อีกครั้ง...กับการจากไป..


อีกครั้ง...กับการจากไป

            ข่าวน้ำท่วมเป็นอุทกภัยที่เราทุกคนเห็นจากทีวีทุกช่องได้นำเสนอในช่วงนี้แต่ที่ฉันเสียใจมากคงเป็นข่าว ตาและหลาน ที่ออกไปหาปลาและเรือชนเสาใต้น้ำพลิกคว่ำเสียชีวิตทั้ง 3 คน คนโตน้องมังกร อายุ 7 ปีและคนเล็กน้องเดรฟ อายุ 6 ปี ทั้ง 2 คนเป็นลูกชายของน้องพยาบาลที่ทำงานอยู่ด้วยกันกับฉัน

             บางวันแกจะมาเล่นที่ตึกเพื่อรอพ่อแม่ลงเวร ก็วิ่งซุกซนตามประสาเด็กๆเป็นภาพที่ชินตาว่าบางวันห้องพักของตึกเราจะเป็นที่รวมพลเด็กๆลูกๆเจ้าหน้าที่  ชีวิตของพยาบาลต้องอยู่เวรเป็นผลัดเช้า-บ่าย-ดึก สลับกันไปก็ต้องให้พ่อบ้างแม่บ้างเปลื่ยนกันรับลูกที่โรงเรียน

              21 ส.ค 54 เวลาประมาณ 21.30น.ฉันรู้ข่าวว่าเด็กๆออกไปกับตาตั้งแต่เย็นยังไม่กลับมาน้องออกไปตามหาแต่ไม่มีวี่แววว่าจะพบพี่หัวหน้ารายงานผู้บริหารทราบแล้วต่างช่วยกันประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นนายอำเภอ / ป.ภ /ตำรวจ ก็ได้ช่วยกันนำเรือกู้ภัยออกตามหาบริเวณที่ตาออกไปวางรอบดักปลา ฉันกับพี่และน้องที่ตึกออกไปที่จุดเกิดเหตุพร้อมรถพยาบาล จนเวลา 24.00 น.ฝนก็ตกลงมาจนต้องหยุดภาระกิจการค้นหาด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับทีมที่ออกไปเพราะทั้งความมืดและลมฝนที่กระหน่ำทำให้เราห่วงว่าเรือจะล่มแต่พอฝนหยุดตกทีมกู้ภัยก็ออกไปกันอีกด้วยความหวัง......แม้ว่ามันจะลางเลือน

               เราเข้าไปหลบฝนในรถกระบะที่มีหลังคาสูงซึ่งเป็นของชาวบ้านแถวนั้นเขาต้องเอามาจอดไว้บนริมถนนเพราะในบ้านน้ำท่วม   ฉันมองไปรอบๆเจอแต่ความมืดและท้องน้ำที่สะท้อนเงาวิบวับของแสงจันทร์ที่พยายามส่องผ่านเมฆสีดำกลุ่มใหญ่      ในใจฉันได้แต่ภาวนาว่ามันอาจจะมีปาฏิหาร  หรือเรืออาจน้ำมันหมดตาอาจพาเด็กๆแวะพักที่ห้างนาหรือบ้านใครสักแห่งที่รู้จักเพราะมันมืดและคลองก็เชื่อมต่อกับแม่น้ำยมที่กำลังเชี่ยวกราก.........จนเวลา 01.00น.พวกเราบางส่วนกลับมาพักส่วนทีมกู้ภัยของป.ภกับน้องพยาบาลชายกับทีมเจ้าหน้าที่และรถพยาบาลยังรออยู่ที่นั่น

              แต่แล้วก็รู้ว่าหมดหวังตอน 06.30 น.ฉันได้รับข่าวว่าเขาเจอศพ ตา และน้องมังกร เรารีบไปเตรียมพร้อมออกไปอีกครั้งกับพี่ๆบนฝ่ายการพยาบาลตอนไปถึงได้ข่าวว่าเจอน้องเดรฟคนสุดท้าย เมื่อฉันก้าวขึ้นไปบนบ้านเห็นแต่เพียงน้ำตามากมายกับเสียงร้องไห้ของผู้เป็นพ่อแม่และคนรอบข้างมันเป็นความสะเทือนใจที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรพยายามกลืนก้อนแข็งๆจุกที่คอตัวเอง  ฉันช่วยน้องแพ็คศพลูก ภาพปากและมือที่ขาวซีดของเดรฟยังจำติดตา ทั้งสองคนยังเล็กเหลือเกินหลายคนพูดว่าไม่น่าต้องจากไปในเวลาเช่นนี้บางคนบอกว่าน่าจะรอดสักคนก็ยังดีนะ   ฉันเองก็คิดเช่นนั้นทำไมและทำไม......แต่ไม่มีคำตอบ  

             เราอาจเคยได้ยินว่าชีวิตไม่อนิจจังมีเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นของธรรมดาแต่บางทีมันก็ไม่แน่บางชีวิตก็มีแค่เกิดและตาย  ฉันได้แต่ขอภาวนาให้ตาและหลานๆไปสู่สุขคตินะ  ประโยคหนึ่งแว๊บเข้ามาในสมองจำไม่ได้ว่าเป็นคำพูดของพระหรือท่านใดต้องขออภัยและขอหยิบยกเอามาฝากเพื่อนๆGTK 

            " พรุ่งนี้กับชาติหน้าบางทีเราไม่รู้ว่าอะไรจะมาถึงก่อนกัน " และเราไม่อาจรู้ว่าเมื่อไหร่มันจะถึงเวลาของเราที่ต้องเป็นฝ่ายไป

      

หมายเลขบันทึก: 456695เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2011 22:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มีนาคม 2012 11:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากที่เสียลูกไปพร้อมกัน สองคน

และคงจะใช้เวลาเยียวยาไปนาน...ขอส่งกำลังใจขอให้ผ่านพ้นความทุกข์กาลเวลาจะช่วยเยียวยา...เพื่อนๆพี่น้องทีทำงานคงจะช่วยเยียวยาหัวใจ

อาชีพเราน่าเห็นใจ...มากที่สุด...บางทีก็เคยปล่อยลูกทิ้งไว้...

 

 

สวัสดีครับ

เป็นบันทึกที่น่าคิดและเตรียมตัวครับ

@พี่แดงขอบคุณแทนน้องๆนะคะตอนนี้เขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง

เราก็ได้แต่เอาใจช่วยให้เขาผ่านเวลาอันแสนเศร้า....นี้ไปให้ได้

แม้ต้องใช้เวลา...แต่เราก็จะดูแลน้องๆอย่างดีสุดค่ะ

@ทิมดาบ เราคงต้องย้อนกลับมาบอกตัวเองซ้ำๆว่า

วันนี้เราทำอะไรให้คนที่เรารักอย่างดีที่สุดแล้วรึยัง

เราอยากใช้เวลาที่มีเหลืออยู่..เพื่ออะไร..มันอาจเป็นพรุ่งนี้

แต่เราจะไม่เสียใจที่ได้ทำ...นสิ่งที่อยากทำเพื่อคนที่เรารัก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท