นักเรียนสมัยนั้น...เวลาจากบ้านจะไปเรียนก็นำข้าว 1 กระสอบแบกไปด้วย...ส่วนมากไปเป็นเด็กวัด
เมื่อจบ ม.ปลาย ถ้าต้องการเรียนต่อต้องเข้าบางกอก...ครับ สำหรับลุงไสว กลับบ้านที่หัวไทร...และมีผู้ใหญ่ตามไปเป็นครู...ย้ายวนเวียนอยู่ใน อ. หัวไทรนั้นเอง เวลาไปไหนใช้เดินด้วยเท้า...
ท่านนำรถมอเตอร์ไซ มาใช้เป็นคนแรกของ อ. หัวไทรครับ...เด็ก ๆสมัยนั้น...พอได้ยินเสียงรถ...ดัง...พากันวิ่งมุงดู...ด้วยความตื่นตาตื่นใจครับ.. เกี่ยวกับพวกญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกตามจุดใหญ่ ๆ...คือเขามาปลอมตัวตกเบ็ดหาปลา...ที่แท้เขาวัดระดับน้ำทะเล...เขารู้หมดว่าตรงไหนตื้น...ลึก...เมื่อเขาเข้านครศรี ฯ ก็ไม่ทำอันตรายชาวบ้านนะครับเขายึดประเทศไทยไม่นาน...เป้าหมายเขาคือการเข้าโจมตีทหารอังกฤษที่ประเทศพม่า...ครับจุดที่น่าสนใจอยู่ที่...พวกเราไม่รู้และไม่มีแผนอะไรเลย...แม้กลุ่มทหารบุกขึ้นฝั่งทะเลทางอ่าวไทยมาแล้ว...เรายัง...งง...กันอยู่เลยครับ ช่วงหนึ่งผมถามการจีบกันของหนุ่มสาวสมัยโน้น...ท่านบอกว่า...เขาเจอกันตอนแต่งงานเลยครับส่วนใหญ่...เพราะญาติทั้งสองฝ่ายตกลงกันเอง...การไปบ้านเจ้าสาวจะคุยเรื่องจีบลูกสาวเขาไม่ได้เลย...ถ้าทำผิดเรื่องนี้ในสังคมชาวใต้เขามีการสั่งสอน...เช่น...ช่วงไปงานชมมโนรา หรือหนังตะลุง...มักจะมีญาติฝ่ายหญิง...ใช้ลูกขวานตีหัว...เพื่อให้จดจำครับ...ว่าเราทำผิดไปแล้ว...สาวสมัย60 ปีผ่านมาแล้ว...เขารักนวลสงวนตัวมากครับ...
ท่านเล่าว่า...บางคู่พอแต่งงานกันได้ 1 คืน...รุ่งเช้าฝ่ายชายมักมีผ้าเช็ดหน้าพันมือไว้...ทำไม...ผมถาม...เพราะการที่หนุ่มสาวไม่รู้จักกันแล้วมาอยู่ด้วยกัน...มันเขิน...ฝ่ายชายก็จะเอาให้ได้ในค่ำคืนนั้น...เข้าไม่ถูกจังหวะเลยถูกหยิก...เป็นแผล...เต็มตัวเลย...ครับ ท่านเล่าว่า...ผมเริ่มต้นชีวิตเมื่ออายุ 60 ปี ทำไมครับ...ออกจากการเป็นครูแล้วทำธุรกิจขายใข่ไก่...ใข่เป็ด...กับภรรยาซึ่งแต่งงานเมื่อท่านอายุ 57 ปี ขณะภรรยาอายุ 32 ปีครับช่วงนั้นต่อมาทำนากุ้ง...มีเงินก็ซื้อที่ดินไว้...เมื่อนากุ้งเริ่มมีปัญหาก็หยุด...แต่ขายน้ำทะเลเพราะที่บ้านห่างจากริมทะเลแค่ 30 เมตร ครับ...น้ำทะเลเขามาซื้อเอาไปผสมน้ำ...เกี่ยวกับทำนากุ้งครับ... ปัจจุบัน คุณครูไสว นวลพลับ มีความสุขสบายดี...อยู่กับภรรยาที่บ้านหัวไทร...มีลูกชายคนหนึ่งกำลังเรียนอยู่ที่สถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพ ฯ ตอนนี้กินเงินบำนาญเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาทมีทรัพย์สินประมาณ 30 ล้านบาทครับ...ด้วยความเคารพ...ผมเผยแพร่วิถีชีวิตท่านด้วยความชื่นชมว่า คนอายุ 60 ปีจึงเริ่มต้นได้สวยงามอย่างนี้ ผมขอน้อมคารวะท่านด้วยความจริงใจ...และเป็นอุทาหรณ์...สอนใจพวกเราว่า...จงมีความพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเถิด...หรือคุณมีความคิดเห็นเป็นประการใด...โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umiไม่มีความเห็น