โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)
โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) เทศบาลนครนคราชสีมา

10 ปัญหาคาใจเกี่ยวกับการนอน


พึงระลึกเสมอว่าของดีราคาถูกไม่มีและควรลงทุนกับเรื่องของสุขภาพให้มากๆ เพื่อที่เราจะได้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และให้การนอนเป็นการพักผ่อนที่มีความสุขอย่างแท้จริง

 

 

 

 

10 ปัญหาคาใจเกี่ยวกับการนอน

          การนอนมีความสำคัญอย่างไรและนอนท่าไหนดีที่สุด วันนี้เรามาดูกันนะคะ

 

1. ทำไมการนอนจึงสำคัญ
          การนอนทำให้กล้ามเนื้อและอวัยวะทุกส่วนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่  พร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป  เมื่อนอนน้อยอาจส่งผลให้ทำงานผิดพลาด  ทำงานได้น้อยลง  คุณภาพงานต่ำกว่าปกติ  และมีงานวิจัยในต่างประเทศ  พบว่า  คนที่นอนน้อยกว่า  4  ชม. หรือนอนมากกว่า 10  ชม.  ต่อคืน เป็นประจำ อาจมีอายุสั้นกว่าคนที่นอนหลับปกติ  คนที่นอนไม่เพียงพอนานๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด  โรคหลอดเลือดเมื่ออายุมากขึ้น  และการนอนระหว่าง 21. 00-22.00 น. จะได้ประโยชน์มากที่สุด  เพราะโกร๊ธ  ฮอร์โมน ( growth homone)  หลั่งออกมาอย่างเต็มที่ในช่วง 22.00-24.00  น.  ช่วยซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย  และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง  ต่อวัน


                                       
2. นอนหลับท่าไหนดีที่สุด
          การนอนมีความสัมพันธ์กับกระดูกสันหลัง เพราะหากนอนผิดท่า  เช่น  นอนงอตัวหรือนอนบิดตัว  ติดต่อกันหลายๆ ปี  อาจทำให้กระดูกสันหลังเลื่อนออกนอกแนวระนาบ  ผิดรูป  หรือคดงอได้  ท่านอน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นอนหลับสนิท ตื่นนอนอย่างสดชื่นและไม่ปวดเมื่อย

          - นอนหงาย ควรใช้หมอนหนุนหัวแบบต่ำเพื่อให้ต้นคออยู่แนวเดียวกับลำตัว ป้องกันการปวดคอจากนอนคอพับหรือนอนเงยคอมากเกินไป  แต่ท่านี้ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะกดทับปอดทำให้หายใจไม่สะดวก  หัวใจทำงานลำบากขึ้น การนอนหงาย  ยังอาจทำให้ผู้มีอาการปวดหลังมีอาการรุนแรงขึ้นด้วย

          - นอนตะแคง  การนอนตะแคงขวาช่วยให้หัวใจทำงานสะดวก  และอาหารที่ค้างในกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี  ช่วยลดอาการปวดหลังได้ทางหนึ่ง  แต่การนอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เสียดลิ้นปี่ เพราะอาหารย่อยไม่หมดและค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร  หญิงตั้งครรภ์ควรนอนตะแคงเพื่อไม่ให้มดลูกไปกดทับกระดูกสันหลังและเส้นเลือด แดงใหญ่กลางลำตัว

          - นอนคว่ำหน้า  อาจทำให้หายใจติดขัดและปวดต้นคอ  เพราะคอแอ่นมาทางด้านหลังหรือบิดไปด้านใดด้านหนึ่งเป็นเวลานานๆ ถ้าต้องนอนคว่ำหน้าควรใช้หมอนรองใต้หน้าอกเพื่อไม่ให้ปวดเมื่อยต้นคอ

 

3. เลือกซื้อที่นอนอย่างไรดี
          ที่นอนควรมีขนาดกลางๆ ไม่นิ่ม  หรือแน่นเกินไป (แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างที่นอนนิ่ม กับที่นอนแน่น ควรเลือกที่นอนแน่น เพราะที่นอนนิ่มจะทำให้ปวดหลังได้มากกว่า)  แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสรีระของแต่ละบุคคล ถ้าคุณลองนอนดูแล้วไม่เกิดอาการปวดหลังก็ถือว่าใช้ได้  และควรเลือกที่นอนที่ยาวกว่าความสูงของตัวเองอย่างน้อย 15  ซม. และพิจารณาสิ่งสำคัญต่อไปนี้ด้วย

