นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 15


บันทึกนกแอ่นกินรังหน้าที่ 15

เรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกของนกอีแอ่น

จากบันทึกหน้าก่อนๆ เราบอกว่าพ่อแม่นกขยันขันแข็งมากในการเลี้ยงลูก แม้ว่าหลายคนจะสงสัยว่า มันแม่นกมีกิ๊กด้วย(?) ก็เถอะ

แต่หากว่าพ่อและแม่ยังคงกลับบ้านตรงเวลา ทำหน้าที่ไม่บกพร่อง และอยู่ด้วยกันตลอด (สร้างรัง วางไข่ เลี้ยงลูก) ตลอดเวลามีแค่สอง อย่างนี้ ก็เรียกว่าเป็น monogamy ไม่มีอื่น

เรื่องมีกิ๊ก...หรือไม่มี ...ใครจะสน  นกคงมีเหตุผลของมันเองอยู่หรอกน่า เราก็เดาว่าถ้ามีจริง คงเป็นเรื่องความต้องการให้ยีนแข็งแรงน่ะ

 พ่อแม่นอกจากจะทำงานด้วยกันแบบค่อนข้างจะยุติธรรมแล้ว

พ่อ และแม่นกจะช่วยกันเลี้ยงลูกจนวินาทีสุดท้ายด้วย จนวันที่ลูกจะออกจากอก

หมายความว่า แม้ว่าคุณจะเห็นว่าลูกของมันโตเป็นควายแล้ว (โตพอที่คุณคิดว่าลูกของมันควรจะบินออกจากรังซะที) แม่มันไม่ควรต้องเลี้ยงอีกต่อไป ละก็ คุณคิดผิด

พ่อและแม่นก จะกลับมาป้อนอาหารให้ลูกนกที่โตเป็นควาย นั่งอยู่ในรังนั้น เสมอและทุกวัน เพียงแต่ความถี่น้อยลงมาก  จากเดิมให้วันละหลายครั้ง มันก็ลดลง 

ดูเหมือนลูกนก จะเป็นคนตัดสินใจเองว่า จะละทิ้งพ่อและแม่ของมันเมื่อไร

(เขียนอย่างนี้ ก็ออกจะใจร้ายสำหรับพ่อแม่ไปหน่อย เปลี่ยนประโยคดีกว่า)

 ดูเหมือนว่าลูกนกจะตัดสินใจเองว่า เมื่อไร จะพร้อมไปเผชิญโลกภายนอก  ด้วยลำแข้งและแรงปีกของตนเอง

(ค่อยดูดีหน่อยนะ)

ที่เขียนอย่างนี้ก็มีมูลอยู่ว่า 

ทุกเช้าที่พ่อแม่นกตื่นขึ้นมา ถ้ามันยังเห็นลูกโข่งอยู่ในรังละก็

หลังจากบินออกจากรังไปหาอาหารใส่พุงแล้ว ไม่ พ่อก็แม่นก แหละ  ที่ต้องบินกลับมาป้อนลูกโข่งที่รัง อย่างน้อยวันละมื้อ

และอาหารที่ลดลงนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ลูกนกร้อนใจ หรือน้อยใจอะไร 

มันยังคงมั่นคงในจิตใจ กระซิบบอกตนเองว่า

 "ถ้าไม่พร้อม ก็อย่าเสี่ยง" เพราะฉนั้น จงนั่งเกาะพ่อแม่กินต่อไป.. เอ้ย.. จงนั่งเกาะรังไปก่อน มั่นใจสุดๆ แล้วค่อยออกนะ

น่านแหละแปรความเอาได้อย่างนี้

แต่ละวัน ที่รอคอย ลูกนกก็ไม่ได้งอมือและงอเท้านิ่งเฉย

 มันฝึกวิทยายุทธ กระพือปีก อยู่เรื่อยๆ เพื่อปีกแข็งแรง กายพร้อม ใจพร้อม ..(อย่างกับโฆษณาสินค้าอะไรสักอย่าง)

พอมันนึกจะไป เวลาไหนก็ไม่เกี่ยง บางทีจะเย็นอยู่แล้ว เพิ่งตัดสินใจออก จนพ่อ หรือแม่อมอาหารมาเต็มปาก  กลับมาไม่เจอ 

(ก็ลูกฉันยังเห็นกันอยู่หลัดๆ เมื่อเช้านี้ กลับมาไม่เจอซะแล้ว

 มันต้องกล้ำกลืนกินก้อนอาหารที่มันอมมาอย่างยากเย็น

ลูกนกโตมากขนาดนี้ พ่อแม่ควรจะกินอาหารให้อิ่มก่อนแล้วค่อย

โฉบมาให้ลูกตอนสายๆ )

บางทีไม่ใช่พ่อหรือแม่ที่กลับมาเก้อเพียงตัวเดียว เราพบว่ามันเคยเก้อกันทั้งสองตัว อิอิ หน้าแตกเสมอภาค

แสดงว่า ลูกนกไม่บอกล่วงหน้าว่าจะไปวันนี้  

แต่เมื่อข้ามคืนนั้นไปแล้ว เช้าขึ้นมาไม่มีลูกนกอยู่ในรัง พ่อแม่นกก็ไม่อมอาหารมาให้หรอกนะ หมดสิ้นความทรงจำว่ามีลูกนกอยู่ หยุดแสดงพฤติกรรมpalental care ทันที

ที่เขียนเรื่องนี้เพราะต้องการบอกข่าวชาว "บ้านรังนก" เรื่องความเหมาะสมของการเก็บรัง

แม้ว่าคุณจะเห็นว่าลูกนกโตใกล้เคียงกับพ่อแม่แล้ว

แต่ก็ยังเกาะอยู่นั่นเอง ไม่บินออกไปซะที

ก็ขอให้ใจเย็นๆ  อย่าม้วนเสื่อก่อน

เพราะว่าลูกนกยังไม่พร้อมออกบินจากอกพ่อแม้จริงๆ

มันจึงต้องเกาะอยู่ และพ่อแม่ก็ยินดีจะเอาอาหารมาป้อนทุกวัน  ซึ่งก็อีกไม่นานนัก

อย่างนี้ลูกนกจะมีอัตราการรอดสูง แต่ถ้ารังถูกเก็บก่อน  แล้วตัวลูกนกถูกเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง ...ไม่ได้อยู่ที่เดิม ตรงรังเดิมของมัน  ห่างกันเพียงหนึ่งฟุต  พ่อแม่นกก็ไม่ตามแล้ว

อวสานและโอกาสเกิด โศกนาฏกรรมต่อลูกนก มีมาก

ไม่ได้เขียนเวอร์   เพราะว่า พ่อแม่นกอีแอ่นนี้ แม้ว่าจะดูฉลาดมาก ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่มนุษย์หวังจะให้เป็น  นั่นคือ  ไม่ได้ตามไปป้อนลูกอย่างพ่อแม่คน ที่เดินตามป้อนข้าวลูกต้อยๆ ทุกเช้าเย็น

นกอีแอ่น ถ้าลูกไม่ได้อยู่ในรัง ไม่ตามไปเก็บ ไม่ตามไปป้อน แล้วลูกนกจะตาย

ดังนั้น ขอให้รอให้ลูกนกบินออกจากรังให้หมดก่อน ค่อยเก็บรัง

และถ้าคนคิดว่า ทำการฟักไข่เอง และป้อนลูกนกเอง ด้วยมือคน จะได้ดีเท่ากับที่พ่อแม่เลี้ยง แถมได้ผลผลิตมากกว่า 

คนอาจคิดผิด และอาจเป็นผลเสียต่อเผ่าพันธุ์ของนกในระยะยาว

เพราะมันมีพฤติกรรมบางอย่างที่มนุษย์อาจไม่เข้าใจ

แล้วจะเขียนถึงต่อไป

ครูเล็ก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #นกแอ่นกินรัง
หมายเลขบันทึก: 45657เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2006 17:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ความโลภของมนุษย์ ทำให้วงจรชีวิตของสัตว์เสียหาย อันนำมาซึ่งหายนะของโรคภัย

เป็นกำลังใจงานเขียนของอาจารย์ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท