"เสียงสะท้อนจากเรื่องเล่า : นายอนันต์ หูมแพง..อดีตคนไร้สัญชาติ"


ท่านนายอำเภอก็เอ่ยออกมาว่าถ้าท่านอนุมัติคำร้องให้แล้วจะสัญญาได้ไหมว่าจะเป็นคนดีให้บ้านเมือง ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำมาหากินเหมือนคนดี ๆ เขาทำกัน ผมและพี่ ๆ ตอบทันทีเลยว่า ครับ ผมสัญญา

ตลอดปี 2548 เป็น 1 ปี แห่งการต่อสู้การดิ้นรนที่เต็มไปด้วยการรอคอย ทุกวัน ทุกครั้งที่ตื่นนอนขึ้นมาต้องคิดตลอดว่าต้องทำอะไร ติดต่อขอความช่วยเหลือจากใคร หน่วยงานไหนได้บ้าง ในแนวทางการต่อสู้กับกฎหมายสัญชาติ  

ปลายปี 2548 ประมาณเดือนสิงหาคม กันยายน ทางอำเภอเรียกให้พวกผม เอาพยาน-หลักฐานเข้าไปให้ปลัดอำเภอสอบสวนอีกหลาย ๆ ครั้ง เรียกพยานเก่าบ้าง ใหม่บ้าง บางครั้งเรียกพยานคนเก่าซ้ำ 2-3 ครั้ง ในเดือนนั้น ๆ และรียกสอบผากคำสารวัตรกำนัน อ.บ.ต. เรียกสอบในตอนที่เข้าประชุมประจำเดือนโดยไม่ได้นัดหมายมาก่อน บางท่านก็รับรองให้ บางท่านก็บอกไม่รู้ไม่เห็นเพราะเป็นคนนอกพื้นที่ พื้นเพมาจากที่อื่น  

เดือนตุลาคม ทางอำเภอออกมาหาข้อมูลเอง 2-3 ครั้ง โดยท่านนายอำเภอสั่งให้หาข้อมูล-หาพยาน ในปี 2548 ผมต้องไป-กลับ นนทบุรี-นครพนมไม่รู้กี่ครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แล้วไหนจะต้องเสี่ยงกับการตรวจค้นบัตรประชาชนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก แต่ผมก็ต้องยอม แล้วความหวังผมก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น  

ต้นปี 2549 เดือน มกราคม ทางอำเภอได้เรียกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้นำพวกผมเข้าไปพบนายอำเภอในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พอถึงวันนัดก็พากันเข้าไปและได้พบกับนายอำเภอ ท่านก็นั่งอ่าน ประวัติความเป็นมา ดูหลักฐานการสอบสวนของปลัด แล้วก็หันมาถามประวัติ พ่อ-แม่ และของผมและพี่ ๆ พร้อมกับถามผู้ใหญ่-กำนันด้วย แล้วท่านก็นิ่งเงียบไป จู่ ๆ ท่านนายอำเภอก็เอ่ยออกมาว่าถ้าท่านอนุมัติคำร้องให้แล้วจะสัญญาได้ไหมว่าจะเป็นคนดีให้บ้านเมือง ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำมาหากินเหมือนคนดี ๆ เขาทำกัน ผมและพี่ ๆ ตอบทันทีเลยว่า ครับ ผมสัญญา ท่านก็คุยอะไรอีกนิดหน่อยแล้วก็เซ็นหนังสือรับรองคำร้องให้ แล้วเรียกท่านปลัดเข้ามารับไปดำเนินการต่อไป และแล้วสิ่งที่ผมและพี่ๆ รอคอยมาทั้งชีวิตก็เป็นผลสมหวังได้ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549 ผมได้สัญชาติไทย เป็นคนไทย มีสิทธิตามกฎหมายถูกต้อง อนุมัติโดยท่านนายอำเภอ พิฒาญ ผมจะจำชื่อนี้ไปจนตาย           

การต่อสู้ของผมจบลงเพราะท่าน และจบตอนผมอายุ 30 ปี เป็น 30 ปี แห่งการรอคอย เป็น 30 ปีแห่งการทนทุกข์ทรมาน จากการดูถูกดูแคลนจากคนอื่น  จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตผม ทำให้ผมสำนึกบุญคุณหลาย ๆ ท่านไม่ว่าจะเป็นท่านกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ทุก ๆ ท่าน ครูอาจารย์ และบางครั้งก็มีเจ้าหน้าที่ทางกรมการปกครองที่ให้คำแนะนำหลายๆ ครั้ง องค์กรอิสระหลายหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย และสุดท้ายที่ลืมไม่ได้ คือ ท่านอาจารย์พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร พร้อมลูกศิษย์และทีมงานของท่านอาจารย์ แห่งมหาวิทยาลับธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ที่ให้ความเมตตา สงสาร คนที่ไร้สัญชาติอย่างผมเคยเป็นมาก่อน ท่านให้คำปรึกษา แนะแนวทาง ให้กำลังใจมาตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ทั้งที่พวกผมไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาก่อน พอรู้ว่าว่าผมเป็นยังไง ดูท่านเป็นห่วงเป็นใยและทุกข์ร้อนแทนกันเสมอมา ถ้าไม่มีท่านผมไม่รู้จะประสบผลสำเร็จหรือเปล่า ผมยังไม่รู้เลย          

สุดท้ายนี้ผมไม่รู้จะสรรหาคำได้มาเขียนขอบคุณท่านทั้งหลาย ผมขอให้ทุก ๆ ท่านที่ให้ความช่วยเหลือผมมาตลอด ขอให้มีความสุข ความเจริญทั้งหน้าที่การงาน ทั้งชีวิตครอบครัวของท่าน ขอให้มีความสุขทุก ๆ ท่าน รวมไปถึงคนในครอบครัวของท่านด้วยและขอให้ท่านอาจารย์พร้อมศิษย์ท่านรับรู้ว่า ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ท่านกระทำมานี้ มันยิ่งกว่าสิ่งไหน ๆ เปรียบได้กับการให้ชีวิตคนอื่น ให้แสงสว่างนำทางชีวิตให้กับคนอื่น ทั้งที่ท่านไม่เคยได้ผลตอบแทนใด ๆ เลย ผมจำคำอาจารย์ได้คำหนึ่งคือคำว่า มันคือบุญ เปรียบกับการทำบุญ ผมจำคำนี้ของท่านมาตลอด ผมและพี่ ๆ ขอสรรเสริญในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านคิดและทำมาตลอด ผมขอขอบพระคุณท่านและลูกศิษย์ของท่านไว้ในโอกาสนี้ด้วยครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณ และจะเป็นคนดีของสังคม                                                          

อนันต์ หูมแพง                                                         

บุคคลที่เคยไร้สัญชาติ

วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2549  

หมายเลขบันทึก: 45903เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2006 01:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2013 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท