ครูเพชร
ครู เพชราภรณ์ เพชร ดวงขันธ์

เด็กไทยติดเกม เพราะอ่านอังกฤษไม่ออก จริงหรือ


คลิกลองดู

งานวิจัย ของมูลนิธิเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาทักษะการพูด อ่าน ฟัง เขียน ภาษาอังกฤษในหมู่คนไทย ได้พบว่าประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง มีปัญหาเด็กติดเกมมากที่สุด เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น และไทย ขณะที่มาเลย์เซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ เด็กติดเกมมีต่ำกว่า 10%

ทั้งนี้ เพราะจำนวนหน้าของเว็บไซต์มากกว่า 50% เป็นเว็บภาษาอังกฤษ และผู้ใช้ภาษาอังกฤษบนอินเตอร์เน็ตมีมากกว่า 366 ล้านคน (32%) ของผู้ใช้เน็ตทั่วโลก ซึ่งมากกว่าภาษาอื่นๆ (www.internetworldstats.com)

ฉะนั้น ถ้าเราหาวิธีส่งเสริมให้เยาวชนไทย อ่านภาษาอังกฤษได้คล่องด้วยความเข้าใจ โอกาสจะมีมากขึ้นที่เยาวชนไทยจะใช้อินเตอร์เน็ตหาความรู้ แทนการเล่นเ้กมออนไลน์ แชท หรือใช้เป็นแหล่งบันเทิง แหล่งซ่องสุมอบายมุข และกิจกรรม หรรษาอื่นๆ ในการเรียนรู้ประสบการณ์ จากต่างประเทศ มูลนิธิฯ ศึกษาว่า ประเทศ ที่เจริญแล้วอย่าง อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออก เขียนภาษาอังกฤษไม่ได้อย่างไร เพราะ ที่ผ่านมามี คนอเมริกันมากถึง 40 ล้านคน ก็ยังมีปัญหา ในการอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ ตามเกณฑ์ตามที่รัฐ กำหนด ผลทำให้รัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ต้องตั้งคณะกรรมการวิจัยการอ่านระดับชาติ (National Reading Research Panel) มาทำวิจัย ถึงสาเหตุของความล้มเหลว ของระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยได้วิเคราะห์ วิจัย วิธีการสอน ในอดีตย้อนกลับไปประมาณ 30 ปี เพื่อหาวิธีใหม่ที่สอนอ่านได้ผลและไม่เปลืองงบประมาณรัฐ

ทำไมจึงอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ?

ผลงานวิจัยนี้สรุปว่า ปัญหาการอ่าน เขียน ภาษาอังกฤษไม่ได้ตามเกณฑ์ เป็นเพราะวิธีการสอนภาษาอังกฤษ ที่เน้นสอนอ่านเป็นคำ ที่เรียกว่า whole language ซึ่งได้ใช้มาเกือบ 100 ปีแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะเน้นการสอนอ่าน ด้วยความจำประกอบรูปภาพ ทำให้เด็กมีปัญหาในการอ่านคำใหม่ๆ ที่ครูไม่เคยสอน เช่น อ่านไม่ออก ไม่ชัด ไม่ถูกต้อง จึงต้องใช้ศาสตร์แห่งการเดาสุ่ม (guesswork) มาช่วยเมื่อต้องอ่านบทอ่านใหม่ๆ ที่ครูไม่ได้สอนมาก่อน

งานวิจัยด้านการอ่าน สรุปด้วยว่า วิธีที่ได้ผลที่สุดที่จะให้ผู้เรียนอ่านภาษาอังกฤษอย่างชัดถ้อยชัดคำ ด้วยความมั่นใจ ต้องเริ่มจากการสอนให้ผู้เรียนรู้จัก แยกแยะหน่วยเสียงภาษาอังกฤษ หรือถอดรหัสเสียงทั้งหมด 42 เสียง ทั้งที่มีสระแค่ 5 ตัว และพยัญชนะ 26 ตัวก่อน ที่จะอ่านเป็นคำ และเมื่อเอาหน่วยเสียง มาเชื่อมกับ ตัวอักษร ผู้เรียนสามารถที่จะอ่านภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดายและชัดถ้อยชัดคำ ด้วยสำเนียงมาตรฐาน เหมือนเจ้าของภาษาต้นแบบ แม้ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศมาก่อน

ดังนั้น จึงมีการปัดฝุ่น เอาหลักสูตร โฟเนติคส์ (Phonetics) ในประเทศไทย เป็นวิชาที่ใช้สอนผู้ที่เรียนวิชา ภาษาศาสตร์ ระดับปริญญาตรี โท และเอก เพื่อมาประกอบอาชีพครูสอนภาษาอังกฤษ ให้มาเป็นหลักสูตร โฟนิคส์ (Phonics) ที่สามารถสอน เด็กระดับอนุบาลหรือก่อนอนุบาลได้ให้เข้าใจ