          - ความแน่นของที่นอน (Firmmess)  ขึ้นอยู่กับความชอบและรูปร่างของผู้นอน  เช่น  คนที่รูปร่างใหญ่  จะเหมาะกับที่นอนแน่นเป็นพิเศษ

          - ชั้นโอบรับ (Conformity)  คือมีส่วนที่สัมผัสและโอบรับกับร่างกายอย่างเหมาะสม  เข้ากับส่วนโค้งเว้าได้ดี จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและนอนหลับสบายขึ้น

          - ความแข็งของที่นอน (Edge Support)  คือ ความสามารถในการรับน้ำหนัก โดยเฉพาะช่วงขอบของที่นอน ป้องกันการยุบตัว  และไม่เกิดการลื่นไหลเวลานั่งขณะขึ้นหรือลงจากที่นอน

          เมื่อใช้ที่นอนนานเกิน  6  เดือน  ควรกลับที่นอนอีกด้านหนึ่งขึ้นมาใช้ เพื่อไม่ให้ที่นอนถูกใช้งานเพียงด้านเดียว เพราะทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพเร็ว และควรกลับด้านหัวนอนและปลายเท้าสลับกันด้วย  เพื่อใช้งานอย่างทั่วถึงทั้งสี่ด้าน

 

4. หมอนแบบไหนดีที่สุด
          การหนุนหมอนที่ไม่มีคุณภาพนานๆ อาจทำให้กระดูกต้นคอ  กดทับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง  หรือเกิดเป็นลิ่มเลือดอุดตัน  หากลิ่มเลือดขึ้นสมองอาจกลายเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้  คุณจึงควรสังเกตอยู่เสมอว่ามีอาการปวดช่วงต้นคอหลังจากตื่นนอนด้วยหรือไม่  หมอนที่ดีควรนอนแล้วรับกับกระดูกต้นคอได้พอดี  เสมอเป็นระนาบเดียวกับลำตัว  นอนแล้วคอไม่แหงนหรือพับ  วัสดุที่ใช้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

          - ใยสังเคราะห์  มีทั้งแบบนุ่มฟูและแน่นขึ้นอยู่กับความชอบ ข้อดีคือมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามรูปศีรษะ คืนรูปและระบายอากาศได้ดี  ข้อจำกัด  คือ  เสื่อมสภาพเร็ว  อายุใช้งานไม่คงทน

          - โฟมลาเทกซ์  แข็งและแน่นมากกว่าหมอนประเภทอื่นๆ ข้อดีคือ  คงทน อายุการใช้งานนาน ข้อจำกัดคือ การระบายอากาศไม่ดี  หากเลือกขนาดไม่เหมาะกับศีรษะอาจนอนแล้วปวดคอได้

          - ยางพารา  มีทั้งแบบแข็งและแบบนิ่ม  ข้อดีคือ  คงทน  อายุการใช้งานนาน  ข้อจำกัดคือ  การระบายอากาศไม่ดี

          - ขนเป็ด  มีความนุ่มฟูเป็นพิเศษ  เหมาะกับผู้ที่ชอบหมอนนุ่มมากๆ  มีข้อจำกัด  เรื่องการทำความสะอาด (ซักไม่ได้)  และราคาค่อนข้างสูง

          - นุ่น  เป็นวัสดุที่ดีในการทำเครื่องนอน  เพราะสามารถปรับให้รับกับสรีระของผู้นอนได้  และราคาไม่แพง  แต่มีข้อจำกัด คือ การทำความสะอาดยากและอาจมีเศษนุ่นหลุดเป็นละออง  ออกมาจึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้

 

5. เราจำเป็นต้องมีหมอนหนุนของตนเองหรือเปล่า
          ควร เพราะสรีระแต่ละคนแตกต่างกัน  ขนาดของหมอนที่เหมาะกับแต่ละคนจึงต่างกันไปด้วย การเลือกหมอนต้องดูความเหมาะสมกับร่างกาย  เช่น  ผู้ที่รูปร่างใหญ่  หรือนอนกรน  ควรใช้หมอนที่สูง  เพื่อให้คออยู่ระนาบเดียวกับลำตัวพอดี  ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด  และลดการนอนกรน  หากเป็นคนตัวเล็กอาจหนุนหมอนต่ำลงมาหน่อยเพื่อรักษาแนวระนาบของลำตัว
 
          สำหรับรูปทรงของหมอนขึ้นอยู่กับท่านอนของแต่ละคน ควรเลือกหมอนที่มีขนาดใหญ่พอสมควร และมีส่วนกว้างออกมาถึงช่วงไหล่  เวลาพลิกตัวจะได้ไม่ตกหมอน  หมอนที่มีส่วนเว้าโค้ง  ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกับต้นคอ  จะเหมาะกับท่านอนหงาย หากนำมาใช้นอนตะแคงอาจปวดต้นคอ  และลองนอนหนุนหมอนทุกครั้งก่อนซื้อ เพื่อทดสอบความพอดีกับต้นคอ ความสูง ความนิ่ม ว่าเหมาะสมกับตัวเองมากน้อยเพียงใด นอก จากนี้ ยังมีหมอนเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบอื่นๆ  เช่น หมอนรองเอว หมอนรองขา หมอนรองคอ หมอนข้าง ผู้ที่มีปัญหาเวลานอนแล้วปวดขา ปวดเอว อาจซื้อหมอนประเภทนี้มารองเพื่อให้รู้สึกนอนสบายยิ่งขึ้นก็ได้

 

6. หมอนสุขภาพจำเป็นไหม

          หมอนสุขภาพมีการผลิตจากวัสดุหลายประเภท เช่น โฟมลาเทกซ์ หรือยางพารา ฯลฯ ซึ่งอาจผลิตให้โค้งเว้าเพื่อรองรับกระดูกต้นคอให้ได้ระนาบเวลานอนมากขึ้น  ซึ่งมีข้อดีคือรองรับต้นคอได้พอดีเมื่อนอนหงาย  แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบนอนตะแคงเพราะจะคอเอียงและปวดคอได้

          ส่วนหมอนที่ผลิตจากเปลือกไม้หรือเปลือกเมล็ดพืช เป็นหมอนที่ผลิตเพื่อรองรับและให้เข้ารูปกับศีรษะและต้นคอของผู้นอนแต่ละคน  ซึ่งหลายคนที่เคยทดลองใช้ให้ความเห็นว่านอนหลับสบายขึ้น  แต่มีข้อจำกัดคือราคาแพง  และต้องผึ่งแดดบ่อยๆ  เพื่อป้องกันความชื้นและแมลง

 

7. จะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยนเครื่องนอนชุดใหม่แล้ว
          อายุของที่นอน/หมอนไม่ควรเกิน 15 ปี  ถ้าเกินกว่านี้ก็ต้องสังเกตว่าคุณปวดหลัง  ปวดตัว  ทุกครั้งที่ตื่นนอน  หรือที่นอนยุบลงไปเป็นแอ่งหรือเปล่า  ทั้งที่คุณกลับด้านหน้า  ด้านหลังมาใช้แล้ว  ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณควรเปลี่ยนที่นอนหลังใหม่  เช่นเดียวกับหมอน  ถ้านอนแล้วไม่รู้สึกสบายรู้สึกปวดคอ  ก็ควรเปลี่ยนได้แล้วค่ะ

 

8. การนอนกับพื้นดีกว่านอนบนที่นอนจริงไหม
          การนอนกับพื้นแข็งมากๆ ทำให้เกิดการกดทับเป็นเวลานาน  ระบบเลือดไหลเวียนลำบาก  ทำให้เมื่อย  และอาจเกิดอาการชาได้  การนอนพื้นจึงควรปูที่นอนบุนวมนิดหน่อย  เพื่อกระจายแรงกดทับของหลังกับพื้นโดยตรง  แต่ทั้งนี้การนอนพื้นก็ไม่มีผลกระทบร้ายแรงแต่อย่างใด  ถ้าคุณนอนแล้วไม่เกิดอาการปวด  หรือเมื่อยหลังก็สามารถนอนได้ค่ะ

 

9.  เครื่องนอนเคลือบสารป้องกันไรฝุ่นเชื่อได้แค่ไหน
          ไรฝุ่น (dust  mite)  เป็นสัตว์ประเภท "แมง"  กินเศษผิวหนังและรังแคเป็นอาหาร  ไรฝุ่นจึงพบมากที่สุดในห้องนอน  และเครื่องนอนต่างๆ  10% ของน้ำหนักหมอนที่เราใช้นาน  2 ปีขึ้นไป  มาจากตัวไรฝุ่นและอึของมัน  เช่นเดียวกับที่นอนที่ใช้นาน 6 เดือนก็อาจมีไรฝุ่นมากพอที่ทำให้คนเป็นภูมิแพ้เกิดอาการได้

          ที่นอนที่ทำจากใยสังเคราะห์  ฟองน้ำ  ใยมะพร้าว  หรือยางพารา เมื่อใช้ไประยะหนึ่งก็เกิดไรฝุ่นได้  ที่นอนที่ไม่มีไรฝุ่น คือ ที่นอนน้ำ (water bed)  ส่วนหมอน ควรเลี่ยงชนิดที่ทำจากขนสัตว์  ฟองน้ำ  นุ่น  แต่ถ้าต้องการใช้ควรหุ้มด้วยผ้ากันไรฝุ่นอีกชั้นก่อนใส่ปลอกหมอนธรรมดา

          เครื่องนอนเคลือบสารกันไรฝุ่นอาจช่วยป้องกันคุณให้ปลอดภัยจากไรฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง สังเกตได้จากคำว่า Microban  Allergy  Control  หรือ Scot guard ควรเลือกปลอกหมอน  ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น  ที่ทำจากผ้าเนื้อแน่น  ทอละเอียด  ปูทับก่อนปูผ้า  หรือปลอกหมอนธรรมดา  หากเป็นผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ควรซักผ้าด้วยน้ำอุ่น เพื่อฆ่าไรฝุ่นด้วย แต่ถ้าไม่ได้ใช้ผ้าปูที่นอน หรือปลอกหมอนกันไรฝุ่น  ควรทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำทุกเดือน  ซักผ้าด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส  ทุก 1-2 สัปดาห์

 

10.  เราควรเลือกปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนอย่างไร
          ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเป็นส่วนที่สัมผัสกับร่างกายโดยตรง  เนื้อผ้าที่ใช้ควรเป็นผ้านิ่ม  เพราะผ้าที่แข็งเกินไปอาจทำให้เกิดรอยยับ  หากรอยยับนั้นมากดบนผิวหน้าหรือร่างกายบ่อยครั้งอาจเกิดปัญหาตามมาได้  การเลือกจึงควรเลือกผ้าที่จับแล้วสบายมือพอสมควร  ไม่หลุดเป็นขุย  เนื้อผ้าที่นิยมใช้ทำเครื่องนอนได้แก่ ผ้า Cotton  หรือผ้าฝ้าย  ควรเลือกที่เป็น cotton 100%  เพราะเนื้อผ้าจะนิ่ม  ไม่ระคายผิว  ผ้า Cotton satin เป็นผ้าที่ผสมระหว่างผ้าฝ้ายและผ้าไหม เนื้อผ้าจึงนิ่มและลื่นกว่าผ้า Cotton ซึ่งราคาก็สูงกว่าตามไปด้วย

          พึงระลึกเสมอว่าของดีราคาถูกไม่มีและควรลงทุนกับเรื่องของสุขภาพให้มากๆ เพื่อที่เราจะได้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และให้การนอนเป็นการพักผ่อนที่มีความสุขอย่างแท้จริง

                                    

 

     P

      ครูสุภาภรณ์
     ครูสุภาภรณ์ พลเจริญชัย
     โรงเรียนเทศบาล4(เพาะชำ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  http://guru.sanook.com/pedia/topic/10_ปัญหาคาใจเกี่ยวกับการนอน/ 

หมายเลขบันทึก: 460488เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2011 21:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท