปพัฒนาเครื่องมือจัดการความรู้ของชุมชนต่อไป ทั้งในสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้และในอนาคต
บันทึกนี้ถ่ายทอดเท่าที่พอจะนึกขึ้นได้เร็วๆ จึงไม่ได้ค้นคว้าและอ้างอิงอย่างเป็นระบบนัก แต่ก็เป็นข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้นของนักศึกษาหลายสาขาในระดับปริญญาโทและเอกของหลายแห่ง รวมทั้งเครือข่ายวิจัยแนวประชาคม ที่ใคร่ขอกล่าวถึงความมีคุณูปการแก่สังคมนี้ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มหาวิทยาลัยศิลปากร หาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เครือข่ายนักวิชาการประชาสังคม และเครือข่ายประชาคมพุทธมณฑลสร้างองค์ความรู้ท้องถิ่น
ในอนาคต ชุมชนต่างๆ อาจเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบการจัดการตนเองเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและวางแผนพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมทั้งการวางระบบตนเองเพื่อเผชิญภาวะน้ำท่วมในปัจจุบันให้ดีที่สุด ซึ่งการเรียนรู้ชุมชนและการจัดการความรู้เพื่อการดูแลส่วนรวม ตามรายการเหล่านี้ จะเป็นพลังความรู้เพื่อช่วยผู้นำชุมชนและองค์กรท้องถิ่น ตลอดจนกลุ่มการรวมตัวกันของชาวบ้าน ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ดีของระดับชุมชน..........................
แนวพัฒนามิติการประเมินวิเคราะห์ศักยภาพชุมชน
เพื่อวางแผนและวางระบบบริหารจัดการชุมชนต่อกรณีน้ำท่วม ในวิถีชุมชน
๑. ข้อมูลทั่วไปของชุมชน
๒. บริบทและข้อมูลพื้นฐานทางสังคมชุมชน
๓. ปริมาณและลักษณะการใช้น้ำของชุมชน
๔. ลักษณะของพื้นที่และการใช้ประโยชน์ที่เกี่ยวกับน้ำ
๕. ต้นทุนระบบนิเวศของน้ำในชุมชน
๖. แผนที่ชุมชน พื้นที่เสี่ยง และพื้นที่เผชิญน้ำท่วม
๗. ทุนศักยภาพและทรัพยากรในชุมชนเพื่อพึ่งตนเองแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเข้มแข็ง
๘. องค์กรและการจัดการของชุมชน
๙. ข้อมูลและการสื่อสารเพื่อบริหารจัดการภาวะวิกฤติ
๑๐. การจัดการด้านสาธารณสุขมูลฐานและสุขภาวะชุมชน
ควรทำแผนที่ชุมชนและแผนที่ศักยภาพชุมชน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ด้วยแผนที่ จำแนกการวิเคราะห์ข้อมูลแต่ละมิติ เพื่อหลังจากนั้นจะสามารถทำ Overlay หรือวิเคราะห์แผนที่เชิงซ้อนในประเด็นต่างๆ ให้เห็นถึงความหนาแน่น การกระจายตัว ความหลากหลาย ความเพียงพอ และความขาดแคลน ทางด้านต่างๆที่ต้องการ ทำให้มีข้อมูลสื่อสารกับชุมชนและบริหารจัดการตนเองได้อย่างเหมาะสม เช่น ทราบว่ามีเรือและอุปกรณ์ขนย้ายคนและสิ่งของอยู่เพียงพอเพียงใด ที่มีอยู่ในชุมชนนั้นกระจายอยู่ที่ตรงไหน และตรงไหนต้องรีบหาเข้าไปเสริม เหล่านี้เป็นต้น
หากใช้กราฟรูปภาพหรือแผนที่ความคิด ก็ทำตัวแบบที่สามารถใช้วิเคราะห์เชิงซ้อนด้วยเครื่องมือที่ทำให้ง่ายสำหรับทำกันเองของชาวบ้าน | ตัวอย่างการถอดบทเรียนและวิเคราะห์ทุนศักยภาพชุมชนด้วยแผนที่ความคิด และวิเคราะห์เชิงซ้อนด้วยกราฟรูปภาพซึ่งสร้างและใช้เองด้วยชาวบ้าน : เครือข่ายเรียนรู้ของชุมชนรอบสำนักงานศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะชุมชนของ สสส. โดย บางกอกฟอรั่ม Civicnet กับเครือข่ายชุมชน ที่ผมและคณะได้ทำให้ |
ข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้ชุมชนสามารถวางแผนเพื่อการจัดการตามมาตรการที่เหมาะสมต่างๆ นับแต่การระดมทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนเพื่อแก้ปัญหา การป้องกันอุบัติภัย การอพยพเคลื่อนย้ายและการจัดการเชิงพื้นที่อย่างเหมาะสมที่สุด การสื่อสารและกำกับสภาวการณ์ที่ดี การดูแลสุขภาพและจัดการสุขภาวะชุมชน และอื่นๆที่หลากหลายและยืดหยุ่นไปตามความต้องการในเงื่อนไขแวดล้อมของท้องถิ่นที่ต่างกัน
ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วม ซึ่งจะแปรภาวะวิกฤติให้ชุมชนเป็นหน่วยการเรียนรู้ ได้ใช้ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นโอกาสพัฒนาพลเมืองและสร้างศักยภาพการจัดการของชุมชน ก่อให้เกิดวิธีบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ ทำให้วิกฤติเปลี่ยนเป็นโอกาส สร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยในวิถีชีวิตชุมชน และเป็นอีกโอกาสหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางสังคมแนวใหม่ ที่ใช้ความจำเป็นส่วนรวม เชื่อมโยงความมีปฏิบัติการเชิงสังคมร่วมกันของพลเมืองผู้มีจิตสาธารณะด้วยการเป็นผู้ร่วมกันทำให้แก่ชุมชนและสังคมตนเอง ไม่ต้องรอปะทะหรือประท้วงเรียกร้องหาพระเอกขี่ม้าขาวอย่างเดียว
ในชุมชนต่างๆ จะสามารถลด ปรับแต่งเพิ่มเติม ให้มีความหมายและสื่อสะท้อนความต้องการใช้วิเคราะห์เพื่อวางแผนชุมชน สามารถสร้างระบบและบริหารจัดการชุมชนในสภาวการณ์น้ำท่วมได้อย่างเหมาะสม ด้วยการพึ่งตนเอง เตรียมระบบตนเองเพื่อมีความสามารถสื่อสารกับสังคม และมีกรอบปฏิบัติการที่ดีเพื่อประสานความร่วมมือจากเครือข่ายภายนอกให้สอดคล้องกับความจำเป็น มีแนวระดมพลังการมีส่วนร่วมทุกด้านเพื่อให้ชาวบ้านและชุมชน ตลอดจนสภาวการณ์ของส่วนรวม ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีที่สุด.
ชุมชนมีวิถีที่จะช่วยชุมชนได้ครับ
สวัสดีครับอาจารย์หมอ JJ ครับ
ต้องรักษามิติชุมชนลงไปในสถานการณ์นี้ และย้ำอย่างที่อาจารย์หมอ ว่ามานี้ไปด้วยเลยนะครับ
จะทำให้มีมุมมองในการแก้ปัญหาน้ำท่วมร่วมกันในชุมชนหนึ่งๆ ให้บรรลุประโยชน์ร่วมกัน
ได้กว้างขวางมากยิ่งๆขึ้น
ตอนนี้ในที่ต่างๆ ที่อยู่ตามแนวที่ลาดต่ำลง
ก็จะทำให้ชุมชนเพียงคนละฟากถนน แตกเป็นเสี่ยงๆไปกับสถานการณ์น้ำท่วม
ฟากที่มีถนนเป็นเขื่อนกั้น ก็อยากกองกระสอบทรายและสิ่งกีดขวางสมทบให้น้ำถูกกักไว้
ส่วนฟากที่อยู่เหนือน้ำ ที่โดนน้ำหนุนเอ่อ ก็อยากพังถนนและกระสอบทรายลงไป
กลายเป็นทุกข์จากสิ่งเดียวกันแต่จุดยืนขัดกันอยู่ในตัวเอง
กลายเป็นคนละขั้ว และคนละพวกไปเลย
เรียนท่านอาจารย์
สวัสดีครับคุณมนัสดาครับ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่ไปให้กำลังใจกันยามน้ำท่วมบ้าน
สิ่งที่อาจารย์และหลายๆสถาบันการศึกษาจะเข้าไปอำนวยให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม ใช้วิถีชุมชนเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนและดำเนินงาน มีการทำอย่างมีหลักวิชาการเช่นนี้จะช่วยสังคมได้อย่างยิ่ง ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จค่ะ
วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้คงเป็นตัวกระตุ้นให้ภาครัฐ หน่วยงานของรัฐ และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ชุมชนให้หันมาเห็นความสำคัญของการempower ชุมชนนะคะ ช่วงน้ำท่วมได้เห็นตัวอย่างดีๆหลายแห่ง การศึกษาอย่างเป็นระบบ มีกระบวนการทางวิชาการรองรับอย่างนี้ คงได้ผลที่เข้มแข็ง เป็นแนวคิด วิธีการให้ที่อื่นๆด้วย อย่างเช่น อยุธยา ที่น้ำหลากมาทุกปี หนัก เบาไม่เท่ากัน สถาบันการศึกษาควรจะมีส่วนช่วยทางปัญญาได้มากกว่านี้ ตอนนี้ในเกาะเมืองมีปัญหาเรื่องขยะเน่าเหม็นมากมาย แม่น้ำป่าสักที่ผ่านบ้านน้ำก็เริ่มค่อยๆลดระดับลง ยิ่งเห็นขยะลอยตามน้ำมาถี่ๆ เรื่องอย่างนี้ต้องมีการคิดกันด้วยนะคะว่าจะจัดการกันอย่างไรดี
สวัสดีครับดร.ยุวนุชครับ
การ Empower ชุมชน และการขับเคลื่อนชุมชนให้สามารถพัฒนาองค์กรจัดการตนเอง
เพื่อบรรลุความจำเป็นในเงื่อนไขใหม่ๆที่ในอดีตอาจจะไม่เคยมีนั้น
น่าจะส่งเสริมให้เกิดขึ้นมากๆนะครับ และทั้งหมดที่ริเริ่มได้
ก็ควรมีด้านที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ และมีการจัดการความรู้
เพื่อทำให้การทำสิ่งต่างๆ เป็นโอกาสได้สั่งสมภูมิปัญญา
ผสมผสานกันทั้งของใหม่และเก่าไปด้วย