วิธีการสอนอ่านภาษาอังกฤษด้วยโฟนิคส์ที่ได้ผล มีหลายวิธี แต่พบว่าวิธีที่ได้ผลที่สุด คือสอนโฟนิคส์ที่ทำกันตรงๆ มีระบบเป็นลำดับตามขั้นตอน (explicit, systematic, sequential & direct instruction) เช่น สอนแยกเสียงพยัญชนะ ทีละเสียง สระทีละเสียง โดยเสียงสั้น และยาว ต้องแยกจากกัน ก่อนจะสอน การประสมคำ หรือการออกเสียงคำควบกล้ำ ไม่ใช่การสอนออกเสียงที่แทรกกับบทอ่านหรือบทสนทนา หรือ ไวยากรณ์ที่ทำกันในโรงเรียนไทยในปัจุบัน

ผลสรุปนี้ได้รับการยืนยันจากงานวิจัย ทางด้านการเรียนรู้ของสมอง (brain-based learning) ของมหาวิทยาลัยเยล ได้ทำการสแกนสมอง ของผู้เรียนภาษาอังกฤษ พบว่าหลักสูตรโฟนิคส์ที่เป็นระบบ ช่วยกระตุ้นเซลสมอง ทำให้มีการสร้างเส้นใยสมองใหม่ และทำให้เส้นใยสมองเดิมแตกตัว และเบ่งบานอย่างถาวร เนื่องจากมีเลือดไปสูบฉีดในสมอง ส่วนที่รับรู้ภาษามากขึ้น ทำให้เกิดเป็นสีแดงในภาพ ที่สแกนออกจากเครื่องสแกนสมอง MRI ต่างจากภาพสแกนสมองของเด็กที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีอื่น เช่น ถูกสอนให้ออกเสียง เมื่ออยู่ในระหว่างการสอนบทสนทนา หรือบทอ่าน ซึ่งภาพที่ได้จากการสแกนสมองไม่ได้ แสดงให้เห็นร่องรอยว่าสมองได้รับการกระตุ้นเลย

ผลสรุปคือ ผู้เรียนที่เรียนภาษาอังกฤษ ด้วยการเริ่มต้นจากการเรียนโฟนิคส์ ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะมีผลสัมฤทธิ์ทางด้านภาษาอังกฤษสูงกว่า ผู้ที่ถูกสอนด้วยวิธีอื่น มูลนิธิเล็งเห็นว่า วิธีการที่จะเผยแพร่การเรียนการสอน โฟนิคส์ให้แก่ครูสอนภาษาอังกฤษไทย และนักเรียนไทยให้ได้มาตรฐานเดียว และเร็วที่สุด และ ครอบคลุมผู้เรียนมากที่สุด ต้องใช้ไอซีทีมาช่วย จึงได้ทำวิจัยจุดแข็งจุดอ่านของโปรแกรมการเรียนโฟนิคส์ ออนไลน์ หรือระบบเครือข่ายมากกว่าสิบหลักสูตรในสหรัฐ และติดต่อขอความร่วมมือจากองค์กรในสหรัฐ ที่พร้อมให้บริการในประเทศไทยที่สุด มูลนิธิได้ลงนามสัญญาความร่วมมือกับองค์กรเอกชน HEC Readings จากสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมการสอนอินเท็นซีฟ โฟนิคส์ (intensive phonics) อัจฉริยะ ที่สอนเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งครู ผู้สอน ภาษาอังกฤษ ให้อ่านภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว และชัดถ้อยชัดคำ ด้วยสำเนียงมาตรฐาน ภายในเวลาไม่กี่เดือน โดยผู้เรียนสามารถฝึกได้ในบรรยากาศสบายๆ ที่บ้าน สำนักงาน หรือโรงเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัดเวลาใน 24 ชั่วโมง

คอลัมน์ Active Opinion

โดย ดร.อินทิรา ศรีประสิทธิ์ เลขาธิการมูลนิธิเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

อ้างอิง ที่มา : http://www.saijai.net/frontEnd/newsHtml.jsp?id=reading

หมายเลขบันทึก: 461630เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2011 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มาจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ในฐานะที่สอนวิชาภาษาอังกฤษคนหนึ่ง เห็นด้วยกับบทความนี้ครับ เพราะการสอนภาษาอังกฤษควรเน้นให้มีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และยังต้องมีกิจกรรมที่หลากหลายอีกด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท