จดหมายจาก "มหาวิทยาลัย" เขียนกลับไปถึง "พ่อแม่" ... (บทกวีอารมณ์อุดมการณ์)


 

จดหมายจาก "มหาวิทยาลัย" เขียนกลับไปถึง "พ่อแม่"

 

 

...

ผมเดินทาง ร่ำเรียนถึง มหา'ลัย
นั่งรถไฟ ชั้นสาม ตามใจฝัน
จากกรุงเทพฯ ถึงพิด'โลก แอบโศกพลัน
ค้นความฝัน หาความหมาย ให้พบพาน

ตั้งแต่เกิด มาจน ณ วันนี้
ไม่เคยมี วันไหน ที่จากบ้าน
นับจากนี้ อีกสี่ปี ที่แสนนาน
กว่าจะจบ แล้วกลับบ้าน เกินกาลรอ

...

อยู่พิด'โลก ก็พักอยู่ ที่หอชาย
ปีหนึ่งไซร้ กลับบ้าน ไม่กี่หน
ใช้ชีวิต อยู่ด้วย ความอดทน
เราคือคน ที่พ่อแม่ หวังในตัว

ทำอะไร ทุกอย่าง ต้องคิดเยอะ
ไม่ใช่เปรอะ ปล่อยปละ ทำสิ่งชั่ว
ให้ชีวิต เดินทางธรรม ไม่หมองมัว
ละกรรมชั่ว สร้างกรรมดี หน้าที่คน

...

เขียนจดหมาย ฉบับหนึ่ง คิดถึงมาก
พ่อกับแม่ จะอยู่ยาก สักแค่ไหน
ลูกมาเรียน ทางนี้ สุดแสนไกล
แต่หัวใจ ของลูก ยังผูกพัน

ลูกจะไม่ ประมาท กับชีวิต
ลูกจะใช้ ความคิด พิชิตฝัน
ความสำเร็จ ของลูก คือรางวัล
ที่พ่อแม่ รอวันนั้น วันชื่นใจ

...

ลูกจะใช้ ชีวิต ให้คุ้มค่า
เรื่องเหล้ายา ปลาปิ้ง ลูกไม่สน
เรียนให้สม กับคำว่า ปัญญาชน
ความเป็นคน วางไว้ ในใจพอ

ด้วยปณิธาน อุดมการณ์ ที่หาญกล้า
ด้วยศรัทธา ด้วยหน้าที่ ไม่ต้องขอ
ด้วยความรัก ด้วยห่วงใย ไม่ต้องรอ
ลูกจะขอ ทำดีสุด พิสูจน์ตน

...

 

 

 

มหาวิทยาลัยแห่งเวียงบัว

ณ เชียงใหม่

๙ กันยายน ๒๕๕๔

๑๙.๑๒ น.

 

 

......................................................................................................................................................................

อารมณ์อุดมการณ์ ...

 

แรงบันดาลใจการเขียนจากบันทึก จดหมายถึงแม่ : เพราะชีวิตไม่โตเกินกว่าจะบอกรักแม่ ของคุณ แผ่นดิน ;)...

 

ลองจินตนาการภาพกลับไปยังอดีต เมื่อครั้งเรียนหนังสืออยู่พิด'โลก

นั่งรถไฟชั้นสามมาเพื่อรับน้องจากกรุงเทพฯ ถึง พิด'โลก ตั้งแต่เย็นย่ำถึงเช้ามืด

คำในเพลงที่จดจำมาตั้งแต่ก่อนเรียนมหาวิทยาลัย คือ

"มหาวิทยาลัยไม่ใช่สรวงสรรค์
พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่เทวดา
เขาพากเพียรเล่าเรียนวิชา
และถูกเรียกว่าเหล่าปัญญาชน"

หรือ

บทกลอนนี้ "เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน" ที่แต่งโดย "วิทยากร เชียงกูล"

 

ดอกหาง นกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่ เต็มฟาก สวรรค์
คนเดิน ผ่านไป มากัน
เขาด้น ดั้นหา สิ่งใด

ปัญญา มีขาย ที่นี่หรือ
จะแย่ง ซื้อได้ ที่ไหน
อย่างที่โก้ หรูหรา ราคา เท่าใด
จะให้พ่อ ขายนา มาแลกเอา

ฉันมา ฉันเห็น ฉันแพ้
ยินแต่ เสียงด่า ว่าโง่เง่า
เพลงที่นี่ ไม่หวาน เหมือนบ้านเรา
ใครไม่เข้า ถึงพอ เขาเยาะเย้ย
 
นี่จะให้ อะไร กันบ้างไหม
มหาวิทยาลัย ใหญ่ โตเหวย
แม้นท่าน มิอาจให้ อะไรเลย
วานนิ่งเฉย อย่าบ่น อย่าโวยวาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว

มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง
ปล่อยฉัน อ้างว้าง ขับเคี่ยว
เดินหา ซื้อปัญญา จนหน้าเซียว
เทียวมา เทียวไป ไม่รู้วัน

ดอกหางนกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่ เต็มฟาก สวรรค์
เกินพอ ให้เจ้า แบ่งปัน
จงเก็บกัน อย่าเดิน ผ่านเลยไป

 

ไม่อยากได้กระดาษแค่แผ่นเดียว แต่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายให้ได้มากที่สุดเมื่อเราได้มีโอกาสเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย

มีคนบอกว่า การเรียนในมหาวิทยาลัย คือ สถานการณ์จำลองของการชีวิตในสังคมในภายภาคหน้าเมื่อเราเรียนจบออกไป

ดังนั้น การเรียนอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบของชีวิต

การเลือกทำกิจกรรมจึงเป็นสิ่งที่ควบคู่กับการเรียนไปด้วย

 

เกียรตินิยมไม่ได้บ่งบอกว่า คน ๆ นั้นเป็นคนดีที่ไหนกันเล่า

เกียรตินิยมไม่ได้บ่งบอกว่า หัวใจของคน ๆ นั้นสูงส่งตามใบปริญญาที่เขาได้รับ

 

เรียนเก่ง แต่เลว มีให้เห็นเยอะขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

อุดมการณ์ไม่ได้ทำให้ร่ำรวยขึ้น แต่ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองยังเหลือคุณค่าความเป็นคนอยู่บ้าง ... ก็เท่านั้น

 

คิดได้แค่นี้แหละครับ

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)

 

......................................................................................................................................................................

 

หมายเลขบันทึก: 459520เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2011 19:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 13:11 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

"อยู่ พัดลุง มุ่งหน้ามาเมืองหลวง

หวังรุ่งเรืองเรียนรู้สู่ความหมาย

ใจเต็มร้อยตั้งความหวังไว้มากมาย

แต่สุดท้ายพ่อต้องขายความส่งวัวเรียน

...

อยู่พัดลุง มุ่งหน้า มาเมืองหลวง

หวังรุ่งเรือง เรียนรู้ สู่ความหมาย

ใจเต็มร้อย ตั้งความหวัง ไว้มากมาย

แต่สุดท้าย พ่อต้องขายควาย ส่งวัวเรียน

...

ไม่ได้ครับ ไม่ได้ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า พิมพ์ผิดครับ ;)...

ถูกต้องแล้วนะครับ 555

ขอบคุณมากครับ

เริ่มต้นดี  แต่จบเศร้านะ

ดิฉันเพิ่งทราบว่าบทกลอนอันน่าประทับใจของ อ.วิทยากร เชียงกูลนี้ชื่อว่า "เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน"

อ่านทีไรก็เศร้า และบาดลึกทีนั้น

 

ขอบคุณครับ พี่ nui ;)...

"เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน" ของ "รศ.วิทยากร เชียงกูล"

ยังคงเป็นอมตะจนถึงเดี๋ยวนี้เลยครับ ฟังอย่างไร ใช่อย่างนั้น ;)...

ฮืมม์...คิดอยู่นาน ว่าจะ comment อย่างไรดี

อ่านบางส่วนของกลอน ก็เหมือนเข้าตัวเอง 555

ณ ตอนนี้

ฉันไม่เยาว์ ฉันไม่เขลา ฉันไม่ทึ่ง

แต่ฉันอึ้ง ยังไม่ รู้ความหมาย

ได้จาก G2K มามากมาย

แต่สุดท้าย...(ยังคิดไม่ออก ฝากไว้ก่อนคะ :-)

...

คุณหมอบางเวลาแก่...จึงไม่เยาว์
คุณหมอบางเวลาเก่ง...จึงไม่เขลา
คุณหมอบางเวลากึ่ง...จึงไม่ทึ่ง
คุณหมอบางเวลาอึ้ง...จึงรู้ความหมาย (แล้วแหละ)

...

ขอบคุณนะครับ ;)...

เมื่อคืนแวะมาฝากข้อความไว้แล้ว แต่ระบบล่ม เลยต้องวกมาอีกรอบครับ...

สมัยนี้ ดูเหมือนชีวิตในมหาวิทยาลัย หรือวัยวันของนิสิตนักศึกษา อาจมองว่าไม่จำลองแล้วนะครับ เพราะจริงๆ ทั้งนั้น มหาวิทยาลัยกับสังคมแนบสนิทกัน พบเจอและเห็นความเป็นจริงในมุมเดียวกันก็เยอะ...

ผมเคยเขียนกลอนสมัยเรียนไว้เหมือนกัน ได้แรงบันดาลใจในประวัติศาสตร์ที่คล้ายกัน เช่น

ฉันมาที่นี่ด้วยความหวัง
หัวใจเปี่ยมพลังการแสวงหา
มิใช่ เพียงเพื่อปริญญา
โอ้อวดใครๆ ว่าข้าคือปัญญาชน

...

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีค่ะIco48 โชคดีที่เป็นคนเรียนไม่เก่ง...จึงไม่อยู่ในข่ายความคิดของอาจารย์นะคะ...แต่เป็นคนที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงค่ะ...พัฒนาตนเองให้มีคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์...ในระดับเกณฑ์ความพึงพอใจและความภาคภูมิใจของตนเอง...เมื่อยืนตรง อย่าพะวงว่าเงาจะคด ยังใช้ได้เสมอ...

สมัยอยู่เฌองดอย บ่ค่อยได้หลบบ้าน

ก็อาศัยเขียนจม. หาป๋าอี๋ บ่อยๆ เน้อเจ้า  

ดังนั้น การเรียนอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบของชีวิต

การเลือกทำกิจกรรมจึงเป็นสิ่งที่ควบคู่กับการเรียนไปด้วย

 

เกียรตินิยมไม่ได้บ่งบอกว่า คน ๆ นั้นเป็นคนดีที่ไหนกันเล่า

เกียรตินิยมไม่ได้บ่งบอกว่า หัวใจของคน ๆ นั้นสูงส่งตามใบปริญญาที่เขาได้รับ

 

เรียนเก่ง แต่เลว มีให้เห็นเยอะขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ตรงใจแม่คนนี้เป๊ะเลย

แม้ว่าจะรู้สึกดีใจที่หากลูกได้เกียรตินิยม (ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก)

แต่สิ่งที่แม่รู้สึกยิ่งกว่าคือ ข้อความทั้งหมดที่คัดลอกอาจารย์มา  ๕๕๕๕๕

 

บอกลูกชายเสมอว่า เมื่อจัดสรรเวลาได้แล้ว หมดกิจกรรมรับน้องแล้ว  อยากให้เลือกลงกิจกรรมชมรมต่างๆ ที่มีอยู่มากมายใน มอ. เพื่อลูกจะได้เรียนรู้การอยู่ในสังคม ได้มีเพื่อนมากมาย 

แต่ตอนนี้ลูกบอกว่า ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่มีเวลาว่างแล้วแม่..............งานเยอะมากกกกก  เฮ้อ

ความแนบสนิท เป็นเรื่องที่น่าคิดต่อครับ คุณ แผ่นดิน ;)...

สถานที่ต่างกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน น่าจะทำให้ความแนบสนิทต่างกันด้วยนะครับ

มีความพยายาม ทำให้แนบสนิท แต่ยังไม่สนิทมากนักครับ ที่มหาวิทยาลัยผมนะ

อยากให้เด็กรู้สึกเช่นกัน ดั่งเช่นโครงการต่าง ๆ ของคุณ แผ่นดิน นะครับ

ความแนบสนิทจะมาอย่างไม่รู้ตัวเลยล่ะ

ขอบคุณมากครับ ;)...

ผมคงเป็นเช่น อาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา เหมือนกันครับ

มีแต่ความมุ่งมั่น ... เพราะเรียนไม่เก่งเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้มองภาพลบมากหรอกนะครับ การเติบโตในหน้าที่การงานที่อยู่มหาวิทยาลัยมาตลอด มันเห็นบุคคลเช่นกันเยอะครับ

การศึกษาคือการพัฒนาคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ... คือความงอกงามที่สุดที่พึงเห็นครับ

ขอบคุณครับ ;)...

คุณ Poo มือทองในการเขียนจดหมายอยู่แล้วครับ ;)...

ขอบคุณมากครับ

ส่งกำลังใจไปให้คุณแม่ กระติก นะครับ ;)...

ถือเป็นการพัฒนาคุณค่าความเป็นมนุษย์ ก่อนออกไปเผชิญหน้ากับสังคมจริงครับ

ขอบคุณครับ ;)...

แค่กระดาษแผ่นเดียว...เดี๋ยวขอไปอาบน้ำก่อน แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ...^_^

มีงี้ด้วย ... นางฟ้า ชาดา ของผม 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท